102. อินเดียไปถึงดาวอังคารแล้ว


อินเดียส่งยานอวกาศไปดาวอังคาร

วันที่ 24 กันยายน 2557 วันนี้หากใครตามข่าวจะทราบว่าอินเดียประสบความสำเร็จในการส่งยานอวกาศเพื่อไปสำรวจดาวอังคาร สำหรับดิฉันนี่ช่างเป็นข่าวที่น่าทึ่ง น่าชื่นชม และน่ายินดีกับความสำเร็จของการค้นคว้าด้านอวกาศของอินเดียที่ใช้เวลาเพียง 50 ปี ตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษ นายกฯ เนห์รูของอินเดียก็ตั้งเป้าที่จะพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเรื่อยมา หากเทียบกับประเทศยักษ์ใหญ่ในโลกอินเดียเป็นประเทศที่ 6 ที่สามารถพัฒนาด้านอวกาศได้ประสบความสำเร็จ

ในความรู้สึกของคนไทยคงมองว่าช่างเป็นอะไรที่ขัดแย้งมาก เมื่อนายกฯ โมดีปราศรัยในวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันเอกราชของอินเดีย ท่านประกาศนโยบายที่จะดูแลให้ทุกครัวเรือน รวมถึงโรงเรียนมีห้องสุขาซึ่งถูกสุขลักษณะ พรรคฝ่ายค้านคองเกรสก็ค่อนขอดท่าน แต่จะเห็นว่าสุขภาวะพื้นฐานของประชาชนชาวอินเดียที่ยังไม่มีส้วมถ้วนหน้ายังมีด้วยหรือ มันยังเป็นเช่นนั้นแล นี่คือผลงานของรัฐบาลที่ผ่านมาที่ไม่จัดการดูแลสารทุกข์ของชาวบ้านแม้แต่เรื่องง่ายๆ ใกล้ตัวเช่นนี้ แต่มาวันนี้อินเดียส่งยานอวกาศไปดาวอังคารเป็นชาติแรกและชาติเดียวของเอเชีย น่าปลื่มใจแทนไหมคะในฐานะชาวเอเชียด้วยกัน คนไทย (นักข่าว) มีทั้งที่ปลื้มจั่วหัวข่าวแบบชื่นชม และก็มีจั่วหัวข่าวเชิงดูแคลน เช่น “จนๆ อย่างอินเดียจะไปดาวอังคาร” ซึ่งไม่สร้างสรรค์ ไม่ได้สร้างบรรยากาศของการเรียนรู้ และความร่วมมือเลย

มาวันนี้ อินเดียทุ่มงบประมาณกว่า 30,000 ล้านบาทให้แก่โครงการอวกาศนี้ คิดเป็น 0.34% ของรายจ่ายทั้งหมดของรัฐบาล ซึ่งรายจ่ายหลักๆ ในโครงการอวกาศคือการสร้างดาวเทียมเพื่อการสื่อสารและดาวเทียมสำรวจทรัพยากร และ 35% เป็นงบในการพัฒนายานนำส่ง และ 7-8% เป็นงบสำหรับโครงการทางวิทยาการและการสำรวจอวกาศ หากเทียบกับเจ้าพ่ออวกาศอย่างสหรัฐฯ ยานอวกาศของอินเดียราคาถูกกว่ามากประเด็นของดิฉันคือแม้ว่าใครจะมองว่าอินเดียยากจน แต่หากพิจารณาให้ดี อินเดียพยายามใช้เงินที่มีอยู่อย่างพอเพียงเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีด้านอวกาศเพื่อนำไปสู่การพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ รวมถึงสังคมโลกโดยไม่แข่งขันกับใคร แต่แข่งกับตัวเอง ทำเพื่อประโยชน์ของมวลชน ดังคำกล่าวของเค ราธากฤษนัน ประธานองค์การวิจัยอวกาศอินเดียว่า “เราไม่ได้แข่งขันกับใครทั้งนั้น แต่ผมอยากจะกล่าวว่า เราแข่งขันกับตัวเอง เราต้องทำให้ดีเลิศ เราต้องพัฒนา และเราต้องนำเสนอการบริการใหม่ๆ เราต้องทำให้มันคุ้มค่าและนำส่งไปยังเป้าหมายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประชาชน หรือรัฐบาล หรือ หน่วยงานต่างๆ ในประเทศ นั่นคือเป้าหมายของโครงการอวกาศอินเดีย”

ชาวอินเดียมีวิธีคิดที่จะพึ่งตนเองมากกว่าที่จะพึ่งพิงผู้อื่น เทคโนโลยีอวกาศของอินเดียเริ่มจากสิ่งที่มี ลองผิดลองถูกมีทั้งที่ประสบผลสำเร็จ และล้มเหลว อินเดียเคยส่งยานอวกาศ“จันทรยาน 1” ไปลงจอดที่ขั้วโลกใต้ของดวงจันทร์และปักธงมาแล้วเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2551 "ภายใน 15 ปีนี้ ผมอยากจะเห็นนักบินอวกาศอินเดีย ขึ้นไปเหยียบพื้นผิวดวงจันทร์" นายอับดุล คาลาม (Abdul Kalam) นักวิทยาศาสตร์อดีตประธานาธิบดีของอินเดียกล่าว และเผยว่าความสำเร็จของจันทรายาน 1 ในครั้งนี้จะจุดประกายความฝันให้กับเด็กๆ ชาวอินเดียได้ฟังคำกล่าวของท่านอดีตผู้นำอินเดียแล้วอิจฉาคนอินเดียที่มีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ ท่านสร้างตัวอย่างให้เยาวชนเห็นเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนที่จะพัฒนาต่อยอดสิ่งที่คนรุ่นนี้ได้สร้างไว้ให้ ซึ่ง 6 ปีต่อมาอินเดียก็ส่งยานอวกาศชื่อ “มงคลยาน” ไปสำรวจดาวอังคารได้ในวันนี้

อินเดียวันนี้เป็นตัวอย่างให้เราได้เรียนรู้ว่าผู้ที่มีกึ๋น มีความรู้ ความสามารถจริงไม่อวดตัว อินเดียไม่เคยไปท้าตีท้าต่อยใคร ไม่บุกรุกใครก่อน ไม่ทำตัวอหังการเหมือนกับประเทศมหาอำนาจบางประเทศ เพราะในความเป็นอินเดียมีทั้งจารีตทางศาสนา สังคม และวัฒนธรรมที่ยังยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ในขณะเดียวกันก้าวนำเทคโนโลยีจากการพัฒนาที่ทำอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้งบนฐานของความพอเพียง ลูกหลานอินเดียวันนี้ไม่ทำให้บรรพบุรุษที่เป็นผู้นำในอารยธรรมอินเดียตั้งแต่ยุคโบราณเรื่อยมาถึงปัจจุบันขายหน้า เพราะเขาสามารถต่อยอดความรู้ไปได้ไม่สิ้นสุดคนนอกไม่ควรตั้งคำถามเชิงดูถูกในศักยภาพของเขาเพราะอินเดียไม่ยอมเสียเงินโดยไม่เกิดประโยชน์อันใด การเป็นผู้นำอวกาศเป็นสิ่งที่เหนือเมฆ เหนือชั้นมาก เพราะมีแต่มหาอำนาจเท่านั้นที่เขาแข่งขันศักยภาพกันในเรื่องนี้ ไม่ว่าคนไทยจะมีอคติต่ออินเดียอย่างไรก็ตาม แต่วันนี้อินเดียมี know how มากมายที่คิดเอง ทำเอง ยืนได้ด้วยขาตนเอง และเป็นทุนที่สามารถสร้างมูลค่าให้กับประเทศอินเดียได้ในราคาแบบเอเชียที่ฝรั่งสู้ยาก ชาวบ้านอย่างเราๆ (คนไทย) ไม่อาจจะตามได้ทัน จริงไหม สิ่งที่เราต้องทำคือสำรวจตัวเองและตอบคำถามให้ได้ว่าเราสู้ใครได้บ้างในอาเซียน???

เราอยากมีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ รักประเทศและประชาชนอย่างจริงใจ และต้องการพัฒนาคนไทยให้เป็นคนดี มีความรู้ ความสามารถพร้อมที่จะยืนด้วยขาตนเอง เพื่อช่วยกันพัฒนาสังคมและประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้า อยู่บนฐานของความพอเพียง แต่มีความมั่นคง ยั่งยืน และเป็นสุข....รอคอยมานานแสนนาน...จะมีบ้างไหม????

แหล่งข้อมูล:

ผู้จัดการออนไลน์ http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9560000138037

http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9510000136171

หากท่านสนใจจะศึกษาต่อปริญญาโท อินเดียศึกษา สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล

เชิญสมัครได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2557 เป็นต้นไป กรุณาเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ http://www.grad.mahidol.ac.th/grad/home/index_th.php

หมายเลขบันทึก: 576841เขียนเมื่อ 24 กันยายน 2014 22:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 กันยายน 2014 22:58 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เพิ่งอ่านข่าวนี้จาก บีบีซี ไทย ค่ะ รู้สึกชื่นชมยินดีไปด้วยค่ะ 

ประเทศอินเดียน่าสนใจมาก และทราบมานานแล้วในเรื่องความสามารถของคน อยากจะไปเยือนสักครั้ง แต่ก็ไม่ค่อยมั่นใจในหลาย ๆเรื่อง เลยยังไม่ได้ไป คงต้องดูหนังสารคดี ติดตามข่าวไปก่อน

เชิญไปเถอะค่ะ ไปเห็นแล้วจะได้เข้าใจมากขึ้นค่ะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท