ส่งบทความ


IT กับการศึกษา

                                                         อวยพร  มโนสวัสดิ์ 

ไอทีเพื่อการศึกษามีความเปลี่ยนแปลงมีความล้าสมัยอย่างรวดเร็ว มีราคาที่ต้องจ่ายลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว และมีการขยายขอบเขตอย่างกว้างขวาง และมีคนเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว ลักษณะของเด่น ผู้เรียนรู้สามารถจะควบคุมได้ และโต้ตอบกับมันได้ เกือบทุกบ้านเรือนและนักเรียนทุกคนในระบบการศึกษาสามารถเชื่อมโยงกับระบบอินเตอร์เน็ตได้ ทุกเพศทุกวัยสามารถเข้าถึงและเรียนรู้เรื่องราวทางวิชาการต่าง ๆ จากเว็บไซต์ได้ทุกมุมโลก การเข้าถึงไอทีเป็นสิ่งสำคัญมากในปัจจุบันถ้าใครไม่เข้าถึงไอทีก็เหมือนอยู่กันคนละโลก การเรียนโดยใช้ไอทีทำให้การเรียนสนุกสนาน ทั้งผู้เรียนและผู้สอนมีความกระตือรือร้น และสามารถเรียนซ้ำได้ถ้าไม่เข้าใจ ทั้งนักเรียนยังสามารถเลือกเนื้อหาที่ตัวเองอยากเรียน เท่ากับว่าเด็กเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้จริง ๆทั้งนี้ครูผู้สอนจะต้องรอบรู้ด้านไอทีเสียก่อนเพราะหากไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว  ก็จะรู้ไม่เท่าทันนักเรียน  และต้องให้คำแนะในการใช้สื่อไอทีในการแสวงหาความรู้  เพราะขณะเดียวกันก็มีโทษมหันต์  โดยเฉพาะ"ปัจจุบันเด็กๆ และวัยรุ่นจะใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อความบันเทิงหรือเล่นเกมเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งบางเว็บมีเนื้อหาไม่เหมาะกับเด็ก และมีโฆษณาแอบแฝงทำให้เด็กได้รับสื่อที่ไม่เหมาะสมอย่างไม่ตั้งใจ โครงการนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เด็กเข้าเว็บที่มีประโยชน์ แบ่งปันสิ่งดีๆ กัน เวลานี้มีน้องๆ สมัครเข้ามามาก และบอกว่าเป็นโครงการที่ดี ใช้อินเทอร์เน็ตนั้น จะพบว่าเปรียบเสมือนดาบสองคมที่มีทั้งด้านดีและด้านมืด ด้านดีคือ ทำให้เราสามารถติดต่อสื่อสารกันง่ายขึ้น แม้จะอยู่คนละซีกโลก รวมถึงยังสามารถทำให้เราค้นคว้า และเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ต้องการได้ตลอดเวลา แต่ข้อเสียของมันก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน นั่นคือ การก่ออาชญากรรมและพบว่า อาชญากรรมที่เกิดขึ้นในอินเทอร์เน็ต 75% มักจะเกิดกับเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 13-15 ปี ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้นนี้ ทำให้ทราบถึงความเสี่ยงและอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเด็กในเรื่องของการรับรู้สิ่งที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการก่ออาชญากรรมได้ หากไม่ได้รับการดูแลจากผู้ปกครอง ก่อนอื่นผู้ปกครองต้องยอมรับและทำความเข้าใจในเรื่องอินเทอร์เน็ตก่อน หากไม่ทราบว่าจะไปหาความรู้จากไหน ก็ถามลูกและคุยกับลูก เพื่อที่จะได้รู้ว่าลูกหลานเราใช้อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่เพื่ออะไร ซึ่งทางอ้อมผู้ปกครองจะได้ทราบว่า วิธีการที่ใช้ค้นหาข้อมูล หรือเว็บไซต์ที่เด็กๆ เข้าประจำนั้น เกี่ยวข้องกับอะไรและมีเนื้อหาอย่างไร ขั้นที่สองคือ การใช้เทคโนโลยีมาป้องการกันการเข้าเว็บ หรือสกัดกั้นเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม โดยการใช้ซอฟต์แวร์ที่มีอยู่ในท้องตลาดทั่วไป ซึ่งสิ่งนี้จะเปรียบเสมือนเกราะกำบังที่จะป้องกันไม่ให้มีการค้นหาหรือรับทราบของมูลจากเว็บไซต์ หรืออีเมลที่ไม่เหมาะสมได้ ส่วนการเพิ่มความเข้าใจและความรู้เรื่องของอินเทอร์เน็ตนั้น ผู้ปกครองสามารถเข้าไปดูและศึกษาข้อมูลได้จากเว็บไซต์ www.pagi.org.sg หรือ http://netsmartz.org/index.html ซึ่งภายในจะมีการบอกถึงความเสี่ยงของการเกิดภัยร้ายบนอินเทอร์เน็ต และวิธีการป้องกันให้ผู้ปกครองได้ศึกษากัน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้ปกครองควรทำเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นกับเด็กคือ การเปิดใจ รับรู้เรื่องของเทคโนโลยี และรับฟังความคิดเห็นของเด็กๆ และทำข้อตกลงถึงระเบียบการใช้งานอินเทอร์เน็ตในทุกๆ วัน อาจจะมีการจำกัดเวลาการเล่นเกมออนไลน์ ให้คำตักเตือนเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่ไม่ควรเข้าไป และที่สำคัญที่สุดคือห้ามนำคอมพิวเตอร์ไปตั้งไว้ในห้องนอนของลูกหลาน เนื่องจากเราจะไม่สามารถเห็นได้เลยว่าเขาใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างถูกต้องเหมาะสมหรือไม่  ท่องเน็ตปลอดภัย ห่วงใยเยาวชนที่ให้สาระน่าศึกษาและน่าสนใจมากมาย การนำเสนอที่มีสีสันสดใสชวนให้ติดตาม และสำหรับเว็บดีที่ควรให้ความสำคัญเพื่อเด็กในความดูแลของท่าน เพื่อก้าวไปพร้อม ๆ กับลูกหลานของเราได้จึงกล่าวเป็นอีกส่วนของสื่อที่ไม่ควรมองข้าม

อ้างอิงจาก  http://www.kalyanamitra.org/daily/dhamma/

 
คำสำคัญ (Tags): #กับการศึกษา#it
หมายเลขบันทึก: 57166เขียนเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2006 18:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:14 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท