บันทึกความทรงจำ (7-14 ต.ค. 49) : Mongolia (5)


ต้องอย่าลืมและทำความเข้าใจให้ดีว่าหลังเที่ยงคืนวันที่จะเปลี่ยนเป็นวันใหม่ครับ

อาทิตย์ ที่ 8 ตุลาคม 2549 (ต่อ) 

        - ผมมีเวลาเขียนบันทึกเท่าที่ถึงขณะนี้ทั้งหมดบนเครื่องบิน (เสี่ยงกับการเมาเครื่องบินของผมมาก) เนื่องจากไม่รู้จะทำอะไร หนังสือพิมพ์และวารสารต่าง ๆ ล้วนเป็นภาษาจีน แอร์ฯ-สจ๊วต แม้ว่าจะดูสวย-หล่อแต่ก็พูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เช่น ผมขอ Coke please ก็จะได้ Coffee เป็นต้น

        - ขณะที่จดบันทึกนี้ผมยังไม่มีโอกาสศึกษาเอกสารที่เขาเตรียมมาให้สำหรับการนำเสนอและการเจรจาเลย นึกในใจว่าไปตายเอาดาบหน้า มองผ่านหน้าต่างเครื่องบินลงไป (11.00 น.) มองเห็นแต่ภูเขาที่เต็มไปด้วยหิมะขาวไปหมด สงสัยว่ามีคนมาอาศัยอยู่ได้อย่างไร หรือจะได้ตายในดาบหน้าจริง ๆ เสียงตามสายเตือนให้เตรียมตัว Landing ในอีกไม่นานแล้ว

        - อ.วิชาญ เล่าให้ผมฟังว่าความจริงทีมเรามี 10 คน แต่มาได้แค่ 8 คน อีก 2 คนจาก ม.บูรพาไม่ได้มา เนื่องจากเข้าใจเรื่องวันขึ้นเครื่องผิด คิดว่าจะต้องเริ่มเดินทางจากชลบุรีในวันอาทิตย์ที่ 8 ต.ค. 49 เป็นความเข้าใจผิดที่น่าเสียดายมาก ภรรยาผมและลูกชายผมก็เคยมีประสบการณ์นี้ครั้งหนึ่งแล้วตอนจะเดินทางจากเมืองไทยไปอังกฤษตอนที่ตามไปอยู่กับผมตอนเรียนปริญญาเอก ต้องอย่าลืมและทำความเข้าใจให้ดีว่าหลังเที่ยงคืนวันที่จะเปลี่ยนเป็นวันใหม่ครับ

        - มองลงไปข้างล่าง เริ่มเห็นบ้านเมืองแล้ว แต่ยังดูห่างไกลมากมีแต่ภูเขาสีน้ำตาลไหม้ เนื่องจากเริ่มเข้า autumn แล้ว อ้อ! เห็นต้นไม้สีเขียว ๆ อยู่บ้างเหมือนกัน ผมถ่ายรูปมาดูด้วย ก็ยังสงสัยอยู่ดีว่ามีคนมาอยู่กันได้อย่างไร จะมีอะไรกินกัน ผิดกับบ้านเรา ที่เมื่อมองลงมาจะมีแต่ทุ่งนาสีเขียว ที่นี่มีแต่ที่ว่าง ๆ สีน้ำตาล (ทะเลทราย) มีรอยรถวิ่งคล้ายมีถนนชั่วคราวเต็มไปหมด ผมถ่ายรูปมาให้ดูเช่นกัน ทีม GIS บอกทำ Land use ง่าย ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจภาษาเขาเท่าไรนัก ที่ง่ายอาจเพราะมัน homogeneous ทำได้อย่างเดียว ผมก็ยังนึกไม่ออกว่าจะทำอะไรได้

         วิบูลย์ วัฒนาธร

.

หมายเลขบันทึก: 58089เขียนเมื่อ 9 พฤศจิกายน 2006 10:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

โล่งหจงจริงๆ  ต้นไม้อยู่ไหน ต้นไม้อยู่ไหน สงสัยมีแต่หญ้าเหมือนในรูปปกหนังสือ

  • ผมรู้แล้วว่าทำไมต้องมี 37 ตอน เพราะแต่ละตอนเขียนได้ไม่ยาวนี่เอง
  • ตอนนี้ทราบแล้วว่า คณะที่ไปเหลือ 8 คน จาก 10 คน...
  • ถ้าเป็นผมไม่ยอมให้ตกเครื่องบินหรอก ผมจะต้องโทรถาม วัน..เวลาให้แน่นอนครับ
  • อ่านถึงตอนนี้แล้ว...รู้สึกว่าอยู่เมืองไทยดีที่สุด..เพราะว่า "ผมรักเมืองไทย" ครับ
  • เคยไปเมืองนอกครั้งแรก นาน 1 เดือน...เมื่อกลับมาถึงเมืองไทย (ดอนเมือง) ผมแทบจะก้มลงจูบแผ่นดินเลยครับ (ได้แต่คิดแต่ไม่ได้ทำ)
ความรู้สึกอยากจะก้มลงจูบแผ่นดินหลังจากกลับจากต่างแดนนั้น ผมเชื่อว่ามีด้วยกันทุกคนแหละครับ ผมขอเล่าย้อนไปเมื่อปี 1994 สมัยที่ผมเพิ่งเคยนั่งเครื่องบินเป็นครั้งแรก และเป็นการไปต่างประเทศครั้งแรกของผมด้วยเช่นกัน ไปเรียนปริญญาเอก "ไม่มีแผ่นดินไหนที่จะทำให้เรารู้สึกมั่นคงเท่าแผ่นดินที่เราหัดตั้งไข่" ข้อความทำนองนี้ผมจำมาจากเนื้อเพลงของแอ๊ดคาราบาว (ถ้าผมไม่เข้าใจผิด) ที่ผมเผลอไปเปิดฟังเข้า (มีเพื่อนนักเรียนไทยที่หวังดีแต่ไม่ทราบว่าประสงค์ร้ายหรือเปล่านำมามอบให้ขณะที่ผมกำลังอยู่ในช่วง homesick) จำได้ว่าตอนนั้นอยู่คนเดียวในหอพักของมหาวิทยาลัย ฟังได้ไม่ทันจบก็ร้องไห้โฮเลยครับ อีกเพลงที่อันตรายมากคือเพลง "คิดถึงบ้าน" ไม่ทราบว่าใครร้อง เป็นการร้องแบบประสานเสียงครับ ขนาดมาเปิดฟังพร้อม ๆ กันหลายคน (ขณะที่ยังอยู่ต่างประเทศ) ตอนที่ปรับตัวกันได้ดีแล้ว ยังทำเอาซึม น้ำตาคลอไปตาม ๆ กันเลยครับ คำว่า homesick นี่อธิบายไม่ได้จริง ๆ ครับว่ามันเป็นอย่างไร ต้องเจอเข้ากับตัวเองจึงจะรู้สึก ตอนหลัง ๆ นี่ผมก็ชักจะลืม ๆ ไปแล้วครับว่า ความรู้สึกจริง ๆ มันเป็นอย่างไร จำได้แต่ว่ามันสุดจะบรรยาย ตอนหลัง ๆ นี่บางทีผมอยากจะรู้สึก homesick อยากจะกลับไปรู้สึกเช่นนั้นอีกครั้ง มันก็ไม่เป็นครับ ถึงเป็นบ้างก็ไม่เหมือนครั้งแรก ๆ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท