หวังสร้างสรรค์แต่เกิดผลทำลาย


         อ. ไพบูลย์  วัฒนศิริธรรม  ต้องไปทำหน้าที่ รมต.   หน้าที่ประธานคณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 3 ของ สสส.  จึงตกมาที่ผม   คณะกรรมการชุดนี้ดูแลกลุ่มแผนบูรณาการสุขภาวะ   เน้นการบูรณาการในพื้นที่   เน้นการส่งเสริมการทำงานสร้างเสริมสุขภาพแบบ area - based

         ผมจึงต้องมานั่งใคร่ครวญว่าการส่งเสริมกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาวะ - สุขภาพแบบบูรณาการในพื้นที่   มันมี "เส้นผมบังภูเขา" อยู่ตรงไหน

         ทางฝ่ายบริหารของ สสส. สำนัก 3 เขาตาแหลมมาก   เขามองว่าจะทำงานให้ได้ผล   หัวใจอยู่ที่ผู้ทำงานสร้างเสริมสุขภาพในพื้นที่เอง   ต้องทำงานร่วมมือกัน   ไม่ใช่ต่างคน (ต่างหน่วย) ต่างทำ   ต้องมีกลไกเข้าไปสร้างการประสานงาน   สร้างความร่วมมือในพื้นที่

         ผมจึงมองต่อ  หา "เส้นผมบังภูเขา" ต่อ   ว่าตัวอุปสรรคต่อการสร้างเสริมสุขภาพในพื้นที่ก็คือหน่วยงานกลางในกรุงเทพฯ แบบ สสส. และหน่วยราชการต่าง ๆ นี่แหละ

         เพราะหน่วยงานในกรุงเทพฯ เหล่านี้ต้องการผลงานของตนเอง   ก็หาตัวแทนของตัว (ซึ่งอาจจะอยู่ในพื้นที่หรือนอกพื้นที่ก็ได้) เข้าไปทำงานตามที่หน่วยงานในกรุงเทพฯ กำหนด   ตัวแทนเหล่านี้จงรักภักดีต่อแหล่งทุนหรือเจ้านายที่กรุงเทพฯ   ไม่ได้จงรักภักดีต่อพื้นที่นัก

         ถ้าสภาพเป็นอย่างนี้   ความหวังที่จะให้พื้นที่เข้มแข็งก็เป็นไปได้ยาก   เพราะกิจกรรม (สร้างเสริมสุขภาพ) ในพื้นที่ไม่ได้ตอบสนองความต้องการของพื้นที่   แต่ตอบสนองแหล่งทุนหรือเจ้านายในกรุงเทพฯ

         ผมหวังว่าข้อวิเคราะห์ของผมตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ผิด

วิจารณ์  พานิช
 2 พ.ย.49

หมายเลขบันทึก: 57112เขียนเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2006 14:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:14 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
เห็นด้วยกับสิ่งที่อาจารย์วิจารณ์วิเคราะห์ค่ะ

หวังดีแต่เกิดผลร้ายนี้มีทุกระบบแหละครับ เพียงมากน้อยต่างกัน ที่ผมเป็นไม้เบื่อไม้เมากับหน่วยงานต่างๆก็ตรงนี้แหละ  ยิ่งระบบการศึกษาของไทยยิ่งน่าห่วงมาก ไม่ทราบว่าจะพอมีอัศวินม้าขาวที่ไหนมาบรรเทาได้บ้าง มีแต่สอนให้ท่องจนเด็กสมองผุหมดแล้ว ครูก็ต้องสอนแบบนั้นเพื่อให้ผ่านสารพัดเกณฑ์ ผู้ประเมินก็หวังดี กระทรวงก็หวังดี แต่ผลก็เป็นอย่างที่เห็น ผมก็อยากให้สิ่งที่ผมพูดมาผิดเช่นกันครับ

แสวง

๓ พ ย. ๔๙

สมมุติฐานอาจารย์ถุกเผงล่ะค่ะ

มันต้องพยายามเข้าใจทั้งข้างบน และ ข้างล่างค่ะ

จริงๆ แล้วคนในพื้นที่เขาก็มองเห็นปัญหานี้เหมือนกัน  และ เขาก็พยายามมองประโยชน์ที่พื้นที่เป็นตัวตั้ง  หลายๆ ที่ทำได้ดี  เขารวมกันทำงานเป็นเครือข่าย  ได้เงินมาก็เอาทำด้วยกัน  แต่พยายามประนีประนอมกับเจ้าของเงินเล็กน้อย  คืออย่าไปนอกกรอบเขามาก  บางหน่วยงานก็ โอเค  บางหน่วยงานก็ไม่โอเค  

      ดิฉันอยู่ในระบบราชการยังเหนื่อยวิธีคิดแบบยึดติดเลยค่ะ  แต่ละกรมก็ต่างทำ  ห้ามเอาเงินโครงการฉันไปข้องแวะกับงานกรมอื่น  แม้จะกลุ่มเป้าหมายเดียว  เป้าประสงค์ก็แปะเอ๊ย  มันเป็นอย่างนี้มานมนามกาเลแล้วค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท