เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องของการเก็บสุขกลางทุกข์เรื่องหนึ่งของคนไทยที่คล้ายๆกับเรื่องการเก็บสุขกลางทุกข์ของสาวน้อยโรซี่
ผู้ป่วยชายไทยอายุ62ปีนับถือศาสนาพุทธอาชีพ ทำสวน วินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งไตระยะสุดท้ายมีการแพร่กระจายที่กระดูกทำให้มีอาการปวดกระดูกอย่างมากขาสองข้างอ่อนแรงจึงไม่สามารถยืนและเดินได้ไม่สามารถแต่งตัวเองไม่สามารถเคลื่อนย้ายตัวเองได้ ได้ส่งตัวมาฉายรังสีเพื่อบรรเทาอาการปวด
ปัญหาคือเรื่องปวดไม่ทุเลาเนื่องจากรับประทานยามอร์ฟีนไม่ถูกต้องจึงได้ประสานกับเครือข่ายทีมเยี่ยมบ้านนักศึกษาแพทย์เวชศาสตร์ชุมชนเพื่อช่วยเหลือเรื่องความปวดในที่สุดความปวดทุเลาแต่ผู้ป่วยยังคงมีอาการกระสับกระส่าย
น้องพยาบาลเวชศาสตร์ชุมชนโทรมาปรึกษาขอความช่วยเหลือ “ พี่ฟ่งจะทำอย่างไรดีดูผู้ป่วยมีอาการกระสับกระส่ายครอบครัวเขาทุกข์มาก”
“วันเสาร์ที่จะถึงนี้พี่จะขอไปเยี่ยมบ้านพร้อมทีมเยี่ยมบ้านนักศึกษาแพทย์เวชศาสตร์ชุมชนเพื่อประเมินสภาพผู้ป่วย” ฉันเสนอความคิดเห็น
"ตกลงค่ะ 9 โมงเช้าพบกันทีอาคารแพทยศาสตร์" น้องพยาบาลนัดหมาย
สภาพผู้ป่วยรู้สึกตัวดี อ่อนเพลียขาสองข้างอ่อนแรงจึงไม่สามารถยืนและเดินได้ไม่สามารถช่วยเหลือไม่สามารถเคลื่อนย้ายตัวเองได้แต่มีอาการกระสับกระส่ายหงุดหงิดท้อแท้ไม่มีความสุข พักหลับได้น้อย
นักศึกษาแพทย์ได้เข้าไปประเมินสภาพร่างกายโดยการเข้าไปทักทายและวัดสัญญาณชีพ
ภรรยาผู้ป่วย คุณพร(นามสมมติ) กระซิบบอกทีมฯว่า “เมื่อวานได้ไปพบแพทย์ที่คลินิกระงับปวดแพทย์บอกให้ตนเองเตรียมใจ/เผื่อใจไว้บ้างแต่คิดว่าผู้ป่วยที่นอนอยู่บนเตียงนอกห้องคงได้ยินเพราะตอนเดินออกมาสังเกตว่าประตูห้องปิดไม่สนิทและสังเกตเห็นคุณจรูญ(นามสมมติผู้ป่วย)ซึมไม่ค่อยพูดมีอาการกระสับกระส่ายหงุดหงิด”
“สวัสดีค่ะคุณจรูญจำพยาบาลได้ไหมค่ะ” ฉันเข้าไปทักทาย
คุณจรูญพยักหน้าน้ำตาซึมแล้วพูดว่า “วันตายกับวันแต่งไม่รู้ว่าวันไหนจะมาก่อน”
“ใครจะแต่งงานค่ะ” ฉันถาม
“ลูกสาวคนเล็ก” คุณจรูญตอบด้วยเสียงเศร้าๆ
“แต่งเมื่อไหร่ค่ะ” ฉันถามต่อ
“อีก 2 อาทิตย์ไม่รู้จะอยู่ทันไหม” คุณจรูญตอบ
“ถ้าเลื่อนให้แต่งงานเร็วขึ้นได้ไหมค่ะ” ฉันถามต่อ
“ไม่ได้ เพราะลูกสาวกับแฟนเขาลางานจากกรุงเทพฯและเตรียมงานไว้เรียบร้อยแล้วอยากไปงานแต่งงานลูกสาว
ถึงแม้ว่าจะตายวันแต่งงานขอให้จัดงานแต่งเหมือนเดิม” คุณจรูญพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ในการสนทนาวันนั้นมีคุณพรลูกสาว 2 คน คนโตคนรอง(คุณจรูญมีลูกสาว 3 คน ลูกสาวคนเล็กเป็นลูกสาวที่คุณจรูญมีความผูกพันมากที่สุดคุณพรเล่าว่าคุณจรูญเลี้ยงและดูแลลูกสาวคนเล็กอย่างใกล้ชิดมากกว่าลูกสาวคนอื่น) สุดท้ายทีมเยี่ยมบ้านและครอบครัวคุณจรูญวางแผนร่วมกันเพื่อทำตามความปราถนาของคุณจรูญโดยยังจัดงานแต่งเหมือนเดิมเนื่องจากจัดงานแต่งที่บ้านก็ต้องให้คุณจรูญไปอยู่โรงพยาบาลเอกชนก่อนแต่บอกวัตถุประสงค์กับโรงพยาบาลเอกชนว่าจะไม่มีมีการยื้อชีวิตแต่ให้การดูแลแบบประคับประคองถ้าเกิดคุณจรูญเสียชีวิตก่อนจะขอฝากศพไว้ที่โรงพยาบาลหรือที่วัด(ซึ่งได้มีการติดต่อล่วงหน้าไว้ก่อน)
“วันที่จัดพิธีแต่งงานช่วงเช้าหลังเสร็จพิธีให้เจ้าสาวและเจ้าบ่าวไปไหว้พ่อที่โรงพยาบาล” ฉันเสนอความคิดเห็น
“ค่ะ เราจะทำตามคำแนะนำ” คุณพรพูดด้วยน้ำตาคลอเป้า
หลังจากการพูดคุยในวันนั้นคุณจรูญไม่มีอาการกระสับกระส่ายหงุดหงิด ผู้ป่วยพักหลับได้มากขึ้น
ในที่สุดวันที่23 สค. 55 เป็นวันแต่งงานหลังเสร็จพิธีแต่งงานในช่วงเช้าเจ้าสาวและเจ้าบ่าวไปเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาลพ่อได้ให้พรคู่บ่าวสาวมีความสุขมากหลังจากเจ้าสาวเจ้าบ่าวกลับไปงานเลี้ยงต่อในช่วงบ่าย ประมาณ1 ชั่วโมงคุณจรูญบอกกับทุกคนว่า “พร้อมแล้วที่จะจากไป เขาไม่ต้องการสายน้ำเกลือและออกซิเจนให้ปลดสายต่างๆออกจากร่างกายเขา” และแล้วคุณจรูญก็จากไปอย่างสงบ เวลา19.45 น.
พี่ฟ่งเป็นนางฟ้าของคนเสมอค่ะ
ขอบคุณเรื่องเล่าจากประสบการณ์ชีวิตนี้มาก
ขอบคุณนะครับ