เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 9 : ชิบูยะ


บ่าย 14.00 น. วันที่ 24  มิถุนายน  2557 เดินทางไป ชิบูยะ ด้วยรถไฟ ซื้อตั๋ว ราคา 170 เยน ช่วงเช้าอากาศดีสบาย ๆ แต่บ่ายฟ้าร้องครืน ๆ มีสายฝนโปรยปราย ต้องซื้อร่มใส ๆ ราคา 500 เยน ร้านขายร่มที่ญี่ปุ่นมีทั่วไป คุณโบมัคคุเทศก์แนะนำสถานที่ให้เราเดินช้อปปิ้งกันเองตามสะดวก เมื่อพูดถึงย่านชิบูยาแล้วคนมักจะนึกถึงอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกก็เป็นแหล่งเสื้อผ้าแฟชั่น อย่างที่สองก็จะนึกถึงรูปปั้นสุนัขที่ชื่อว่าฮาจิโกะ ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าประตูทางออก Hachiko Gate ของสถานี JR Shibuya

เป้าหมายของเราคือ รูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ ที่อยู่ตรงห้าแยกชิบูยะครับ มองหาป้าย Hachiko ได้เลย (ออกจากรถไฟให้มองทางขวาได้เลย) หรือหาทางไปยังห้างโตคิว และที่นี่คุณโบ มัคคุเทศก์ของเราให้เป็นจุดนัดพบ เวลา 16.00 น. ไม่งั้นจะไม่มีรถกลับโรงแรม  เรามาทำความรู้จัก ฮาจิโกะเป็นสุนัขสายพันธ์อากิตะ ซึ่งลืมตาขึ้นมาดูโลกเมื่อ 10 พฤศจิกายน 1923 ในจังหวัดอากิตะ โดยเมื่ออายุได้เพียง 2 เดือนเจ้าฮาจิโกะถูกส่งตัวไปอยู่กรุงโตเกียวกับเจ้านายของมันคือ เอชะบุโระ อุเอะโนะ (Hidesamuroh Ueno) ศาสตราจารย์ประจำคณะเกษตรศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล (มหาวิทยาลัยโตเกียวในปัจจุบัน) ซึ่งศาสตราจารย์รู้สึกภาคภูมิใจกับเจ้าฮาจิโกะเป็นอย่างมาก เนื่องจากมันเป็นสุนัขอากิตะสายพันธุ์แท้ซึ่งหาได้ยากในสมัยนั้น  ในทุกๆวันที่นายต้องไปสอนหนังสือ ฮาจิโกะจะคอยส่งเจ้านายถึงประตูหน้าบ้าน โดยอุเอะโนะต้องไปขึ้นรถไฟที่สถานีชิบุยะ จากนั้นเมื่อถึงเวลา 15.00 น. ซึ่งเป็นเวลาเลิกงานแล้ว เจ้าฮาจิโกะจะมากระดิกหางรอพบเจ้านายของมันที่สถานีรถไฟชิบุยะอยู่เสมอ

จนวันที่ 21 เดือนพฤษภาคม 1925 ศาสตราจารย์ อุเอะโนะ เกิดอาการเส้นโลหิตในสมองแตก และเสียชีวิตขณะอยู่ที่มหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตาม ในวันนั้น ฮาจิโกะยังคงมารอเจ้านายของมันที่สถานีรถไฟ โดยไม่มีทางรู้ได้เลยว่า มันจะไม่ได้พบกับเจ้านายของมันอีกแล้ว เนื่องจากเขาได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ

หลังจากที่ศาสตราจารย์อุเอะโนะเสียชีวิต ภรรยาของเขาได้ย้ายบ้านไปและนำเจ้าฮาจิโกะไปให้กับญาติของศาสตราจารย์ที่ อยู่ห่างออกไปจากสถานีรถไฟหลายกิโลเมตร แต่ว่าเจ้าสุนัขพันธุ์อากิตะผู้ซื่อสัตย์กลับไม่ยอมอยู่กับเจ้านายใหม่ของมัน เพราะทันทีที่มันหนีหลุดออกมาได้ มันวิ่งตรงไปที่บ้านเก่าของมันแต่เมื่อไม่เจอใคร มันจึงกลับไปรอที่สถานีรถไฟเหมือนเมื่อครั้งที่เจ้านายของมันยังมีชีวิตอยู่ โดย คิคุซะบุโระ โคบายาชิ อดีตคนสวนของศาสตราจารย์ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟเป็นคนคอยดูแลเจ้าฮาจิโกะแทนทุกวันพอถึงเวลา 15.00 น. เจ้าฮาจิโกะก็จะวิ่งไปรอเจ้านายของมันที่สถานีรถไฟไม่เคยขาด ทุกครั้งที่รถไฟเข้า มันก็จะชูคอชะเง้อมองหานายของมัน ทำแบบนั้นตรงเวลา เหมือนเดิมเช่นทุกๆ วัน ปฏิบัติแบบนั้นตลอดระยะเวลา 10 ปี หลายคนสงสัยว่าเพราะมันหิวอาหารหรือเปล่า มันจึงมาที่เดิมทุกวัน แต่เมื่อดูพฤติกรรมอย่างถ่องแท้แล้ว มันจะมาเฉพาะช่วงตอนเย็นเท่านั้น โดยเฉพาะการชะเง้อมองรถไฟขบวน เวลา 15.00 น.เมื่อเข้าจอด จึงไม่ใช่การมาเพื่อหาอาหารกินแน่ๆ ทำให้เรื่องราวความซื่อสัตย์ของมัน เริ่มเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อเรื่องราวของมันถูกตีพิมพ์ลงบนหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของ ญี่ปุ่นในปี 1932 ทำให้ผู้คนทั่วสารทิศเดินทางมาดู มาเล่นกับเจ้าฮาจิโกะ นอกจากนั้น ชาวญี่ปุ่นยังได้ยกให้เจ้าฮาจิโกะเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับเด็กๆอีกด้วย

ชื่อเสียงความภักดีของฮาจิได้รู้ไปถึงพระราชินีญี่ปุ่น พระองค์จึงได้ทรงให้ช่างหล่อรูปทองแดง ฮาจิโกะ ขึ้น ในเดือนเมษายน 1934 โดย อันโดะ เทะรุ ศิลปินชื่อดัง เพื่อยกย่อง และนำไปตั้งไว้ที่สถานีรถไฟชิบูยะ

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 8 มีนาคม 1935 มีคนพบว่าฮาจิโกะนอนตายยังจุดที่มันคอยมารอเจ้านายของมัน ที่ทำมาทุกวันมานานกว่า 10 ปี ซึ่งข่าวการตายของฮาจิโกะนั้นถือว่าเป็นข่าวใหญ่มาก จนถูกตีพิมพ์ลงบนหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น สำหรับร่างของฮาจิโกะนั้นถูกนำไปเก็บรักษาเอาไว้ที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ แห่งชาติ ในกรุงโตเกียว

และในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นจำเป็นต้องใช้เหล็กและโลหะเป็นอย่างมาก จนถึงกับต้องเอารูปหล่อของเจ้าฮาจิโกะมาหลอมเลยทีเดียว กระนั้นความซื่อสัตย์ของฮาจิโกะยังคงไม่เคยถูกลืมไปจากใจชาวญี่ปุ่น เพราะในเวลาต่อมาได้มีการจัดทำรูปหล่อของฮาจิโกะขึ้นมาอีกครั้งในเดือน สิงหาคม 1947 และศิลปินผู้รับหน้าที่นี้ก็คือ อันโดะ ทะเคะชิ ลูกชายของ อันโ ดะ เทะรุ ผู้ที่ทำหน้าที่สร้างรูปหล่อฮาจิโกะเมื่อครั้งแรกนั้นเอง ซึ่งปัจจุบันจุดที่รูปหล่อฮาจิโกะตั้งอยู่นั้นได้กลายเป็นจุดนัดพบยอดนิยม ของย่านชิบูยะ

จะต้องเอาห้าแยกชิบุยะนี่แหละครับเป็นจุดเริ่มต้น เพราะมันหาง่ายที่สุดและเด่นชัดที่สุดแล้ว ถ้าคุณยืนหันหลังให้สถานีชิบุยะ ตรงทางออกHachiko Exitด้านหลังของคุณจะเป็นห้างโตคิว ซ้ายมือจะเป็นอนุสรณ์รูปปั้นของเจ้าฮาจิโกะ ขวามือก็จะมองเห็นทางรถไฟยกระดับ และตรงหน้าคุณก็จะเป็นตึก Q FRONTอาคารสูง 8ชั้นที่มีร้านสื่อบันเทิงครบวงจร TSUTAYA จับจองพื้นที่เกือบจะทั้งหมด และมีร้ากาแฟชื่อดังอย่างสตาร์บัคอยู่บนชั้นหนึ่งและชั้นสอง มองเห็นเป็นสง่า และเป็นที่ๆเหมาะจะนั่งละเลียด ชมความคึกคักของห้าแยก ชิบุยะเป็นอย่างยิ่งแม้ฝนจะปรายปรายแต่คนญี่ปุ่นเขาถือเป็นเรื่องปกติ  เดินหาซื้อเครื่องสำอางตามรายการของฝากจากเมืองไทย เหนื่อยมากหิ้วของพะรุงพะรัง  ไปหาของกินดีกว่า ไป Food Show

อาหารมากมายหลากหลาย ทั้งแห้งและสด มองทะลุเห็นร้านขายของ 300 เยน ทุกชนิด  ตกลงไปร้านซื้อของก่อนค่อยกลับมากิน  ที่นี่สินค้าทุกอย่าง 300 เยน  ได้กระเป๋าใส่ของมาคนสองสามใบ เราไปแวะกับหลานสาว ถ้าซื้อเมืองไทยคงหลายตังค์  เสื้อกันฝนสวย ๆ หลานสาวซื้อมไปฝากลูกศิษย์ ซื้อกันเพลินจนลืมหิว  จากนั้นกลับเข้าไปที่ศูนย์จำหน่ายอาหาร

เราเลือกซื้อของที่กินง่าย ๆ ประเภทไก่ย่าง ลูกชิ้น  จำราคาไม่ได้แล้วว่ากี่เยน ซื้อแล้วมองหาโต๊กนั่งกิน  ที่นี่ไม่มีโต๊ะ เหลือบมองไปรอบ ๆ ก็เห็นเขายืนกินที่เคาน์เตอร์มีเสาตรงกลาง  ข้าใต้เป็นถึงขยะ เราตกลงกินกันตรงนั้น กินคาวแล้ว ข้าง ๆ มีไอศกรีม หลากรส เลือกรสชาเขียว หลานสาวเลือกรสกาแฟ โคนละ 400 เยน  อร่อยมากเข้มข้น  ไม่หวานนัก

ออกจาก Food Show ไปที่นัดพบเพื่อขึ้นรถไฟเดินทางกลับ สนามบินนาริตะ   ซึ่งที่นั่นจะมีรถของโรงแรมรอรับอยู่ รถจะหมดเวลา 20.00 น. ที่นี่เราซื้อตั๋วรถไฟราคา 1030 เยน เป็นเวลาเย็นคนเยอะมากแน่นอัดกันเป็นปลากระป๋อง จากนั้นเปลี่ยนขบวนซื้อตั๋วอีก 200 เยน  ระหว่างทางจะเห็นนักเรียนตัวเล็ก ๆ ระดับประถมต้นขึ้นมาเป็นกลุ่ม ขึ้นมาก็ไม่มีที่นั่งเขายืนคุยกันเหมือนนาน ๆ เจอ คุยไม่สนใจใครเลย  ต้องยอมรับว่าเก่งมาก ๆ ที่ช่วยตัวเองได้  ไม่ทำตัวเป็นคุณหนูปัญญาละมุนเหมือนเด็กไทย  กระเป๋าที่สะพายใบโต  แต่งชุดนัก้รียน ไหนใครบอกว่าเด็กต่างชาติไม่มีชุดนักเรียน มีรูปมาฝากด้วย คนแน่นแต่ก็ถ่ายมาได้นะ

 

กว่าจะถึงสถานีปลายทาง  ต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงเปลี่ยนขบวนรถเป็นที่สนุกสนาน แต่เหนื่อยมาก  ถึงนาริตะขึ้นรถโรงแรม  ถึงที่พักเหนื่อยสุด ๆ เก็บของลงกระเป๋า เพราะพุรุ่งนี้เดินทางกลับแล้ว คืนนี้ขออาบน้ำนอนก่อนค่ะ แล้วพบกับใหม่พรุ่งนี้เช้า ...

โอะยะซุมินะไซ

หมายเลขบันทึก: 571500เขียนเมื่อ 2 กรกฎาคม 2014 14:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 กรกฎาคม 2014 15:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อ่านสนุกทำให้อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นบ้างจังเลยค่ะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท