คิดจากความว่าง เป็นหนังสือที่ พี่ติ๊ก “ สร้อยทอง เตชะเสน ” มอบให้ด้วยความรักและปรารถนาดีในขณะที่ดิฉันนอนป่วยรักษาตัวที่สถาบันบำราศนราดูร เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2549
คิดจากความว่าง เป็นผลงานการเขียนของ “ดังตฤณ” ชื่อผู้เขียนที่มีตัวสะกดด้วยพยัญชนะน่าสนใจ ไม่แพ้กับผลงานที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้
ความนุ่มนวลที่ซ่อนอยู่ภายใต้เนื้อหาและข้อคิดสะกิดและสอนใจผู้อ่านถูกเริ่มต้นตั้งแต่คำนำ ด้วยถ้อยคำดังนี้
ความว่าง คือ สิ่งที่พวกเรามักไม่คุ้นเคย ....................
บ่อยครั้ง คำถามที่มักเจอกันสำหรับผู้ที่กำลังก้าวสู่การปฏิบัติ คือ หากทำจิตว่างแล้วจะไม่โง่หรอกหรือ และบรรดาสารพันความรู้ที่เพียรสะสมมาตลอดชีวิต จะไม่อันตรธานหายไป กระนั้นหรือมนุษย์ส่วนมากจึงสร้างความเคยชินในการทำตัวให้วุ่น แม้เมื่อตนเองจะได้มีโอกาสสัมผัสกับความว่างชั่วครู่ชั่วยามก็ไม่ปรารถนาเพราะไม่คุ้นเคย แต่หากเราตั้งกรอบมุมมองกันใหม่ ให้คุณค่ากับความว่าง สิ่งที่ว่าง เพื่อที่จะพยายามหาโอกาสได้สัมผัสกันให้บ่อยขึ้น
…. มือนี้คงไม่มีประโยชน์ หากจับถือสิ่งของอย่างอื่นอยู่เต็มมือ
กระดาษที่เต็มไปด้วยรอยขีดเขียน ย่อมไม่สามารถรองรับไอเดียใหม่ที่เลิศหรู
แก้วน้ำที่เต็มล้น คงไม่สามารถรินสิ่งใดที่ต้องการลงไปได้
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เต็มไปด้วยไฟล์เก็บสะสมค้างปี ย่อมทำงานได้มีประสิทธิภาพน้อยกว่าเครื่องที่หมั่นลบขยะออกอย่างสม่ำเสมอ
ดังนั้น ความว่าง คือ สิ่งที่มีคุณค่าประเสริฐ
ความว่าง คือ ที่มั่นของพลังมหาศาล จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และมโนธรรม
ความว่าง คือ ดินแดนแห่งความสงบ อบอุ่นด้วยสติปัญญา
ความว่าง อาจทำให้ “ ความรู้ “ เลือนหายไปชั่วขณะ แต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นแทนที่ คือ “การรับรู้” อย่างเป็นธรรมชาติ โปร่งเบาสบาย
ลองหาโอกาสสัมผัสความว่างท่ามกลางความวุ่นที่กำลังเผชิญอยู่ ลองเว้นวรรคจังหวะชีวิตด้วยมิติหลากหลายของความว่างที่ “ดังตฤณ” ได้ร้อยเรียงอย่างสะกิดใจ ...แล้วคุณจะคุ้นเคยและเห็นคุณค่าของความว่างกันมากขึ้น
สาระดังนี้ จะเป็นจริงเช่นไร ดิฉันสัมผัสแล้วกับเรื่องราวทั้งหมดที่บรรจบอยู่ในเล่ม จึงเป็นของฝากอีกหนึ่งเล่มที่อยากเชิญชวนให้อ่านกันค่ะ เพราะแม้ในยามที่ป่วย เมื่อได้หนังสือนี้เป็นยาขนานใหม่จากพี่ติ๊ก จึงขอขอบคุณในความรักและปรารถนาดีที่หยิบยื่นให้จนบรรลุสัจธรรมในคืนนั้นค่ะว่า
“ความว่าง คือ สิ่งที่มีคุณค่าประเสริฐ โปร่งและเบาสบาย ”
ไม่มีความเห็น