เที่ยวญี่ปุ่น : ตอนที่ 1ฟูจิในม่านเมฆ

วันที่ 21 มิถุนายน 2557 ออกจากชุมพรด้วยพาหนะส่วนตัวพร้อมด้วยหลานสาวและหลานชาย เวลา 20.00 น. มุ่งสู่กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) ถึงกรุงเทพฯ เวลา 16.00 น. แวะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและฝากรถไว้บ้านญาติ จากนั้นญาติไปส่งที่สุวรรณภูมิ เวลา 21.00 น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกชั้น 4 ประตู 3 เคาน์เตอร์ E สายการบินเอเชียแอคแลนติกแอร์ไลน์ โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัท คุณปิง และคุณโบ คอยอำนวยความสะดวก ตรวจเช็คสัมภาระและเอกสารการเดินทางให้กับ 37 คน ที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้  ทุกคนโหลดกระเป๋าเดินทางและผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง  กว่าจะเรียบร้อยใข้เวลาพอสมควร  จากนั้นทุกคนเข้าไปรอด้านใน รอนานก็เหนื่อยจึงถ่ายรูปเล่นแก้เซ็งที่ต้องรอนาน

01.00 น. ของวันที่ 22 มิถุนายน 2557 เหินฟ้าสูกรุงโตเกียว : นาริตะ โดยสายการบินเอเชียแอคแลนติกแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ HB088  ใช้เวลาเดินทาง 5.30 น.

09.10 น. ถึง สนามบินนานาชาตินาริตะ จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นสนามบินหลักที่ให้บริการผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เดินทางเข้าและออกจากประเทศญี่ปุ่น และเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างทวีปเอเชียและอเมริกา ฝนตกปรอย ๆ ท้องฟ้าสลัว หลังผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ทุกคนไปล้างหน้าแปรงฟัน ที่ห้องน้ำในสนามบิน  ห้องน้ำที่เข้าไปใช้รูปทรงแปลก แต่สะอาดมาก  

คณะขึ้นรถบัสเดินทางสู่ เมืองโกเทมบะ ฝนตกปรอย ๆ ตลอดทาง ประมาณชั่วโมงเศษ ๆ รถแวะพัก ทุกคนเข้าห้องน้ำและซื้อร่ม ที่ Family March ซื้อร่มใส ๆ ได้คันหนึ่ง ราคา 540 เยน ( 100 เยน =  33 บาท)  ระหว่างรอ บางคนที่เข้าห้องน้ำก็ถ่ายรูปเล่น

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงเศษถึงเมืองเมืองโกเทมบะ ที่นี่เป็นที่ตั้งของภูเขาไฟฟูจิ  ภูเขาไฟฟูจิ ( Fuji ) ภูเขาไฟฟูจินี้เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นเรียกภูเขาไฟฟูจิว่า ฟูจิซัง (Fujisan– 富士山) มีความสูงราว 3,776 เมตร (12,388 ฟุต) จากวัดเส้นรอบวงของภูเขาไฟฟูจิวัดเส้นรอบวงได้ประมาณ 100 กิโลเมตร) ตั้งอยู่บริเวณจังหวัดชิซึโอะกะ และจังหวัดยะมะนะชิ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของจังหวัดโตเกียว ภูเขาไฟฟูจิเคยระเบิดมาแล้วซึ่งครั้งหลังสุดที่ระเบิดคือเมื่อปี พ. ศ. 2250 (ค.ศ. 1707) ซึ่งตรงกับยุดเอโดะ เชื่อว่ามีผู้ปีนเขาฟูจี ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 1206 โดยนักบวชท่านหนึ่ง และในช่วงระหว่างนั้นจนถึงยุคเมจิ ภูเขาฟูจิได้ชื่อว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งห้ามผู้หญิงขึ้นเขา โดยในปัจจุบันภูเขาฟูจิเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ภูเขาฟูจิได้เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของญี่ปุ่น ซึ่งจะเห็นได้จากในงานเขียนหรือภาพวาดต่างๆ โดยเฉพาะภาพวาดของ โฮะกุไซ ที่มีให้เห็นในวรรณกรรมญี่ปุ่นและกาพย์กลอนที่สำคัญมากมาย ภูเขาฟูจิยังเป็นฐานทัพของซามูไรต่างๆมากมายจากยุคอดีต เป็นที่ฝึกฝน ซึ่งในปัจจุบัน ฐานทัพหนึ่งของกองทหารญี่ปุ่นตั้งอยู่บริเวณตีนเขาฟูจิ บริเวณโดยรอบภูเขาไฟฟูจิมีสวนสาธารณะ มีสถานที่ว่ายน้ำ อาบน้ำ มีทะเลสาบกว้างใหญ่ และทัศนียภาพที่งดงาม ชาวญี่ปุ่นทุกคนต้องดินทางมาเที่ยวที่ ภูเขาไฟนี้อย่างน้อยก็ครั้งหนึ่งในชีวิต เพื่อขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนยอดเขา การที่ปีนภูเขาไฟฟูจิในตอนกลางคืนเพราะเมื่อขึ้นไปถึงยอดเขาแล้วเราก็จะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นพอดี ซึ่งสวยงามมาก ส่วนมากแล้วชาวญี่ปุ่นจะใช้เวลาประมาณ 2 วันในการปีนภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งระหว่างทางก็จะมีที่พักให้สำหรับนักปีนเขาอยู่ตลอดทาง ข้างบนยอดเขาฟูจินั้นยังมีโทรศัพท์และตู้ไปรษณีย์ สำหรับผู้ที่สนใจจะปีน ก็สามารถซื้อไม้ที่เชิงเขา เพื่อที่จะเอาไว้ ทำเครื่องหมายในแต่ละจุดที่เดินผ่าน......รถบัสพาคณะเดินทางขึ้นภูเขาขณะรถกำลังแล่นไต่เขาประมาณชั้นสองหรือสาม จะได้ยินเสียงเพลงเบา ๆ แล้วแผ่วหายไป คุณโบ มัคคุเทศก์ถามพวกเราว่าได้ยินเสียงอะไรหรือเปล่า หลายคนได้ยินก็ตอบได้ยินเสียงเพลง ฝนยังคงตกเบา ๆ อากาศหนาวเย็นมาก ๆ  ธรรมชาติของข้างทางสวยงามมาก  รถขึ้นมาถึงขั้นที่ 5  แวะรับประทาน อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารบนชั้น 5 ของภูเขาไฟฟูจิ อาหารมื้อแรกที่ญี่ปุ่นเป็นข้าวหน้าไก่ทอด น่าทานมาก  มีน้ำซุปอร่อยมาก ชั้นล่างของภัตาคารมีของที่ระลึก และขนมอร่อย ๆ ของญี่ปุ่นจำหน่ายมากมาย หลากหลายชนิด มีโลโกเป็นสัญลักษณ์ภูเขาไฟฟูจิ

วันนี้ไม่มีโอกาสเห็นฟูจิซัง เพราะมีฝนและเมฆมาก คณะเราได้แต่เก็บภาพบรรยากาศและธรรมชาติสวย ๆ ไว้เป็นที่ระลึกเท่านั้น  ทุกคนผิดหวังและเสียดายมาก แต่ก็ฝืนธรรมชาติไม่ได้

กลับขึ้นรถลงจากชั้นที่ 5 ของฟูจิ ขณะที่รถลงมาเรื่อย ทุกคนตื่นเต้นมาก เพราะ "ฟูจิซังในม่านเมฆ" โผล่มาทักทาย  ทุกคนตื่นเต้น  สุขใจ  สมหวังที่ได้เห็น ต่างเก็บภาพสวย ๆ ไว้เป็นที่ระลึก "ฟูจิซังคือของขวัญ  จากพระเจ้าของชาวอาทิตย์อุทัย" 

[ครูแอ๋ม]