ในเวที “ครูดี คนดี พลเมืองดี” ภายใต้โครงการหลักที่ชื่อ โครงการ“ผลิตและพัฒนาครูสู่ความเป็นเลิศ” เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา ผมและ ดร.ขจิต ฝอยทอง เปิดเวทีด้วยการชักชวนให้ “นักศึกษา ได้ทบทวน "หมุดหมาย" อันเป็น “ปณิธาน” หรือ “จุดมุ่งหมาย” ของการเข้ามาสู่โครงการดังกล่าวอีกครั้ง หลังจากผ่านพ้นมาแล้ว ๒ ปีเต็มๆ
การถามทักในประเด็นดังกล่าว ผมมุ่งเน้นให้แต่ละคนได้หวนกลับไปทบทวนอารมณ์ความรู้สึกในวันแรกที่สมัครเข้ามาสู่โครงการผลิตและพัฒนาครูสู่ความเป็นเลิศ ซึ่งประกอบด้วยคำถามสำคัญๆ ๓ คำถาม โดยดร.ขจิต ฝอยทอง เรียกชื่อกิจกรรมนี้ว่า “ตะกร้าสามใบ” แต่ผมกลับประยุกต์ให้กิจกรรมนี้มีตะกร้าเพิ่มมาอีกหนึ่งใบ- รวมเป็น ๔ใบ (เพิ่มไม่เท่าไหร่ แต่ไม่ยอมปริปากเฉลยต่ออาจารย์ขจิตว่าใบที่เพิ่มมานั้น มีไว้เพื่ออะไร)
กรณีคำถามที่อยู่ในตะกร้า ๓ ใบนั้น ประกอบด้วยประเด็นคำถามที่แต่ละคนต้องตอบ ดังนี้
ครับ, คำถามที่ไม่ซับซ้อนนัก แต่เป็นคำถามที่ผมและดร.ขจิต ฝอยทอง ให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดในเช้าอันสดชื่นของการจัดกระบวนการการเรียนรู้ในวันนั้น เพราะเราต่างเชื่อร่วมกันว่า ก่อนการเดินทางจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง นักศึกษาเหล่านี้ ควรต้อง “ทบทวนตัวเอง” อีกรอบ -ทบทวนถึงหมุดหมายของวันแรกที่ก้าวเข้ามา เพื่อให้รู้ “สภาวะปัจจุบัน” ว่าคงอยู่ หรือเปลี่ยนไป
ทันทีที่ ดร.ขจิต ฝอยทอง ให้สัญญาณเสียง “นกหวีด” เพื่อให้นักศึกษาได้ทบทวนตัวเอง และเขียนบอกเล่าผ่านกระดาษที่มีอยู่ในมือของแต่ละคน ผมก็เริ่มทำการ (เฝ้ามอง) สังเกตอาการแต่ละคนอย่างเงียบๆ
กระทั่งเวลาผ่านไปซักระยะ ผมจึงเริ่มประเมินสถานการณ์ พร้อมๆ กับผ่อนคลายบรรยากาศในทำนองว่า “เขียนเท่าที่อยากเขียน-นึกคิดอะไรไม่ออก สามารถข้ามไปยังตะกร้าใบที่ ๔ ได้” (ตามอำเภอใจ : โดยย้ำว่า ตะกร้าใบที่ ๔ นั้น สามารถเขียนบอกเล่าเรื่องอะไรก็ได้) ซึ่งพอผมเปิดเวทีเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่า หลายต่อหลายคน ได้พาความคิดของตัวเองกระโจนไปยังตะกร้าใบที่ ๔ อย่างคึกคัก ต่างคนดูเหมือนจะร่ำระบายลงไปอย่างต่อเนื่อง ที่สุดแล้วก็เห็นได้ชัดเช่นกันว่า ทุกคนสามารถกลับเข้าสู่ตะกร้าใบอื่นๆ ได้อย่างไม่ติดขัด และนั่นคือเหตุผลที่ผมพยากรณ์ล่งหน้าว่าจำเป็นต้องมีตะกร้าใบที่ ๔ …
แน่นอนครับ ผมประยุกต์ พลิกสถานการณ์อย่างเงียบๆ โดยไม่ได้บอกกล่าวอาจารย์ขจิตล่วงหน้า แต่มั่นใจว่า ดร.ขจิต ฝอยทอง (มองตารู้ใจ) มิได้กังขาต่อกระบวนการที่ผมหนุนเสริมขึ้นมาแบบเงียบๆ –ไม่มีปี่มีขลุ่ย
และถัดจากนี้ไป คือส่วนหนึ่งของ “ข้อมูล” จากตะกร้าใบที่ ๑
ส่วนหนึ่งของ “ข้อมูล” จากตะกร้าใบที่ ๒
ส่วนใหญ่ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ หากแต่ บางคนจากที่เคยจำเป็นต้องมาเรียนครูตามที่พ่อแม่ต้องการ เริ่มรู้สึกรักและผูกพันกับอาชีพนี้ขึ้นเรื่อยๆ รักและผูกพันกับเพื่อนๆ มากขึ้น เริ่มอยากเรียนต่อในระดับปริญญาโท
ส่วนหนึ่งของ “ข้อมูล” จากตะกร้าใบที่ ๓
ส่วนใหญ่คล้ายตะกร้าใบที่ ๓ นั่นก็คือ เกือบร้อยทั้งร้อยยังคงหนักแน่นกับปณิธานและจุดมุ่งหมายเดิมทุกประการ หากแต่ก็มีบ้างที่ใช้พื้นที่ในตะกร้าใบที่ ๓ สะท้อนความรู้สึกต่างๆ อย่างตรงไปตรงมา เช่น การใช้ชีวิตเหมือนนักเรียนประจำ (กินนอน) ทำให้ไม่มีอิสรเสรีเท่าที่ควร สวัสดิการยังไม่ดีนัก การเป็น ครู คศ.4 ยากเกินไป ตอนนี้อยากเป็นแค่ครู คศ.3 อดทน อดกลั้นมากขึ้น เริ่มไม่แน่ใจว่ายังอยากเป็นครูดอย เพราะกลัวปรับตัวไม่ได้
ส่วนหนึ่งของ “ข้อมูล” จากตะกร้าใบที่ ๔
ครับ, ขอยืนยันว่า ข้อมูลทั้งปวงนั้นเป็นจริงทุกประการ ผมไม่ได้โม้ หรือขีดเขียนมันขึ้นเอง ทุกอย่างเป็นสิ่งที่นักศึกษา (ครูเป็นเลิศ) ได้สะท้อน หรือร่ำระบายลงในตะกร้าทั้ง ๔ ใบ…(รวมถึงประเด็นที่พูดพาดพิงถึง “ผม” ด้วย…555)
เช่นเดียวกันนี้ – เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการเขียน หรือระบายความรู้สึกลงในตะกร้าทั้ง ๔ ใบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมพลิกสถานการณ์การเรียนรู้ขึ้นมาเพิ่มเติม จากการเขียน (ภายในโลกเงียบ) ของแต่ละคนไปสู่การ “บอกเล่า” (เล่าเรื่อง) ให้กันฟัง โดยแบ่งเป็น ๘ กลุ่มๆ ละ ๕ คนเป็นหลัก
ซึ่งนั่นคือหนึ่งในกระบวนการของการละลายพฤติกรรม –นำพาพวกเขาก้าวออกมาจากโลกส่วนตัว ฝึกการสื่อสาร แบ่งปัน –อยู่ร่วมกัน (ขณะหนึ่งการซ่อนทักษะการพูด การฟัง การจับประเด็น การสังเกตพฤติกรรม ฯลฯ ไปในตัวอย่างเงียบ)
แน่นอนครับ ผ่านมา ๒ ปีเต็มๆ จังหวะการก้าวเดินบนถนนแห่งการเรียนรู้ที่จะเป็นครูที่ดีในปีที่ ๓ นั้น ยังคงยาวไกลนัก ระฆังแห่งการเริ่มต้นกำลังกังวานขึ้นอีกรอบ ผมได้แต่หวังใจว่าพวกเขาจะเกาะกลุ่มรักและผูกพัน เป็นส่วนหนึ่งในกันและกัน -ร่วมใจเรียนรู้และฝ่าข้ามไปสู่ปณิธานฝั่งฝันได้อย่างที่วาดหวังไว้
เช่นเดียวกับการหวังใจว่า การได้ชวนพวกเขาได้ทบทวนตนเองเช่นนี้ จะเป็นการปลุกเร้า เยียวยา และเสริมพลังให้กับพวกเขาได้เป็นอย่างดี…
กระบวนการดังกล่าวนี้ ถือเป็นการทบทวน “หมุดหมายชีวิต” ในอีกมิติหนึ่ง ทบทวนเพื่อสร้างความตระหนักให้กับตัวเองว่า “มาจากที่ใด-จะไปหนแห่งใด” และจากวันนั้น ถึงวันนี้ มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้างแล้ว -
๖ สิงหาคม ๒๕๕๗
มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
(สะลวง-ขี้เหล็ก) อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
เยี่ยมเลยค่ะอาจารย์ จะได้มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่ดีเยอะๆ
เดินทางถึงบ้านด้วยความปลอดภัยนะครับ
เขียน ... ทุกอย่างได้ชัดเจน
ทุกอย่างจะเกิดการต่อยอดอย่างแน่นอนครับ ;)...
เป็นการจัด .... กระบวนการการเรียนรู้ ....ที่เป็นกิจกรรมที่ ..มีความสุข นะคะ ...มีรอบยิ้ม ก่อนจาก นะคะ
เป็นอะไรที่อยากบอกว่า "ยอดเยี่ยม" ค่ะ
เป็นกำลังใจให้น้องชายคนดี และผู้ร่วมอุดมการณ์ทุกท่าน ได้สำเร็จในทุกๆ ภาระกิจนะคะ
"ครู ไม่ใช่แค่อาชีพ แต่เป็น จิตวิญญาณ" บาดใจจังครับ
ชอบใจ
แค่มองตาก็รู้ใจ
เพราะกิจกรรมต่างๆ วิทยากรกระบวนการปรับได้
ชอบใจที่น้องแผ่นดินปรับกระบวนการ
ได้เรียนรู้ไปด้วยเลย
มาแจ้งว่าถึงมหาวิทยาลัยแล้วครับบบ