---ที่มา---
http://www.rakbankerd.com/01_jam/thaiinfor/country_info/index.html?topic_id=2338&db_file
--รายละเอียด--
นับตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา คำกล่าวที่ว่า ครูเกิน ครูล้นงาน หรือเรียนครูแล้วไม่มีงานทำ คงต้องทบทวนและลบล้างให้หมดสิ้นไปจากความคิด เพราะสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน กลับพบว่าครูในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานขาดแคลน ปัจจัยที่เป็นข้อเท็จจริงและส่งผลให้เกิดสภาวะขาดครูมีหลายประการ ได้แก่นโยบายควบคุมการผลิตครู การตัดอัตราครูเกษียณอายุราชการ และโครงการออกจากราชการก่อนเกษียณอายุ การลดอัตราการรับครู ครูทำงานหลายฝ่าย และครูสอนไม่ตรงตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้เกิดสภาวะขาดแคลนครูในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดปัญหาที่รอการแก้ไขอยู่ในขณะนี้
ข้อเท็จจริงที่ว่าครูขาดหรือเกินกันแน่นั้น จึงขอนำผลงานวิจัยจำนวน 2 ชิ้นมานำเสนอเพื่อเป็นข้อมูลที่สะท้อนให้เห็นภาพการขาดแคลนครูในประเทศไทย ดังนี้
เมื่อพิจารณาตามช่วงชั้น พบว่าจำนวนครูในระดับต่างๆ ดังนี้
กลุ่มประถมศึกษา ค่าเฉลี่ยของครูที่ขาดแคลน 1 ต่อโรงเรียน เท่ากับ 0.67
ช่วงชั้นที่ 1 เท่ากับ 0.58
ช่วงชั้นที่ 2 เท่ากับ 0.53
ช่วงชั้นที่ 3 เท่ากับ 0.52
ช่วงชั้นที่ 4 เท่ากับ 0.76
เมื่อพิจารณาตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ พบว่าจำนวนครูที่ขาดแคลนมากที่สุดอยู่ในระดับช่วงชั้นที่ 4 ซึ่งเป็นครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ค่าเฉลี่ย 2.05 และเป็นครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ค่าเฉลี่ย 1.30
เมื่อพิจารณาตามภูมิและที่ตั้งของโรงเรียนแล้ว พบว่าจำนวนครูที่ขาดแคลนมากที่สุดคือครูในเขตอำเภอภาคเหนือ ครูนอกเขตอำเภอเมืองของ กทม. และปริมณฑล โดยมีค่าเฉลี่ย 0.79 และ 0.78 ตามลำดับ
ลักษณะการขาดแคลนครูที่พบมากที่สุด คือครูสอนต้องช่วยงานอื่นๆ ของโรงเรียน และไม่ได้สอนตามวิชาเอกที่ได้เรียนมา คิดเป็นร้อยละ 92.50-92.90 ของโรงเรียนทั้งหมด
ผลงานวิจัยทั้ง 2 ชิ้นนี้บ่งชี้ให้เห็นภาพกว้างของสภาวะขาดแคลนครูในประเทศไทย และเป็นข้อมูลสารสนเทศที่มีประโยชน์ต่อการตัดสินใจผลิตครูในอนาคต ผู้ที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบในการผลิตได้ใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่อไป
ก็เพราะการเป็นครูเดี๋ยวนี้ลำบาก ทำให้ไม่มีใครอยากเป็นไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ได้รับความเคารพเชื่อถือ แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว