เกาะ มุข - Muk Island Trip


(โดย ปริญญา ทองประภา)
เกาะ มุข - Muk Island Trip
20 - 25 เมษายน 2544
(โดย ปริญญา ทองประภา)


สวัสดีครับ.....
เพื่อนสมาชิกกลับมาแล้วครับ.....
สำหรับโปรแกรม alone tourความสุดยอดอยู่ตรงไหนคงเล่ากันปากเปล่าไม่ได้หรอกนะ เรื่องแบบนี้ต้องสัมผัสด้วยตัวของท่านเองโปรแกรมแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆหรอกนะครับ เพราะมันต้องอาศัยอารมณ์และทรงผมเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ แต่ถ้าได้ลองสัมผัส แม้เพียงสักครั้งแล้วจะติดใจ(ขอบอก....)............
หลังจากการเดินทางไปหาค้นหาความหมายของชีวิต ก็ได้พบคำตอบที่น่าพึงพอใจแม้จะไม่มากอย่างที่ตั้งใจเอาใว้ ก็มีบางช่วงเหมือนกันที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด มีข้อมูลบางส่วนที่พอจะเปิดเผยได้ จึงได้เอามาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นข้อมูล สำหรับนักเดินทางที่ต้องการค้นหาความหมายของชีวิตได้ค้นคว้าต่อไปครับ.....

...........นั่งนึกนอนนึกอยู่ สอง-สามวันว่าพักร้อนปีนี้จะจัดการกับชีวิตห่วยๆนี่ยังงัยดี....."ภาคใต้เป็นงัย"..... "ฮือออ...น่าสนใจ"

.............บ่ายแก่ๆของวันศุกร์ที่ 20 เมษายน 2444 ชายหนุ่มใหญ่ ใจพอง หน้าตาดีแบกเป้คู่ใจ จับรถโดยสารปรับอากาศมุ่งหน้าสู่ กทม.เพียงชั่งโมงเศษๆเท่านั้นก็ได้มาเดินเตร็ดเตร่อยู่หน้าสถานีขนส่งเอกมัยยืนเก้ๆกังๆ ได้สักครึ่งนาทีก็จ้ำสู่สถานีรถไฟฟ้า BTS นี่ขนาดครั้งแรกนะเนี้ยซื้อตั๋วไปลงสถานีสุดท้ายสายตะวันตกได้อย่างคล่องแคล่วไม่มีที่ติเลยจะบอกให้ จากนั้นก็นั่งแท็กซี่ต่อไป สายใต้ใหม่ ตรวจสอบเที่ยวเดินรถของจังหวัดภาคใต้ก็พอดีไปได้รถ บขส.24 ที่นั่งเที่ยวทุ่มตรง นั่งหลับๆตื่นๆ เจ็ดโมงเช้าวันรุ่งขึ้นก็มายืนอยู่หน้าสถานีขนส่งประจำจังหวัดตรัง...........

........ยังรู้สึกมึนๆจากพิษเบียร์กระป๋องบนรถเมื่อคืนอยู่เลยก็ต้องไปนั่งทำหน้าได้ปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่บนรถ ตู้มุ่งหน้าสู่หาดปากเมง(ชื่อทางราชการ)ถึงท่าเรือ หาดปากเมง สอบถามคนแถวนั้นได้ความว่า ที่นี่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวกันเป็นหมู่คณะ จึงมีเรือแบบเช่าเหมาลำไว้บริการ ค่าเช่าเรือไปกลับก็แล้วแต่ระยะทาง มีตั้งแต่ราคา 1,400 - 3,500 บาท ..............ถ้าไปเกาะมุขก็อยู่ประมาณ 2,500 บาท "แล้วถ้ามาคนเดียวล่ะครับ" ถามเด็กเรือ "ไม่คุ้มหรอกพี่ พี่ไปขึ้นเรือโดยสารที่ หาดเจ้าไหมดีกว่า มีวันละเที่ยว ออกประมาณเที่ยงใกล้กว่ากันเยอะ" น้องคนเรือบอกด้วยความหวังดี ..........."แล้วมีรถโดยสารจากนี่ไปรึเปล่าครับ" "ไม่มีหรอก ต้องโบกรถไป"

............หึๆ ทำงัยดีล่ะคราวนี้ โบกก็โบก วะ! ประมาณบ่ายโมงเรือโดยสารที่มีเพียงวันละหนึ่งเที่ยวก็ออกเดินทางไปยังเกาะมุข ซึ่ง99%เป็นมุสลิม ระหว่างทางก็ได้มีโอกาสได้พูดคุยกับเพื่อนใหม่ ชื่อโกเก๋า โกเก๋าส่งยิ้มมาพร้อมกับขวดเหล้าขาว ไอ้เราก็เป็นคนต่างถิ่น ครั้นจะไม่รับก็กะไรอยู่ ก็เลยกระดกไปนิดนึง โกเก๋าบอก อีกหน่อยๆ พอกระดกขวดถี่ขึ้น การสนทนาก็เริ่มออกรสชาด โกเก๋าเล่าให้ฟังว่า โกเก๋าเคย "เก๋า" แถวนี้มาก่อน ใครๆเค้าก็เรียกว่า โกเก๋า กันจนติดปาก แต่ตอนนี้แก่แล้ว อายุห้าสิบกว่าแล้ว โกเก๋าก็ชี้ให้ดูที่ทางของแก ซึ่งบอกว่ามีอยู่ ร้อยกว่าไร่ บนเกาะลิบง ที่อยู่ระหว่างทางไปเกาะมุข ระหว่างทางบางช่วงน้ำตื้น น้ำใสมาก มองเห็นหญ้าทะเล อยู่หนาแน่น ที่นี่เชื่อกันว่าเป็นแหล่งที่อยู่ของปลาพะยูนฝูงสุดท้าย ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ครับ กำลังเพลิดเพลินกับธรรมชาติ วิว ทิวทัด โกเก๋าถามว่ามาทำอะไรที่นี่ ก็เลยบอกว่ามาเที่ยว พักผ่อน โกเก๋าทำหน้างงๆ แล้วพูดว่า "มึงมาบ้าอะไร คนเดียวว่ะ" ????

ไม่มีคำตอบแต่ในใจคิดว่า "ไอ้ -่า มาคนเดียว มันผิดตรงไหนว่ะ" มีอยู่ช่วงนึง เกือบโดนถีบตกเรืออยู่เพราะ เพื่อนใหม่(โกเก๋า) คู่สนทนาน่ะสิ มีอย่างที่ใหนมุสลิมนั่งเต็มเรือมีเรากับโกเก๋าเท่านั้นที่ไม่ใช่ โกเก๋าพูดด้วยเสียงดังฟังชัดว่า "คนบนเกาะเกือบ100เปอร์เซ็นต์เป็นมุสลิม พวกนี้....โง่" ........................."แต่ใจดี" มุสลิมนั่งกันเต็มเรือเลยครับไม่ถูกถีบตกเรือก็นับว่าเป็นบุญไม่น้อย
...........พอมาถึงเกาะมุขจ่ายค่าเรือ 20 บาท แล้วก็โบกรถเครื่องชาวเกาะ ให้ไปส่งที่พัก จัดแจงเก็บข้าวของแล้วกะจะหาเบียร์เย็นกระแทกปากให้หายสงสัย.....Oh my Buddha......ที่นี่อิสลาม โนเหล้า โนเบียร์.......สงสัยต้องเฉาตายที่นี่แน่ๆเลย.......................ยังครับยังกรุงศรีอยุธยายังไม่สิ้นคนดีฉันใด...ที่นี่ก็ยังพอหาเบียร์ ดื่มได้ฉันนั้น...555...ก็ร้านข้างๆแหล่ะเค้าพอมีใว้ขายให้นักท่องเที่ยวฝรั่ง เพราะคนไทยกระเดือกไม่ลงครับเบียร์สิงห์ขวดละตั้ง 100 บาท แต่ก็มีไอ้บ้าคนนึงมาคนเดียว ซัดไปเกือบโหล ก็เมาดีเหมือนกันนะ...เด็กๆสาวๆที่ร้านสงสัย กันใหญ่ว่าทำใมมาคนเดียว....อกหักรึเปล่าน้อออออ........?????...........เช้าอีกวัน......เสียงเด็กที่รีสอร์ทมาร้องเรียกอยู่หน้าห้อง "พี่ๆ ตื่นรึยัง เรือเค้าจะออกไปดูปะการังกันแล้ว"งัวเงียตื่นขึ้นมาได้เลยบอกเด็กไป "OK ครับเดี๋ยวผมลงไป"เหมือนเดิมครับ จะเช่าเรือไปดูปะการังคนเดียวคงไม่สนุกแน่เพราะค่าเรือวันละ 1800 เห็นจะได้ ที่รีสอร์ทเค้าก็เลยฝากไปกับ กรุ๊ปทัวร์
...........วันนั้นแช่อยู่ในน้ำทั้งวันจุดแรกที่ไปดูคือที่เกาะกระดานหาดสายขาวสวยมาก ปลาการ์ตูนแหวกว่ายรอบข้างรอบเอวเต็มไปหมด แต่ปะการังมีแต่หักๆ ตายจนไม่เหลือความเป็นปะการังเลย........แต่อาสัยว่ามีสาวๆดำผุดดำว่ายอยู่ใกล้เยอะหน่อย....เฮย...ค่อยโอเคหน่อย ............จุดที่สอง, สาม และสี่ คือเกาะไหง เกาะม้า เกาะเชือก นี่สุดยอดมากเลย นี่ขนาดปะการังน้ำตื้นยังสวยขนาดนี้สุดบรรยายจริงๆครับ...เอาเป็นว่าไม่บรรยายก็แล้วกัน ต้องไปดูเองครับ...555...
.............จุดสุดท้ายของโปรแกรมวันนี้ ก็คือถ้ำมรกต นี่ก็เป็นอีกจุดน่าสนใจมาก เพราะที่ปากทางเข้าถ้ำมีแสงตกกระทบ น้ำทะเลทีเขียวๆ ใส สะท้อนขึ้นไปที่ผนังถ้ำเป็นสีมรกต สวยงามมาก และที่สุดยอดอีก ก็เพราะ ต้องลอยคอเข้าไป ในถ้ำที่มืดสนิท แทบมองไม่เห็นอะไรเลยประมาณเกือบ 100 เมตร โดยใช้วิธีเกาะหลังต่อๆ กันยาวเยียด เข้าไปซึ่งเป็นทางเข้า-ออก เพียงทางเดียว ไปโผล่อีกฟาก เห็นหาดทรายแคบๆ อยู่ตรงกลางช่องเขา สูงชันมาก มองเห็นแต่หน้าผาตัด กับท้องฟ้าสีครามด้านบน................................เย็นวันนั้นกลุ่มที่ไปเที่ยวด้วยกันเมื่อกลางวัน เป็นพี่ๆจากจังหวัดพัทลุงมากัน 3 ครอบครัว เค้าชวนให้ลงมากินข้าวด้วย ก็เกรงอกเกรงใจอยู่พักนึง หึๆ.......อาหารทะเลสดๆ กุ้ง ปู ปลา ตัวใหญ่ๆ อิ่มฟรีไปอีกมื้อครับ...........ตอนแรกตั้งใจจะค้างที่เกาะมุขซัก 2 คืนแต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนใจโดยอาศัย เรือของกรุ๊ปทัวร์ไปขึ้นฝั่ง พอถึงฝั่งก็มึดมากแล้ว ประมาณสองทุ่มเห็นจะได้ จากท่าเรือของ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าใหมก็ต้องโบกรถ ออกไปยังที่ทำการอุทยานเพราะไม่มีรถโดยสารผ่านจุดนี้เลย และแล้วคืนนี้ก็นอนเต็นท์ของอุทยานนี่เอง..............
................ความสุดยอดของคืนนี้อยู่ที่อากาศชายทะเลยามค่ำคืนที่ลมเย็นสบายแต่ในเต็นท์โคตรร้อนแบบสุดๆ และยุงโคตรเยอะเลย ยุงทะเลนี่ขอบอกว่าตัวใหญ่มาก เป็นยุงพิษด้วยกัดเข้าไปทีเป็นแผลอยู่ตั้งหลายเดือนกว่าจะหาย ก็เหมือนกับทุกคืนเหละครับ ซดเบียร์สิงห์ไป สาม-สี่ขวด แล้วเข้านอน แล้วคืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่เกือบเอาชีวิตไปทิ้ง กว่าจะข่มตาหลับได้ต้องต่อสู้กับยุง อยู่พักใหญ่ สักพักนึง ก็มีเสียงดังเหมือนเสียงระเบิดแต่ดังไม่มากตกใจมากมองออกไปที่ทำการอุทยานยังเห็นปิดไฟเงียบอยู่ สักพักนึงก็มีเสียงเอะอะโวยวายแล้วก็มีเสียงคนวิ่งไล่กันประมาณ 8-10 คนเห็นจะได้ ในมือมีทั้งมีดและปืนวิ่งผ่านเต็นท์ที่เรานอนอยู่ ได้แต่นอนเงียบๆแทบไม่หายใจเลยที่เดียวให้กลุ่มคนเหล่านั้นคิดว่าไม่มีคนอยู่ในเต็นท์ เวลาผ่านไปช้ามากจนเสียงเริ่มเงียบลงจึงคิดว่าคงไปกันหมดแล้ว.....แต่อยู่ๆ ก็มีคนโผล่เข้ามาในเต็นท์อย่างรวดเร็วมาก พร้อมกับมีดในมือจ่อที่คอหอยเราทันที พยายามรวบรวมสติว่า จะทำงัยต่อไปดี.....พอดีตกใจตื่นซะก่อน.......

คำสำคัญ (Tags): #ท่องเที่ยว
หมายเลขบันทึก: 58450เขียนเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2006 14:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:18 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อืม...วันเวลาผ่านไปไว เหมือนโกหก

เผลอแผล็บๆ ผ่านไป 107 ปี

พับผ่า! คนอารายอายุยืนเป็นบ้า

เอ.......???

แต่เดี๋ยวนะ..สมัยนั้นมีรถไฟฟ้าแล้วเยอ..ปู่

....?!?!

จะว่าไปแล้ว วลีการเล่าของลุงก็หนุกหนานมากมายอยู่น้า ๆๆ อิอิ

ต้องไปดำดูประการังน้ำตื้นที่เกาะมุขดูสักที 555++ ว่าจะงามประทับใจยั่งว่ามั้ย ???

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท