เที่ยวฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์ (๗)


เราประทับใจความมีอัธยาศัยไมตรีของชาวดัชท์มาก เขาสุภาพ เป็นมิตร เป็นกันเอง และรู้จักสร้างความประทับใจให้กับแขกที่มาเยือน

วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๙

เช้าวันนี้เราเดินทางออกจากบ้านเวลาประมาณ ๐๙.๑๕ น. ไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อดูโรงงาน Bakery ที่พ่อของ Nickee ทำงานอยู่ ดิฉันสังเกตเห็นว่าถนนที่มีไฟเขียว-ไฟแดง เป็นถนนระหว่างเมือง ส่วนภายในเมืองเขาใช้วงเวียนแทน ไม่เห็นมีไฟเขียวไฟแดงเลย เราไปถึงโรงงาน Bakery ชื่อ Bakkersland ภายในเวลาไม่เกิน ๓๐ นาที ยืนอยู่ครู่เดียว พ่อและแม่ของ Nickee ก็มาถึง พ่อเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ในสำนักงานสักพักก็ออกมาพาเราเข้าไป

 

หน้า Bakkersland

โรงงานนี้ทำทั้งขนมปังและพายต่างๆ ส่งขายแต่ละวันจำนวนมาก ดูจากข้างนอกเหมือนเป็นโรงงานเล็กๆ แต่เมื่อเข้าไปข้างในแล้วใหญ่มาก เราต้องสวมเสื้อคลุมสีแดงและสวมหมวกด้วย คนที่อธิบายขั้นตอนต่างๆ ให้เราฟังมีสมญาว่า Big Bird เพราะตัวสูงใหญ่มาก

 

 

คุณ Big Bird กำลังอธิบาย

ช่วงเช้าเราดูการทำพาย พอใกล้เที่ยงเราพักดื่มกาแฟและรับประทานขนมจากโรงงานนั่นแหละ หลังจากนั้นจึงไปดูการทำขนมปัง เขาพาไปดูทุกขั้นตอนของการทำ ตั้งแต่การเตรียมของ กระบวนการทำ การบรรจุหีบห่อ การเก็บรักษาก่อนจัดส่ง เพียงแต่ไม่ได้แจกแจงรายละเอียดของสูตรให้รู้เท่านั้น ไม่แน่ใจว่าโรงงานในบ้านเราจะให้ดูอย่างละเอียดได้เท่านี้ไหม

 

เส้นทางของ Pie

การทำขนมขั้นตอนต่างๆ มีเครื่องมืออุปกรณ์ เครื่องจักรพร้อม ส่วนที่อาศัยมือคนมากหน่อยคือการเคาะพายที่อบแล้วออกจากถาดและการแต่งหน้า

เสร็จจากการเที่ยวชมโรงงาน เราไปที่ที่ทำงานของ Nickee ซึ่งเป็นศูนย์จัดกิจกรรมสำหรับคนที่มี disability (เข้าใจว่าเป็นกลุ่ม Mental Handicap) เรารับประทานอาหารกลางวันที่นี่ ซึ่งผู้ที่มี disability บางรายที่สามารถให้บริการได้มาทำงานด้วย Nickee ต้องการให้เรารู้ว่าเขาทำงานอะไร อย่างไร จึงพาไปดูการทำงานต่างๆ อย่างละเอียด ที่นี่เขาจะจัดผู้มี disability เป็นกลุ่มๆ ตามระดับ IQ และมีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบประจำกลุ่ม

เป้าหมายของการให้บริการคือเพื่อให้บุคคลกลุ่มนี้ได้มีประสบการณ์ใกล้เคียงกับคนปกติมากที่สุด คนดูแลจะ set ตารางการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การทำครัว ทำสวน เลี้ยงสัตว์ (มีที่เลี้ยงสัตว์อยู่ใกล้ๆ) กิจกรรมศิลปะและงานสร้างสรรค์ต่างๆ คนไหนที่ทำไม่ได้เองก็ทำกับเจ้าหน้าที่ หรือทำไม่ได้เลยก็ดูเจ้าหน้าที่ทำ คือยังไงๆ เขาก็ได้มีประสบการณ์ เป็นการกระตุ้นประสาทสัมผัสต่างๆ

ดิฉันเห็นว่าผู้ใช้บริการที่นี่ แม้จะมีข้อจำกัดด้านร่างกายและสติปัญญา แต่ดูเขามีความสุข สะอาดและได้รับการปฏิบัติอย่างดี กลุ่มของ Nickee เขาก็จำกันได้ เข้ามาทักทายแบบคุ้นเคย หน่วยงานนี้สนใจเอาใจใส่ดูแลทั้งคนที่มี disability และคนทำงาน มีเครื่องมือช่วยมาก เช่น อุปกรณ์ช่วยเคลื่อนย้ายผู้ใช้บริการที่มีข้อจำกัดด้านการเคลื่อนไหว มีลักษณะคล้ายผ้าที่ห่อคนแล้วเกี่ยวกับสายที่มีรางเลื่อนติดที่เพดาน สามารถย้ายคนจากพื้นขึ้นเตียงหรือย้ายระหว่างห้องก็ได้ ไม่ต้องอุ้ม Nickee สาธิตวิธีการใช้เครื่องมือนี้โดยให้แม่เป็นผู้ใช้บริการ เก้าอี้นั่งของเจ้าหน้าที่ เป็นเก้าอี้ไม่มีพนัก มีล้อเลื่อน ที่นั่งเหมือนอานม้า ช่วยในการทรงตัว ลุกนั่งได้สะดวก

 

 

Nickee สาธิตการใช้ Sky lift

คนที่จะมาทำงานที่ Activity Center นี้ จะต้องผ่านการ train มาโดยเฉพาะ ทำงานร่วมกับนักกายภาพบำบัด และ behavior therapist ดิฉันประทับใจที่ Nickee พูดว่าพยายามที่จะช่วยให้ผู้ใช้บริการพึ่งพาตนเองให้ได้มากที่สุด เขามีความสุขเมื่อผู้ใช้บริการมีความก้าวหน้าแม้แต่เพียงเล็กน้อย Nickee เล่าว่าสมัยก่อนครอบครัวใดที่สมาชิกมีความผิดปกติแบบนี้ เขาจะอายและส่งคนที่ผิดปกติไปอยู่ในป่า

ผู้ที่มี disability มาที่ศูนย์กิจกรรมแบบเช้าไป-เย็นกลับ เหมือนกับคนปกติที่ออกจากบ้านไปทำงาน บางคนมาจากบ้าน บางคนมาจากโรงพยาบาลหรือที่พักที่อยู่ติดกัน เราได้ไปดูห้องผู้ใช้บริการในอาคารที่พักของเขาด้วย การตกแต่งแต่ละห้องเป็นแบบเฉพาะที่ผู้ใช้บริการชอบ มีพยาบาลดูแล สำหรับค่าใช้จ่ายมาจากรัฐบาลและครอบครัว รัฐบาลมีนโยบายว่า “everyone should have activities”

ช่วงเย็นเราไปที่บ้านของพ่อและแม่ของ Nickee ที่เมือง Venray ซึ่งเป็นเมืองเงียบๆ เหมือนกัน แม่เตรียมของที่ระลึกไว้ให้ทุกคน เธอน่ารักมาก ฝึกพูดภาษาอังกฤษจากหนังสืออยู่ ๒-๓ สัปดาห์ เพื่อเอาไว้คุยกับเรา แม่ทำงานที่ร้านขายเนื้อในเมืองมากว่า ๒๐ ปีแล้ว ทั้งพ่อและแม่เคยไปเที่ยวเมืองไทยกับทัวร์ของชาวดัชท์ เขาเอารูปให้ดูว่าไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง รู้สึกว่าจะไปเที่ยวเยอะกว่าเราคนไทยเองเสียอีก เย็นมากแล้วพ่อพาเราออกเดินเที่ยวในเมือง ส่วนแม่เตรียมอาหารเย็นที่บ้านเสร็จแล้วจึงขี่จักรยานตามไปสมทบ (คนที่นี่รวมทั้งที่เมือง Asten ใช้จักรยานกันมาก) เราเลือกซื้อของฝากคนทางเมืองไทยได้คนละชิ้นสองชิ้น

 

เมือง Venray ยามเย็น ไม่ค่อยมีคนให้เห็น

เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น (ค่ำ) น้องสาวของ Nickee พร้อมลูกชายอายุ ๑ ขวบครึ่งมาร่วมวงด้วย แม่เปิดตำราทำอาหารไทยให้เรารับประทาน มีข้าวสวย แกงกะหรี่ไก่ พร้อมอาจาด ของหวานเป็นไอศครีม แม้รสชาดจะไม่ค่อยเป็นอาหารไทยเท่าไหร่แต่เราก็ซาบซึ้งใจมากๆ และยิ่งรู้ว่าช่วงเวลานี้เป็น vacation ของพ่อ Nickee เขากลับจากพักผ่อนเร็วกว่าปกติเพื่อมาต้อนรับเรา ยิ่งซาบซึ้งใจมากขึ้น หลังอาหารซึ่งก็ค่ำแล้วพ่อชวนว่าเพื่อนบ้านมีฟาร์มวัวอยากไปเที่ยวหรือไม่ เราเกรงเขาลำบากจึงปฏิเสธไป เจ้าของฟาร์มวัวจึงมาพบเราที่บ้านแทน เธอมีอายุแล้ว พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ก็อยากรู้จักกับเรา

 

เพื่อนบ้านที่เป็นเจ้าของฟาร์ม

เราประทับใจความมีอัธยาศัยไมตรีของชาวดัชท์มาก เขาสุภาพ เป็นมิตร เป็นกันเอง และรู้จักสร้างความประทับใจให้กับแขกที่มาเยือน กลับมาถึงบ้านของ Nickee คืนนี้ลูกสาว ลูกเขย และ Nickee คุยกันดึกหน่อย เพราะพรุ่งนี้เราก็จะต้องกลับไปปารีสแล้ว

วัลลา ตันตโยทัย

หมายเลขบันทึก: 57173เขียนเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2006 18:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:36 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท