ดิฉันตั้งใจจะเขียนบันทึกนี้เพื่อทดสอบวิชาการจัดโครงการ:บรรยากาศข้างเคียงต่อความสำเร็จของกระบวนการ มิมีเจตนาอื่นนอกจากตั้งใจสะท้อนวิชาชีพสู่คนที่ดิฉันรัก (ทีมงานมหาวิทยาลัยนเรศวร)
ความสำเร็จสำคัญของการจัดกระบวนการคือ
ความพร้อมของผู้จัดงาน งานนี้ดิฉันเห็นว่าเต็มร้อยพิธีกรสวยอีกต่างหาก
ความพร้อมของวิทยากร งานนี้วิทยากรล้วนใจสั่งมา
ความพร้อมของผู้เข้าร่วม งานนี้ทุกคนอยากเข้าร่วมเพราะจัดที่สุโขทัยคิดถึงทีม มอ.นะคะลำบ้าก ลำบากในการเดินทาง...จนหลายคนเปลี่ยนใจสลับสับตัวกันแทบไม่ทัน
ความพร้อมของสภาพแวดล้อมประกอบงานนี้ไม่ค่อยสมบูรณ์เนื่องจาก 2-3ประการนอกเหนือการควบคุม
1.ห้องที่ใช้ควบคุมบรรยากาศได้ยาก(ห้องกว้างมาก) คนกระจัดกระจายกันทั่วไปอาจแก้โดย จำกัดพื้นที่ที่ไม่ใช้โดยใช้บอร์ดกั้น
2.เวทีสูงมาก....ไม่เสริมความรู้สึกเป็นกันเองระหว่างผู้บรรยายงานนี้มีถึง 2 ช่วง ทางแก้คือย้ายเวที ลงมาข้างล่างจะให้บรรยากาศที่อบอุ่นกว่าและเพราะห้องใหญ่มากจึงทำให้ presentation อาจารย์หมออภิชาติเล็กไปถนัดตา
3.การจัดผู้สังเกตการณ์นั่งขั้นเป็นโต๊ะยาวกลางห้อง..ทำให้การแบ่งกลุ่มถูกตัดขาดเหมือนคนละฝ่าย
4.โต๊ะของ note taker ห่างออกไปมากทำให้คนเล่าเรื่องกังวลว่าจะฟังเรื่องของเราได้หรือเปล่าเสียสมาธิไปนิดหน่อย
ดิฉันพยามสื่อว่าพื้นที่ห้อง ที่มีพื้นที่เหลือใช้เยอะ มีการจัดผู้สังเกตการเข้าตรงกลางทำให้รวมจุดได้ลำบากประกอบกับ เวทีที่สูง มันดูแยกไปคนละทิศ หาจุดรวมลำบาก เพราะมัน span ไปทั่วห้อง
เป็นความจริงว่าหลายๆครั้ง เราไม่สามารถควบคุมอะไรได้เช่น โรงแรมไม่มีห้องให้เลือก ความสมบูรณ์ของระบบเสียงควบคุมไม่ได้ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่โรงแรมทิศทางของไฟ LCD หรือกระทั่งเวทีที่สูงไปก็มันมีอย่างนั้นเราสามารถปิดจุดอ่อนนั้นได้อย่างไร สำหรับห้องนั้นเราควรบริหารพื้นที่ในห้องประชุมตามเวลาของการใช้ในห้องทำเป็นสองพื้นที่ในห้องสำหรับใช้เป็นวงแลกเปลี่ยนของกลุ่มอยู่ตามมุมห้องและอีกพื้นที่จัดกลางห้องที่ใช้รวมศูนย์กลางใช้เฉพาะเก้าอี้สำหรับฟัง lecture และทำ AAR โดยใช้เวลาที่ต้องการใช้พื้นที่ในโครงการเป็นตัวกำหนดการจัดห้อง ซึ่งการจัดครั้งนี้ใช้เวลารวม 10 ชม. สำหรับแบ่งกลุ่ม 3 ชม. และสำหรับที่ต้องการรวมใจ ถึง 7 ชม.(คร่าวๆ) สัดส่วนการจัดห้องจึงต้องดูให้สอดคล้องกันคือแบ่งกลุ่มกระจายตามมุมห้อง 3 ชม.และจัดที่นั่งแบบรวมใจ 7 ชม.
อีกนิดค่ะช่วงทำAAR ด้วยอุปสรรคของห้องทำเลที่กระจัดกระจายคนละมุมปัญหาระบบเสียงขาดหายจึงขาดพลังของ AAR ไปเล็กน้อยมีอะไรขวางใจอยู่ เวลากลุ่มโน้นพูดกลุ่มนี้ก็ไม่ฟัง หากจัดเก้าอี้ตามแบบAARจะเสริมพลังใจยิ่งขึ้น (ดิฉันสังเกตว่าเมื่อเราทำงาน UKM มาได้ซักระยะ เราจะรู้สึกว่าช่วง AAR ไม่มีอะไรเราชักจะพิถีพิถันน้อยลง(อันนี้ดิฉันอาจมองผิดว่าพิถีพิถันน้อยลงดิฉันก็เป็น..)ที่จริงแล้วเราไม่ควรเบื่อการทำ AARที่ดูเหมือนจะพูดซ้ำๆ เพราะมันเป็นพลังอย่างดีในการขับเคลื่อนเครือข่ายฯเป็นทั้งแรงเสริมใจและแรงส่งในแง่ของการปรับปรุง)
ผมเห็นด้วยกับคุณเมตตาทั้งหมดเลยครับ และขอขอบคุณมากที่ช่วยชี้แนะให้เห็นกันชัด ๆ อีกที เราทีม มน. เองก็รู้สึกไม่คุ้นเคยและใหม่กับสถานที่นี้มากเช่นกัน เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เรามาใช้สถานที่นี้ ทุกอย่างจึงรู้สึกขาด ๆ เกิน ๆ ไปหมด วันแรกที่ผมต้องขึ้นไปพูดเกริ่นนำนั้นขลุกขลักมากเนื่องจากไม่ได้ไปทำความคุ้นเคยกับสถานที่กับระบบเสียงให้ดีเสียก่อน ตั้งใจว่าจะอัดเสียงทำเป็น narrated powerpoint ให้กับผู้เข้าร่วมประชุมด้วยจึงต้องนั่งติดไมค์เล็ก ๆ ที่คอมพิวเตอร์ พอเริ่มพูดก็เริ่มมีปัญหาเนื่องจากไม่ได้ยินเสียงตัวเองเลยว่าเป็นอย่างไรดังพอที่ทุกคนจะได้ยินไหม เป็นจุดที่ไม่ได้ยินอะไรจริง ๆ การวางตำแหน่งลำโพงไม่เหมาะสมมาก ๆ ผู้พูดไม่เกิดความมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปเลย เงยหน้ามองดูปฏิกิริยาจากผู้ฟังก็เจอไฟส่องเต็มตา มองไม่เห็นอีก จะลุกขึ้นยืนพูดก็จะห่างไมโครโฟนที่จะอัด narrated powerpoint ไปอีก เป็นอะไรที่แย่มาก ๆ ต่อมาตอนที่ต้องออกไปพูดสรุปในช่วงท้ายของการทำ workshop ผมยืนอยู่หลังลำโพงจึงได้ยินชัดดี แต่พอพูดจบท่านอาจารย์มาลินีบอกเสียงเบามากไม่ค่อยได้ยินเลย นี่แค่เฉพาะที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับผมนะครับ ในขั้นตอนอื่น ๆ ก็ขลุกขลักตลอดเช่นกันถ้าจำเป็นต้องมีการใช้ระบบเสียง ดังนั้น บทเรียนก็คือ ต้องซักซ้อมให้ดีก่อนถึงการใช้งานจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่ที่ไม่คุ้นเคย เป็นบทเรียนที่มีค่ามาก
เห็นด้วยกับพี่เมตตา ในเรื่องบางสถานการณ์ ที่อยู่เกินความสามารถที่ทีมผู้จัดจะควบคุมได้ ณ ขณะนั้น คือ เรื่องระบบเสียง เพราะแม้แต่ทางเจ้าหน้าที่โรงแรมก็ไม่ทราบสาเหตุและไม่สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้......
สำหรับคนที่กระซิบทวงถาม บันทึกต่อไปของ อุ นั้น รอแป๊บนึงนะคะ....ได้อ่านแน่คะ....