ผมได้มีโอกาสได้เข้ารับการอบรเพื่อเพิ่มพูนความรู้ ในหลักสูตรนักบริหารส่งเสริมการเกษตร รุ่นที่ 3 ของกรมส่งเสริมการเกษตร ที่จัดระหว่างวันที่ 18 มิถุนายน - 11 กรกฎาคม 2557 ณ โรงแรมมารวยการ์เด้น แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยคิดอยากจะอบรมอะไรที่เกี่ยวกับการบริหาร เพราะชอบในการทำงานวิชาการมากกว่า แต่ในความเป็นจริงคนทำงานอยู่ในภูมิภาคจะรู้ดีความก้าวหน้าทั้งหมดจะอยู่ที่ "นักบริหาร" เพียงสายเดียว
เมื่อมีการเปิดรับสมัครทางอินเตอร์เน็ต จึงลองสมัครดูคิดว่าไปเพิ่มความรู้และประสบการณ์มากกว่า แม้ว่าเมื่อหลายปีก่อนก็เคยไปเป็นวิทยากรมาบ้างเกี่ยวกับการจัดการความรู้(KM) ให้แก่นักบริหารส่งเสริมการเกษตรในระดับอำเภอ(นสอ.) มาบ้างแต่ก็เป็นความรู้และประสบการณ์ของเราเพียงเรื่องเดียว ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่เราไม่รู้อีกมาก
กิจกรรมเสริมหลักสูตรของการอบรมครั้งนี้ คือการไปศึกษาดูงานที่ต่างประเทศเป็นระยะเวลา 5 วัน มีอยู่ 2 ประเทศที่กำหนดให้ไป คือเวียตนามกับประเทศมาเลเซีย ใจผมก็อยากจะไปประเทศมาเลเซีย เพราะโอกาสที่เราจะได้ไปในอนาคตนั้นน่าจะยากกว่าเวียตนาม แต่ทางผู้จัดได้กำหนดให้ไปศึกษาดูงานที่ประเทศเวียตนาม ก็คิดว่าดีเหมือนกันเพราะไม่ว่าจะที่ไหนเราก็ไม่เคยไปทั้งนั้น
สิ่งแรกที่ต้องเตรียมตัวสำหรับการจะไปดูงานต่างประเทศก็คือการไปทำหนังสือเดินทางราชการ(เล่มสีน้ำเงิน) เกือบทุกคนในจำนวน 100 คนต้องไปดำเนินการทำหนังสือเดินทาง เพราะพวกเราข้าราชการภูธรโอกาสที่จะได้ไปราชการต่างประเทศคงริบหรี่ โชคดีที่ได้เข้ามาอบรมหลักสูตรนี้
เตรียมหนังสือเดินทางราชการ
ก่อนการเข้ารับการอบรมฯ เห็นกำหนดการนึกดีใจเหมือนกันที่จะได้ขี่เครื่องบินไปดูงานต่างประเทศ มันคงจะดีเหมือนกัน เพราะอยู่กำแพงเพชรไม่มีสนามบิน ไปไหนใกล้ไกลก็นั่งแต่ บขส. แม้ว่าการนั่งเครื่องบินจะรวดเร็วในการเดินทางไปต่างจังหวัดไกลๆ แต่สำหรับจังหวัดกำแพงเพชรแล้ว นั่งรถ บขส.น่าจะไปถึงก่อนเป็นแน่แท้ เพราะสนามบินที่ใกล้ที่สุดของเราคือสนามบินพิษณุโลก ถ้ามัวไปรับไปส่งกันขึ้นเครื่องการนั่งรถ บขส.อาจไปถึงก่อนก็เป็นได้ บันทึกมาเสียยาวนานเพียงแต่จะบอกว่า จริงๆ แล้วการไปศึกษาดูงานต่างประเทศของเราในครั้งนี้เราเดินทางโดยรถยนต์ครับ เนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณ...รถยนต์ก็ดีเหมือนกันนะครับ ไปเวียตนามจะได้ดูงานที่ สสป.ลาวเป็นของแถมอีกประเทศหนึ่ง สงสารก็แต่เพื่อนๆ ที่อยู่แถวๆ ภาคใต้ที่จะต้องนั่งรถยนต์ผ่านบ้านตัวเองและบางคนเคยไปมาเลเซียมาหลายครั้งแล้วเพราะอยู่ใกล้กัน
หน้าตารถยนต์คันที่รับพวกเราจากมุกดาหารไปดูงานที่เวียตนามในครั้งนี้
รถยนต์ที่เป็นพาหนะสำหรับการเดินทางไปศึกษาดูงานในครั้งนี้ เป็นรถยนต์ที่ผลิตในประเทศเกาหลี ซึ่งใน สสป.ลาวและเวียตนามนิยมใช้กันมาก แทบจะทั้งหมดก็ว่าได้ รถยนต์ที่ผลิตจากประเทศญี่ปุ่นแทบจะไม่มี
ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จากฝั่งมุกดาหาร กำหลังจะข้ามไปยัง สสป.ลาว
ผ่านสหวันนะเขตของ สสป.ลาว ชาวบ้านกำลังคราดไถปักดำ การทำนายังไม่ใช้เครื่องจักรเหมือนบ้านเรา
ถนนสายที่ผ่าน 4-5 เมืองของ สสป.ลาว จากสหวันนะเขตก่อนจะถึงด่านลาวบาวของเวียตนาม ถนนยังไม่ค่อยสะดวกนัก มีการใช้รถยนต์กันยังไม่มาก แต่จะมีการใช้มอเตอร์ไซค์กันมาก สองข้างทางยังมีสภาพป่าให้เห็น บ้านเรือนยังมีไม่มากคนไม่ค่อยหนาแน่น ยังมีการเลี้ยววัว ควายให้เห็น จะเหมือนๆ กับบ้านเราเมื่อ 3-40 ปีที่แล้ว และสัตว์เลี้ยงที่พบมากที่สุดก็คือแพะครับ มากจริงๆ บางครั้งรถยนต์ต้องหยุดให้ฝูงแพะเดินข้าม นอกจากนั้นยังมีอีกอย่างที่แตกต่างจากบ้านเรามากก็คือรถยนต์เขาจะขับเลนขวาครับ ซึ่งคนไทยไม่คุ้น หลายคนในคณะตอนขึ้นรถจะไปยืนรอหรือหาประตูทางขึ้นกันทางด้านซ้าย เพราะความเคยชิน บางคนก็ก้มๆ เงยๆ หาประตูทางขึ้นทางด้านซ้าย จนเพื่อนต้องเรียกจึงจะนึกขึ้นได้ว่าประตูทางขึ้นจะอยู่อีกด้านของรถ คิคิ
บันทึกมาเพื่อการ ลปรร.ครับ
สิงห์ป่าสัก
7 กันยายน 2557
าไปเที่ยวมากๆเลยครับพี่สิงห์
ชอบใจความเป็นธรรมชาติครับ