"กาแฟ" ทานมาตั้งแต่เรียนปริญญาโท เพื่อหวังจะตาสว่าง
เพราะจะได้ทำการบ้านและทำวิทยานิพนธ์ได้ดึก ๆ อึด ๆ
เคยพยายามจะหยุดมาเป็นระยะ ๆ
หยุดมากที่สุดครั้งหนึ่ง คือ ๑ เดือน
แต่หลังจากนั้นก็กลับมาทานอีกหลายครั้ง
รู้สึกถึงการเสพติดที่มีต่อมันอย่างรุนแรง
อาการของการเสพติด ก็คือ การง่วงเหงาหาวนอน
ไม่กระปรี้กระเปร่า สมองไม่แล่น
แต่หากได้ทานเมื่อใด
อาการก็เป็นตรงกันข้าม คือ ตาสว่าง กระปรี้กระเปร่า
สมองดูสดใส ทำงานดึก ๆ ได้ตลอด
...
...
ที่มา : http://kafaesansuk.files.wordpress.com/2011/03/117...
...
...
หลังจากเรียนจบ ก็เข้าสู่ชีวิตของคนทำงาน
ไม่ต้องพูดถึงว่า "กาแฟ" มันคู่กับคนทำงานเสมอ
เช้า ๆ สักแก้ว ...
กลางวัน หลังอาหาร สักแก้ว ...
หากจะทำงานดึก ก็เย็น ๆ สักแก้ว ...
ยิ่งมีงานสัมมนา อบรมใด ๆ ก็ตาม
ยาม Break Time "กาแฟ" จะมาเป็นอันดับหนึ่ง
เพื่อหวังจะตาสว่าง ตาค้าง
ตั้งใจไม่หลับให้วิทยากรได้ดีใจ
ทานไปทานมา ก็เริ่มเสพติด
จาก "กาแฟแก้ว" กลายเป็น "กาแฟสด"
ที่เป็นสัญลักษณ์ของคนรุ่นใหม่
ที่เขาโหมโฆษณากันทั้งบ้านทั้งเมือง
ร้านนี้อร่อย ร้านโน้นอร่อย
วิ่งหากันอย่างเมามัน
ไปเที่ยวที่ไหนก็ย่อมต้องหาร้านกาแฟสดเท่ ๆ
บรรยากาศดี ๆ ไว้ก่อนใคร
แล้วก็นำมาคุยไว้ใน Social ต่าง ๆ มากมาย
แต่ ... กระเป๋าตังค์ฉีก สำหรับมนุษย์เงินเดือนจน ๆ
อย่างเรา ;)...
...
...
นโยบายการหยุดกาแฟ เริ่มต้นอีกครั้ง เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๖
...
เหตุเกิดจากการไม่สบาย เป็นไข้หวัดใหญ่ นอนซม
และต้องทานข้าวเช้า เพื่อให้ได้ทานยา
หากทานกาแฟไป ก็ไม่ต้องนอนหลับพักผ่อนกันพอดี
จึงหยุดไปโดยปริยายและความตั้งใจเล็ก ๆ ก่อน
ที่นี้ไม่ได้เป็นแค่ไข้หวัดใหญ่
กลับมีอาการเก่า ๆ คือ ปวดหลังหลังจากการหายไข้ตามมาอีก
คราวนี้หยุดกาแฟจริง ๆ แล้วล่ะ
ไม่งั้นทานยาลำบาก
เลยกลายเป็นปณิธานเพื่อการเอาชนะใจตนเอง คือ
การยุติการทานกาแฟอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้ต้องให้ได้ยาวเกินกว่า ๑ เดือน
ที่เคยทำได้เอาไว้
ดังนั้น จึงปฏิบัติมาเรื่อย ๆ ๆ ๆ คือ งดทานกาแฟ
ไม่ว่ากลิ่นมันจะเย้ายวนแค่ไหน ก็ต้องทำให้ได้
งานสัมมนา ก็ตอบปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย
ความมุ่งมั่นเท่านั้นจะทำให้เป้าหมายของเราเป็นจริง
กับแค่เรื่อง "กาแฟ" ก็ต้องทำให้ได้
งานใหญ่ในชีวิตต่อไปก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายดาย
...
แต่ก็หาใช่ว่า ผมจะหยุดคาเฟอีนได้ทั้งหมด
ผมเลือกที่จะใช้ "ชา" แทน ชาที่คาเฟอีนต่ำ ๆ
จนกระทั่งในระยะหลัง "ชาอู่หลง" ร้อน ๆ
กลายเป็นเครื่องดื่มยามเช้า
เนื่องจาก "ชาอู่หลง" ร้อน ๆ มีสรรพคุณคือ
...
สรรพคุณชาอู่หลง ชาอู่หลงนั้นขึ้นชื่อว่ามีสรรพคุณมากมาย ในบรรดาชาหลากหลายชนิดชาอู่หลงมีสรรพคุณที่โดดเด่นกว่าใคร ชาอู่หลงขึ้นชื่อในเรื่องการช่วยในการดูดซึมไขมันและควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้สรรพคุณชาอู่หลงยังช่วยลดการเกิดโรคต่างๆ
นักโภชนาการจากนานาประเทศต่างศึกษาสรรพคุณของชาอู่หลง ยกตัวอย่างเช่นนักวิจัยสหรัฐฯ ตีพิมพ์บทความในวารสาร Journal of Nutrition กล่าวถึงชาอู่หลงเป็นตัวล้างพิษ สามารถกำจัดล้างอนุมูลอิสระซึ่งทำลายดีเอ็นเอในกระแสเลือดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ผลการศึกษายังพบว่าชายังสามารถช่วยลดคลอเลสเตอรอลได้ถึง 4% และลดไขมันเลวลงได้ 8% จึงเป็นที่มาว่าทำไมชาอู่หลงจึงช่วยลดการเกิดโรคหัวใจลงได้
นอกเหนือจากสารคาเทชิน(Catechin) ที่มีอยู่ในชาอู่หลงและชาทุกประเภทแล้ว กระบวนผลิตชาอู่หลงซึ่งใช้การหมักเพียงบางส่วน ทำให้เกิดสารพิเศษที่เรียกว่า OTPPs หรือ Oolong Tea Polymerized-Polyphenols ซึ่งพบเฉพาะในชาอู่หลง OTPPs เป็นกลุ่มสารโพลีฟีนอล โดยเปลี่ยนแปลงมาจากสารคาเทชิน จากการหมักตัวของใบชา OTPPs เป็นพระเอกโดดเด่นในเรื่องของการลดและควบคุมปริมาณไขมัน โดบยับยั้งการทำงานเอนไซม์ไลเปสซึ่งเป็นเอนไซม์ดูดซึมไขมันในลำไส้เล็ก ทำให้ลดการดูดซึมไขมันลง
การศึกษาวิจัยยังพบว่าอู่หลงที่มีสาร OTPPs กลุ่มตัวอย่างดื่มหลังจากรับประทานอาหารแล้วสามารถช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ได้อย่างมีนัยสำคัญ เพิ่มการเผาผลาญพลังงาน (Metabolism) ได้ดีกว่าชาอื่นๆ และช่วยการขับไล่ไขมันออกทางอุจจาระ ของเรียกได้ว่าเป็นตัวดักจับและกำจัดไขมันตัวฉกรรจ์เลยทีเดียว นอกจากนี้ OTTPs ยังทำให้เกิดสี และกลิ่นเฉพาะของชาอู่หลงซึ่งหอมหวลและมีรสชาติที่ลุ่มลึกกว่าชาชนิดอื่นๆ
...
แล้วในที่สุด วันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๗
ผมก็สามารถหยุดดื่มกาแฟได้ครบรอบ ๑ ปีเต็ม
...
กว่าจะทำได้ครบ ๑ ปี
ต้องมีทั้งความมุ่งมั่น ความพยายาม
ความตั้งใจอันแรงกล้าที่จะทำให้สำเร็จ
ละทิ้งกิเลสและความอยากลง
ปลงใจให้ได้กับกลิ่นและรสอันยั่วยวนของกาแฟ
ผมพิสูจน์ตัวเองได้แล้วว่า
"ผมสามารถจะทำสำเร็จได้"
...
ส่วนใครจะมีเหตุผลอย่างไรในการไม่หยุดดื่มกาแฟ
นั่นก็เป็นเหตุผลและความเชื่อส่วนตัว
ผมคงไม่สามารถไปพูดอะไรต่อได้
ได้แต่พูดกับตัวเองคนเดียว
...
ประโยชน์ที่ผมได้รับง่าย ๆ สำหรับตัวเอง คือ
1. ผมเอาชนะตัวเองได้
2. ประหยัดสตางค์ในแต่ละเดือนได้มากขึ้น
...
คนเรา หากตั้งใจจะทำอะไรแล้ว
ย่อมมีหนทางแห่งความสำเร็จรออยู่เสมอ
เพียงแค่มีความเพียรและพยายาม
...
จึงขอบันทึกเอาไว้ ณ ที่นี้
...
บุญรักษา ทุกท่านครับ ;)...
...
...
ขอแสดงความยินดีด้วยครับ
ผมยังดื่มอยู่เลย
แต่ดื่มวันละสองแก้ว
เด็กและสตรีมีครรถ์โปรดพิจารณา อ้าวไม่ใช่หรือ
ผมพยายามลดกาแฟครับ
สมัยก่อนดื่มกาแฟเยอะมาก( จนตัวดำเกี่ยวกันไหมเนี่ย)555
ขอบคุณอาจารย์มากๆครับที่บันทึกเรื่องดีเกี่ยวกับกาแฟ
ห้ามดื่มเกินวันละ ๒ แก้วร้อน ๆ คือ อาจารย์ ขจิต ฝอยทอง ตัวจริงครับ 555
อย่างน้อยอาจารย์ก็มี Limit ไงครับ สุดยอดเล้ย ;)...
เพิ่มชาไปอีกสักชนิดนะครับ ท่านอาจารย์ ประธาน ;)...
ผมทานของโครงการหลวงอยู่ครับ ;)...
อาจารย์ตัดใจได้เยี่ยมมากครับ...ผมแย่ทั้งกาแฟ และชาครับ
"ใจสู้" ไว้ก่อนครับ คุณหมอ ทิมดาบ 555
"ซุ่นเซียน" นะครับ ท่าน ประธาน ;)...
เดี๋ยวมีลองครับ ;)...
ลดได้แต่ยังไม่สามารถละ เพราะ
หนึ่ง ลดน้ำตาล
สองประหยัดสตางค์ในแต่ละเดือนได้มากขึ้น, The same reason!
ว้าว ขอบคุณมากครับ พี่หมอเล็ก ภูสุภา ;)...
ก็หยุด แต่มาดื่ม เพราะอาจารย์ขจิต ชงให้ดื่มทีเชียงใหม่
แกย้ำว่า "พี่ชงอร่อยๆ"...55
อันนี้ผมเป็นพยานสำคัญให้เลยครับว่า อาจารย์ขจิตพูดเช่นนั้นจริง ๆ 555
หยุดกาแฟสด กาแฟแสนแพง สุขภาพกายดี สุขภาพกระเป๋าก็ดีขึ้น กระเป๋าอ้วนขึ้นตึงขึ้นหนอ
แน่นอนครับ พี่แจ๋ว หนูรี เย้ ๆ
"แก้วเดียว"..อนุโลม..เป็นยา.."...เช้าแก้วเดียว..ช่วยขับถ่าย..กาแฟ..ถ้าไม่ดื่ม..หกเจ็ดแก้วต่อวัน..ก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ..(อ่านมาจำไม่ได้แล้ว)..ปลูกไว้หลังบ้านซักสามต้น...ราคาไม่กี่ตังส์...สามปีก็เห็นดอกเห็นผล...เก็บคั่วเอง.แจกชาวบ้านบ้าง..ก็ดีนะ...
ที่บ้านปลูกไว้เล่น ๆ ๑ ต้นครับ คุณ ยายธี ;)...
อาจารย์เก่งจัง
พี่ยังหยุดไม่ได้สักทีค่ะ
แต่ เรื่องชา ก็น่าสนใจนะค่ะ ขอบคุณค่ะ^^
อ๋อ !!!! คุณครูเงาหันมาดื่มชาอู่หลง เพราะต้องการลดโรคหัวใจนี่เอง เข้าใจละ ^_,^
สู้ สู้ ครับ พี่ คุณแจ๋ว ;)...
แหม ช่างรู้ใจจริง ๆ คุณหมอธิ ธิรัมภา 555
ชื่นชมในความมุ่งมัั่นตั้งใจค่ะ
ขอบคุณมากครับ คุณ ถาวร ;)...
ผมก็คิดว่าน่าจะเลิกบ้าง ตอนนี้แค่ลดจำนวนลงเหลือวันละสองแก้วเช้าเย็น
ขอบคุณที่ให้ความรู้เรื่องกาแฟและชาอู่หลง ขอบคุณครับ
ยินดีครับ คุณพ่อ เครื่องหมาย ? คำถามเดี่ยว ;)...
ร้านกาแฟคงไม่ได้ตังค์ อ.เสือแล้วนะ
อดครับ คุณครูตุ่ม krutoom 555