ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม มีกิจกรรมที่เรีกว่าสร้างความคึกคักให้กับคลินิกเบาหวานอย่างมาก เพราะพวกเรามองหาเท้าผู้ป่วยเบาหวานกันใหญ่ ทั้งที่ ER PCU และ OPD โดยเริ่มจากกลุ่มที่มีปัญหาที่เท้าก่อน ทั้งที่มีแผล เล็ก แผลใหญ่ ถูกสั่งนอนโรงพยาบาลหมด รวมได้ 7 case ส่วนคนที่ประเมินพบ high risk ก็ถูกลงทะเบียนไว้ก่อน เพื่อดำเนินกิจกรรมแก้ปัญหาในกิจกรรมต่อไป
ผู้ป่วยใน ตอนนี้เรามี Vaccuum dressing รายแรกของโรงพยาบาลแล้วครับ ดูผู้คนในโรงพยาบาลให้ความสนใจมาก แวะเวียนไปสอบถาม เยี่ยมดูผู้ป่วยกันใหญ่ คุณป้าที่ป่วยก็สนุกเชียวครับ เพราะรู้สึกตัวเองได้รับความสนใจจากหมอทั้งหลายมากกว่าคนอื่น
|
ส่วนงานของแผนกกายภาพ ที่คุณพเยาว์ดูแลอยู่ก็เช่นกัน เพราะตอนนี้ที่โรงพยาบาลเรามีรองเท้าสำหรับผู้ป่วยเบาหวานแล้ว โดยให้วิทยาลัยการอาชีพในอำเภอลองตัดมาให้ดู เค้าประเมินราคาไว้ที่ 200 บาทครับ ขออนุญาติ copy รองเท้าสวยๆจากเทพธารินทร์นะครับ(ซ้ายมือ)
ส่วนเครื่อง PODOSCOP ที่พวกเราไปให้ร้านกระจกลองทำมาให้ดู หน้าตาจะเป็นอย่างไร อีกประมาณ 1 อาทิตย์คงได้เห็นครับ แล้วผมจะมาเล่านะครับว่า พวกเราประยุกต์สิ่งที่เราได้ กับงานที่ธาตุพนมอย่างไรบ้าง
ด้วยความใจกว้างใจดีของ ดร วัลลา และเจ้าหน้าที่ รพเทพธารินทร์ วันที่ 7-8 พย ได้มีโอกาสไปสังเกตการณ์จัดทำ Peer Assist ซึ่งทางรพ จัดให้กับ รพ พุทธชินราช ดร.วัลลาพูดชม ทีมธาตุเทพมาก และแจ้งให้ทราบว่า ทางทีมธาตุพนมเริ่มใช้ Vac dressing แล้ว จากในรูปเห็นว่า ใช้เครื่องดูดเสมหะ ไม่ทราบว่ามีปัญหาเครื่องทำงานเสียงดังและเครื่องร้อนง่ายหรือเปล่า ดิฉันอยากแนะนำให้ใช้เครื่อง Gomco suction (ที่ใช้เพื่อดูดGastric content) นะคะ เพราะเงียบ เครื่องไม่ร้อนและทำงานได้ดีไม่แพ้ Wall suction คะ
นิโรบล
ขอบคุณ อ.นิโรบล ครับ สำหรับข้อเสนอแนะ ที่เป็นจริงมากๆ เพราะพวกเราเจอปัญหานี้จริงๆครับ เพราะ case นี้(case แรก) ตลอด 3 วันที่ทำ vac dressing ต้องแยกเตียงผู้ป่วยออกมาครับ เพราะเสียงดัง แต่เนื่องจาก ward หญิงที่ดูแลผู้ป่วยไม่มีตัว Comco suction ครับ คุณหมอประกาศิตแพทย์เจ้าของไข้ยังพูดแซวๆเลยครับว่าถ้าใครเห็นคงตลกน่าดู เลยแก้ปัญหาด้วยการ พักเครื่องครั้งละชั่งโมงทุก3-4 ชั่วโมง และตอนผู้ป่วยทำธุระส่วนตัวครับ
ใน case ต่อไป คงต้องใช้ Comco suction ตามที่อาจารย์แนะนำครับ(ใช้วิธีการบริหารอุปกรณ์ที่ทั้ง ร.พ.มี 1 เครื่อง)
ขอบคุณ อาจารย์นิรุบล อีกครั้งครับที่แนะนำวิธีการดูแลผู้ป่วยที่ดีๆแบบนี้ให้ได้ใช้กับผู้ป่วย (อ.วัลลาแจ้งว่า อาจารย์เป็นคนแรกที่เริ่มใช้เทคนิคนี้)
ยินดีที่มีส่วนแลกเปลี่ยนประสบการณ์คะ ไม่เคยใช้วิธีพัฒนาต่อยอดเช่นนี้มาก่อนเลย ไม่ทราบว่าผลลัพธ์ (แผล) เป็นอย่างไร ช่วยบอกกล่าวให้ทราบกันบ้างนะคะ ที่ทำอยู่ปัจจุบันจะพยายามไม่หยุดการดูดคะ โดยเฉพาะหลังจากทีปิดด้วยชุดปิดแผลเดิมแล้วหลายวัน เกรงว่าจะเกิดการติดเชื้อ เพราะอาจมี bacteria เพิ่มจำนวนมากขึ้นระหว่างพักเครื่อง แม้ว่าจะถูกดูดออกทันทีเมื่อต่อเครื่องดูดใหม่ แต่ก็มีโอกาสสูงที่จะตกค้างอยู่ในรูพรุนของฟองน้ำ ยิ่งถ้าแผลนั้นมี slough ด้วยแล้วจะเสี่ยงสูงขึ้น ขณะนี้ดิฉันแก้ปัญหาโดยการใช้ขวด drianที่เป็น portable surgical vacuum bottle เช่น ขวด radivac แทน เครื่อง suction ซึ่งมีข้อดี คือ ผู้ป่วยไม่ต้องอยู่โรงพยาบาล แต่มีข้อแม้ว่า ต้องปิด dressing ให้เป็น สุญญากาศได้จริง ๆ ถ้าปิดไม่สนิทก็จะไม่สามารถรักษาความเป็นสุญญากาศได้เลยหรือนานพอ ช่วยแนะนำวิธีส่งรูปหน่อยนะคะ เพราะอยากส่งรูปมาให้ดูคะ แต่ทำไม่สำเร็จ
ข้อแนะนำของอาจารย์นิโรบลมีประโยชน์มาก ต้องขอขอบคุณแทนสมาชิกเครือข่ายด้วย
อาจารย์นิโรบลส่งรูปมาให้พี่ทาง e-mail ก็ได้ แล้วจะนำขึ้นบล็อกต่อไป
ได้มีโอกาสเห็นรองเท้าของจริง (คุณอเนกนำมาให้ดูที่งานตลาดนัดความรู้) ได้ย้ำไปว่ารองเท้าในรูปนั้นเป็นรองเท้าที่เราใช้ประยุกต์ในผู้ป่วยหลังจากใส่เฝือก อาจจะยังไม่เหมาะที่จะนำมาเป็นรองเท้าสำหรับผู้ป่วยเบาหวานทั่วไป แล้วจะส่งรูปรองเท้าที่ประยุกต์ใช้ที่ร.พ.เทพธารินทร์ไปให้ดูนะคะ และนอกจากนั้นยังรอรูปpodoscope จากคุณอเนกนะคะ อยากดูมากๆ ดีใจค่ะที่เห็นการพัฒนาอย่างรวดเร็วของธาตุพนม
รองเท้าที่ตัดเป็นตัวอย่างในช่วงแรกนี้ เป็นรองเท้าที่ประยุกต์ จากรพ.เทพธารินทร์ ใช้ในผู้ป่วยที่มีแผลที่เท้าก่อน เพราะเป็นรองเท้าที่ใส่และถอดง่าย กระชับ แต่ไม่กดแผล
หลังจากแผลหายจะทำการตัดรองเท้าคู่ใหม่ หรือดัดแปลงรองเท้าให้เข้ากับผู้ป่วยแต่ละรายค่ะ
ส่วนรูป ขอติดแนนไว้ก่อนนะ เดี๋ยวถ่ายได้เมื่อไหร่จะเอามาลงให้ดูนะจ๊ะ
น่าเสียดายทีเดียว แต่เราสามารถมองสิ่งนี้ในเชิงสร้างสรร
สิ่งที่ถือว่า เป็นสิ่งที่ท้าทายที่สุด ในการดูแลคนไข้เรื้อรังอย่างเช่นเบาหวาน คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ของคนไข้ ซึ่งผมเชื่อว่า จะผ่านจากการEmpowering คนไข้ให้เป็นคนหนึ่งในทีมรักษานั่นเอง ครับ