เมื่อเดือนที่แล้วดิฉันเข้าห้องผ่าตัดเพื่อเตรียมดูแลผู้ป่วย ไม่นานแพทย์ผ่าตัดเข้ามาในห้อง...คุณลุงที่เป็นผู้ป่วยตั้งคำถามถามหมอที่จะผ่าตัดว่าจะทำอะไรให้เขาบ้าง
"เอ๊ะ!..ลุงนี่...พูดไม่รู้เรื่อง หมอก็บอกไปตั้งหลายรอบแล้วไง...บอกแล้วไงว่าขาของลุงอาจจะต้องทำหลายอย่าง ต้องเข้าไปดูก่อน ถ้าพบว่า..........จะทำ........แต่ถ้าไม่ใช่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นแผน๒คือ............หรืออาจจะเป็นแผน๓คือ..................ทีนี้ลุงเข้าใจหรือยัง" คุณหมอตอบน้ำเสียงขุ่นๆคล้ายอารมณ์จะเริ่มเสีย
"เข้าใจแล้วครับ" ลุงตอบ
ฉันเห็นบรรยากาศไม่ค่อยจะดีจึงก้มลงกระซิบข้างหูลุงเพื่อปลอบใจว่า "คุณลุงลืมที่คุยกับคุณหมอไว้หรือคะ"
ลุงตอบว่า "เปล่าครับ..ผมถามเพราะอยากรู้ว่าคุณหมอจะจำได้เหมือนกับที่บอกผมไว้หรือเปล่า"
"อ๋อ.....คุณลุงคอนเฟิร์มค่ะ...." ฉันรีบบอกแพทย์ แล้วบรรยากาศก็ดูดีขึ้น
ฉันพบเหตุการณ์แบบนี้แล้วสะท้อนใจ เห็นใจและเข้าใจความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายดี แพทย์ผู้ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยก็ต้องให้ข้อมูล..คงจะให้แล้วให้อีก...ผู้ป่วยก็หลายคน ข้อซักถามก็มีมาก ยิ่งเป็นผู้ป่วยที่เป็นโรคที่ซับซ้อนจะต้องนำความรู้ทางการแพทย์มาแปลเป็นไทยแล้วอธิบายด้วยภาษาชาวบ้านง่ายๆให้เข้าใจไม่ใช่เรื่องง่ายเลย(โดยเฉพาะคนไทยภาคอิสานแล้วแพทย์ไม่ใช่คนในท้องที่)
ฝ่ายผู้ป่วยก็ไม่มั่นใจ กลัวหมอลืมตามข้อตกลงที่ว่าไว้ เป็นความกลัวที่เกิดขึ้นได้...เกิดได้แม้ในคนปกติ เช่นญาติผู้ป่วย...ยิ่งเป็นผู้ป่วยสูงอายุ อาจหลงลืมง่ายอีกด้วย
......สาธุ....ขอให้ลุงลืมเรื่องหมอดุและทำเสียงเขียวทีเถอะ...สาธุ..สาธุ..สาธุ
ผมว่าคุณหมอท่านนั้นไม่น่าไปดุคุณลุงอย่างนั้นเลยครับ คนเป็นชาวบ้านธรรมดาและอายุก็มากแล้ว คงฟังคำศัพท์แพทย์ไม่ค่อยเข้าใจ และยิ่งพูดเร็วๆ ด้วยยิ่งไปกันใหญ่ อย่าว่าแต่คุณลุงเลยครับ คนวัยรุ่นวัยกลางคนก็ใช่จะฟังออกทั้งหมดในคราวเดียวทุกครั้ง อีกอย่างความเป็นแพทย์น่าจะแสดงออกถึงความใจดีและอ่อนโยนมากกว่า
พูดกันดีๆ น่าจะดีกว่านะครับ คุณหมอ
ปล. ฝากคุณกฤษณาบอกคุณหมอด้วยแล้วกันนะครับ
อ้อ..เมื่อไหร่ลงรูปเจ้าของ Blog คะ
จะได้ยิงไม่ผิดตัว ล้อเล่นค่ะ...อยากเห็นรูปสวยๆค่ะ
- น้อง-
เรื่องสำคัญจริงค่ะ ความเข้าใจระหว่างผู้รักษาและผู้รับบริการ
...อ่านแล้วนึกชม ความรอบคอบของลุงท่านนั้น คือนอกจากจะทบทวนตรวจสอบความเข้าใจของตัวเองแล้วเท่ากับทบทวนตรวจสอบความเชื่อมั่นของตัวเองด้วย..ถ้าเปลี่ยนวิธีการสักนิด....ให้ลุงบันทึกสิ่งที่ได้ฟังจากหมอแล้วลองเอามาทบทวนว่าตัวเองคิดอย่างนี้ๆ แล้วถามหมอว่าใช่หรือเปล่า....อาจลดความขัดแย้งลงได้บ้างค่ะ....(เป็นวิธีที่คุณพ่อดิฉันทำเวลาไปหาหมอมาแต่ละครั้งค่ะ)