หน้าแรก
สมาชิก
พัช
สมุด
ครูบางขัน
IT กับการพัฒนาคุณ...
พัช
พัชรียา เสนีย์
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
IT กับการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้
IT ดี มีความรู้
ไอ.ที.กับการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้
เทคโนโลยีสารสนเทศ
(
Information Technology:IT
)
หรือเทคโนโลยีและการสื่อสาร
(
Information
and
Communication Technology:ICTs
)
ก็คือเทคโนโลยีสองด้านหลัก ๆ ที่ประกอบด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
และเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมที่ผนวกเข้าด้วยกัน
เพื่อใช้ในกระบวนการจัดหา จัดเก็บ สร้าง และเผยแพร่สารสนเทศในรูปต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียง ภาพ ภาพเคลื่อนไหว
ข้อความหรือตัวอักษร
และตัวเลข
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ความถูกต้อง
ความแม่นยำ
และความรวดเร็วให้ทันต่อการนำไปใช้ประโยชน์
ความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีอย่างน้อย
5
ประการ(
Souter 1999: 409
)
ได้แก่
การสื่อสารถือเป็นสิ่งจำเป็นในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์
สิ่งสำคัญที่มีส่วนในการพัฒนากิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ประกอบด้วย
Communication
media
,
การสื่อสารโทรคมนาคม (
Telecoms
),
และเทคโนโลยีสารสนเทศ (
IT
)
ซึ่งทั้งนี้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะประกอบด้วยผลิตภัณฑ์หลักมากไปกว่าโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์
เช่น
แฟกซ์,อินเทอร์เน็ต,อีเมล์
ทำให้สารสนเทศเผยแพร่หรือกระจายออกไปในที่ต่าง ๆ ได้สะดวก
ซึ่งก่อให้เกิดความสำคัญประการต่อมาคือมีผลให้การใช้งานด้านต่าง ๆ มีราคาถูกลง
นอกจากนี้
เครื่อข่ายสื่อสาร
(
Communication
networks
)
ก็ได้รับประโยชน์จากเครื่อข่ายภายนอก
เนื่องจากจำนวนการใช้เครือข่าย
จำนวนผู้เชื่อมต่อ
และจำนวนผู้ที่มีศักยภาพในการเข้าเชื่อมต่อกับเครือข่ายนับวันจะเพิ่มสูงขึ้น
และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทำให้ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์
และต้นทุนการใช้
ICT
มีราคาถูกลง
ในส่วนความสำคัญของเทคโนโลยีในด้านที่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้านต่าง ๆ ของผู้คนมีอยู่หลายประการ (จอห์น
ไนซ์บิตต์
อ้างถึงใน
ยืน
ภู่วรรณ)
เช่น
เทคโนโลยีสารสนเทศ
ทำให้สังคมเปลี่ยนจากสังคมอุตสาหกรรมมาเป็นสังคมสารสนเทศ
และทำให้ระบบเศรษฐกิจเปลี่ยนจากระบบแห่งชาติไปเป็นเศรษฐกิจโลก
ที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจของโลกผูกพันกับทุกประเทศ
ความเชื่อมโยงของเครือข่ายสารสนเทศทำให้เกิดสังคมโลกาภิวัตน์ตามมา
อีกทั้งทำให้องค์กรมีลักษณะผูกพัน
มีการบังคับบัญชาแบบแนวราบมากขึ้น
หน่วยธุรกิจมีขนาดเล็กลง
และเชื่อมโยงกันกับหน่วยธุรกิจอื่นเป็นเครือข่าย
การดำเนินธุรกิจมีการแข่งขันกันในด้านความเร็ว
โดยอาศัยหลักการใช้ระบบเครื่อข่ายคอมพิวเตอร์
และการสื่อสารโทรคมนาคมเป็นตัวสนับสนุนเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็ว
ซึ่งเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเทคโนโลยีแบบสุนทรียสัมผัส
และสามารถตอบสนองตามความต้องการการใช้เทคโนโลยีในรูปแบบใหม่ที่เลือกได้เอง
และเทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดสภาพทางการทำงานแบบทุกสถานที่และทุกเวลา
ทั้งนี้เทคโนโลยีสารสนเทศยังก่อให้เกิดการวางแผนการดำเนินการระยะยาวขึ้น
อีกทั้งยังทำให้วิถีการตัดสินใจ
หรือเลือกทางเลือกใด้ละเอียดขึ้น
จึงอาจกล่าวได้ว่า
เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทที่สำคัญในทุกวงการ
มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโลกด้านความเป็นอยู่
สังคม
เศรษฐกิจ
การศึกษา
การแพทย์
เกษตรกรรม
อุตสาหกรรม
การเมือง
ตลอดจนการวิจัยและการพัฒนาต่าง ๆ
ในส่วนของด้านการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (
IT
)
มาใช้เพื่อการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้นั้น
ซึ่งการจัดการเรียนรู้ของระบบการศึกษาในปัจจุบันนี้ ถือว่าการเรียนการสอนเป็นกระบวนการที่จำเป็นและสำคัญอย่างยิ่ง เพราะถ้ากระบวน การเรียน การสอนมีประสิทธิภาพ มีเนื้อหาตรงตามหลักสูตร มีอุปกรณ์หรือสื่อการเรียนการสอนต่าง ๆ เพื่อช่วยเสริมแรงจูงใจ ให้นักเรียน มีความตั้งใจเรียน และช่วยเร้าความสนใจในการเรียนเพิ่มขึ้น จากเนื้อหาที่มีอยู่ในหนังสือมีกิจกรรมการเรียน การสอน แบบยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง โดยที่นักเรียนสามารถค้นคว้าหาความรู้ได้ด้วยตนเอง ก็จะทำให้นักเรียนรู้จักคิดเป็น ทำเป็น แก้ไขปัญหาได้ ย่อมส่งผลให้นักเรียนอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น และนักเรียนก็ไม่เบื่อที่จะเรียนรู้
ปัจจุบันนี้จะพบว่าอิทธิพลของคอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก
ในกระบวนการเรียนการสอน โดยการนำคอมพิวเตอร์ และสื่อทางอินเทอร์เน็ตมาช่วยในการนำเสนอเนื้อหา กิจกรรมในการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบ ซึ่งนักเรียนสามารถ เรียนรู้เนื้อหาและฝึกทักษะ จากคอมพิวเตอร์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต
ได้ด้วยตนเอง
ซึ่งทำให้กิจกรรมการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ได้มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เพื่อการพัฒนาด้านการจัดการศึกษาหรือการจัดการเรียนรู้ในปัจจุบัน
ได้แก่
การเรียนรู้แบบออนไลน์หรือ
E-learning
การเรียนรู้แบบออนไลน์เป็นการศึกษา เรียนรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ต (
Internet)
หรืออินทราเน็ต
(Intranet)
เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ผู้เรียนจะได้เรียนตามความสามารถและความสนใจของตน โดยเนื้อหาของบทเรียนซึ่งประกอบด้วย ข้อความ รูปภาพ เสียง วิดีโอและมัลติมีเดียอื่นๆ จะถูกส่งไปยังผู้เรียนผ่านเว็บเบราว์เซอร์(
Web Browser)
โดยผู้เรียน ผู้สอน และเพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคน สามารถติดต่อ ปรึกษา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันได้เช่นเดียวกับการเรียนในชั้นเรียนปกติ โดยอาศัยเครื่องมือการติดต่อสื่อสารที่ทันสมัย สำหรับทุกคนที่สามารถเรียนรู้ได้ทุกเวลา และทุกสถานที่ (
Learn for all : anyone, anywhere and anytime)
ซึ่งการให้บริการการเรียนแบบออนไลน์ มีองค์ประกอบที่สำคัญ
4
ส่วน โดยแต่ละส่วนจะต้องได้รับการออกแบบเป็นอย่างดี เพราะเมื่อนำมาประกอบเข้าด้วยกันแล้วระบบทั้งหมดจะต้องทำงานประสานกันได้อย่างลงตัวของเนื้อหาบทเรียน
ระบบบริหารการเรียน ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลาง กำหนดลำดับของเนื้อหาในบทเรียน เราเรียกระบบนี้ว่าระบบบริหารการเรียน (
E-Learning Management System : LMS)
ดังนั้นระบบบริหารการเรียนจึงเป็นส่วนที่เอื้ออำนวยให้ผู้เรียนได้ศึกษาเรียนรู้ได้ด้วยตนเองจนจบหลักสูตร
และ
การติดต่อสื่อสาร การเรียนแบบ
E-learning
นำรูปแบบการติดต่อสื่อสารแบบ
2
ทาง มาใช้ประกอบในการเรียน โดยเครื่องมือที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารอาจแบ่งได้เป็น
2
ประเภทคือ ประเภท
Real-time
ได้แก่
Chat (message, voice), White board/Text slide, Real-time Annotations, Interactive poll, Conferencing
และอื่นๆ ส่วนอีกแบบคือ ประเภท
Non real-time
ได้แก่
Web-board, E-mail
บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (
Computer Assisted Instruction - CAI)
บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนจะเสนอสารสนเทศที่ได้ผ่านกระบวนการสร้างและพิจารณามาเป็นอย่างดี โดยมีเนื้อหาวิชาหรือสารสนเทศ แบบฝึกหัด การทดสอบและการให้ข้อมูลป้อนกลับให้ผู้เรียนได้ตอบสนองต่อบทเรียนได้ตามระดับความสามารถของตนเอง เนื้อหาวิชาที่นำเสนอจะอยู่ในรูปมัลติมีเดีย ซึ่งประกอบด้วย อักษร รูปภาพ เสียง และ/หรือ ทั้งภาพและเสียง ซึ่งมีพื้นฐานมาจากการนำหลักการเบื้องต้นทางจิตวิทยาการเรียนรู้มาใช้ในการออกแบบ โดยอาศัยพฤติกรรมการเรียนรู้ (
Learning Behavior)
ทฤษฎีการเสริมแรง (
Reinforcement Theory)
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขปฏิบัติ (
Operant Conditioning Theory)
ซึ่งถือว่าความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนองและการเสริมแรงเป็นสิ่งสำคัญ โดยมีจุดมุ่งหมายนำผู้เรียนไปสู่การเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งอาศัยการสอนที่มีการวางโปรแกรมไว้ล่วงหน้า เป็นการให้ผู้เรียนมีโอกาสเรียนรู้ได้ด้วยตนเองและมีผลย้อนกลับทันทีและเรียนรู้ไปทีละขั้นตอนอย่างเหมาะสมตามความต้องการและความสามารถของตน
วีดิทัศน์ตามอัธยาศัย (
Video on Demand - VOD)
การจัดการฐานข้อมูลต้องอาศัยโปรแกรมที่ทำหน้าที่ในการกำหนดลักษณะข้อมูลที่จะเก็บไว้ในฐานข้อมูล อำนวยความสะดวกในการบันทึกข้อมูลลงในฐานข้อมูล กำหนดผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ฐานข้อมูลได้ พร้อมกับกำหนดด้วยว่าให้ใช้ได้แบบใด เช่น ให้อ่านข้อมูลได้อย่างเดียวหรือให้แก้ไขข้อมูลได้ด้วย นอกจากนั้นยังอำนวยความสะดวกในการค้นหาข้อมูล การแก้ไขปรับปรุงข้อมูล ตลอดจนการจัดทำข้อมูลสำรองด้วย โดยอาศัยโปรแกรมที่เรียกว่า
ระบบการจัดการฐานข้อมูล(
Database Management System: DBMS)
ซึ่งโปรแกรมที่ได้รับความนิยมในการจัดการฐานข้อมูล ได้แก่
Microsoft Access, Oracle, Informix, dBase, FoxPro,
และ
Paradox
เป็นต้น
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (
E-books )
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถอ่านได้ทางอินเทอร์เน็ต สำหรับเครื่องมือที่จำเป็นต้องมีในการอ่านหนังสือประเภทนี้ก็คือฮาร์ดแวร์ประเภทเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพาอื่นๆ พร้อมทั้งติดตั้งระบบปฏิบัติการหรือซอฟต์แวร์ที่ใช้อ่านข้อความต่างๆ ตัวอย่างเช่น ออแกไนเซอร์แบบพกพา พีดีเอ เป็นต้น ส่วนการดึงข้อมูล
E-books
ซึ่งจะอยู่บนเว็บไซต์ที่ให้บริการทางด้านนี้มาอ่านก็จะใช้วิธีการดาวน์โหลดผ่านทางอินเทอร์เน็ตเป็นส่วนใหญ่
ลักษณะไฟล์ของ
E-books
หากนักเขียนหรือสำนักพิมพ์ต้องการสร้าง
E-books
จะสามารถเลือกได้สี่รูปแบบ คือ
Hyper Text Markup Language (HTML), Portable Document Format (PDF), Peanut Markup Language (PML)
และ
Extensive Markup Language (XML)
ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ (
E-library)
ในปัจจุบันสังคมไทยเราอยู่ในยุคข่าวสาร ทำให้มีการกระจายข้อมูลข่าวสารได้อย่าง ดังนั้น
ห้องสมุดจึงต้องเปลี่ยนแปลงระบบการทำงานด้านต่างๆ โดยเฉพาะงานด้านบริการจะมีบทบาทที่เด่นชัด ความต้องการของผู้ใช้บริการจึงเป็นแรงผลักดันให้ห้องสมุดเปลี่ยนการให้บริการงานห้องสมุดมาเป็นระบบอัตโนมัติ เช่น
ระบบที่สามารถให้บริการและตรวจสอบได้
ระบบบริการยืม
-
คืน ทรัพยากรด้วยแถบรหัสบาร์โค้ด
ระบบบริการสืบค้นข้อมูลทรัพยากร
ระบบตรวจเช็คสถิติการใช้บริการห้องสมุด
ระบบตรวจเช็คสถิติการยืม
–
คืนทรัพยากร
การสำรวจทรัพยากรประจำปี
และการพิมพ์บาร์โค้ดทรัพยากรและสมาชิก
อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยที่ทำให้เกิดความล้มเหลวในการนำเทคโนโลยีสารสนเทสมาใช้อีกเช่นกัน
ซึ่งมีงานวิจัยที่บ่งชี้ถึงความล้มเหลวหรือความผิดพลาดที่เกิดจากการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในองค์กร
เช่น
การขาดการวางแผนที่ดีพอ
การนำเทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสมมาใช้งาน
หรืออาจจะขาดการจัดการหรือสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูง
สำหรับสาเหตุความล้มเหลวอื่น ๆ ที่ได้พบจากการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้
เช่น
ใช้เวลาในการดำเนินการมากเกินไป
หรือนำเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยหรือยังไม่ผ่านการพิสูจน์มาใช้งาน
การประเมินแผนความต้องการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศไม่ถูกต้อง
ผู้จำหน่ายไม่มีประสิทธิภาพและขาดความรับผิดชอบ
และระยะเวลาของการพัฒนาหรือนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้จนเสร็จสมบูรณ์ใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งปี
นอกจากนี้ในด้านผู้ใช้พบว่าการไม่ประสบความสำเร็จเกิดจาก
การกลัวความเปลี่ยนแปลง
กล่าวคือ
ผู้คนกลัวที่จะเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
รวมทั้งกลัวว่าเทคโนโลยีสารสนเทศจะเข้ามาลดบทบาทและความสำคัญในหน้าที่การงานที่รับผิดชอบของตนให้ลดน้อยลง
จนทำให้ต่อต้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
การไม่ติดตามข่าวสารความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างสม่ำเสมอก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ไม่ประสบความสำเร็จได้
เพราะเทคโนโลยีสารสนเทศจะเปลี่ยนแปลงเร็วมาก
หากไม่หมั่นติดตามอย่างสม่ำเสมอแล้วจะทำให้กลายเป็นคนล้าหลังและตกขอบ
เกิดภาวะชะงักงันในการเรียนรู้และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศกระจายไม่ทั่วถึง
ก็เป็นอีกประการหนึ่งที่ทำให้การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศไม่ประสบความสำเร็จ
เพราะทำให้ขาดความเสมอภาคในการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศ
หรือเกิดการใช้กระจุกตัวเพียงบางพื้นที่
ทำให้อุปสรรคในการใช้งานด้านต่าง ๆ ตามมา
เช่น
ระบบโทรศัพท์
อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในคริสต์ศตวรรษที่
21
มีแนวโน้มที่จะพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้มีความสามารถใกล้เคียงกับมนุษย์ เช่น การเข้าภาษาสื่อสารของมนุษย์ โครงข่ายประสาทเทียม ระบบจำลอง ระบบเสมือนจริง โดยพยายามนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น ลดข้อผิดพลาดและป้องกันไม่ให้นำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องหรือผิดกฎหมาย
เพราะถึงแม้เทคโนโลยีสารสนเทศจะนำวิทยาการก้าวหน้ามากมายมหาศาล
แต่อย่างไรก็ตาม
เทคโนโลยีทุกอย่างจะเปรียบเสมือนเหรียญคือมีสองด้าน
คือทั้งด้านคุณประโยชน์และด้านโทษภัยของเทคโนโลยี
หรืออาจเรียกอีกอย่างว่าด้านบวกด้านลบ
แนวโน้มในด้านบวก
การพัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมโยงกันทั่วโลก ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ช่องทางการดำเนินธุรกิจ เช่น การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์
การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การผ่อนคลายด้วยการดูหนัง ฟังเพลง และบันเทิงต่างๆ เกมออนไลน์
รวมทั้งการพัฒนาให้คอมพิวเตอร์สามารถฟังและตอบเป็นภาษาพูดได้ อ่านตัวอักษรหรือลายมือเขียนได้ การแสดงผลของคอมพิวเตอร์ได้เสมือนจริง เป็นแบบสามมิติ และการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัส เสมือนว่าได้อยู่ในที่นั้นจริง
ยังไปถึงการพัฒนาระบบสารสนเทศ ฐานข้อมูล ฐานความรู้ เพื่อพัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญและการจัดการความรู้
การศึกษาตามอัธยาศัยด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (
e-learning)
การเรียนการสอนด้วยระบบโทรศึกษา (
tele-education)
การค้นคว้าหาความรู้ได้ตลอด
24
ชั่วโมงจากห้องสมุดเสมือน (
virtual library)
และการพัฒนาเครือข่ายโทรคมนาคม ระบบการสื่อสารผ่านเครือข่ายไร้สาย เครือข่ายดาวเทียม ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ทำให้สามารถค้นหาตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ
รวมไปถึงการบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่ โดยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและเครือข่ายการสื่อสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการของภาครัฐที่เรียกว่า รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (
e-government)
รวมทั้งระบบฐานข้อมูลประชาชน หรือ
e-citizen
แนวโน้มในด้านลบ
ด้านแนวโน้มในทางด้านลบอันเกิดจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
เช่น
ความผิดพลาดในการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งส่วนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ที่เกิดขึ้นจากการออกแบบและพัฒนา ทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบและสูญเสียค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหา
การละเมิดลิขสิทธิ์ของทรัพย์สินทางปัญญา การทำสำเนาและลอกเลียนแบบ
รวมไปถึงการก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ การโจรกรรมข้อมูล การล่วงละเมิด การก่อกวนระบบคอมพิวเตอร์
จะเห็นได้ว่าในสังคมสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก คนในสังคมมีการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง คนทุกระดับอายุ เกือบทุกอาชีพ มีความต้องการสารสนเทศอยู่ตลอดเวลาใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม เทคโนโลยีที่มีการพัฒนาและเริ่มนำมาประยุกต์ใช้ไม่ว่าจะเป็น ระบบปัญญาประดิษฐ์ ยูบิควิตัส การเรียนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งการบริหารประเทศก็ยังมีการตั้งโครงการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ พวกเราที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมสารสนเทศจึงควรเตรียมความพร้อมในการปรับตัวเพื่อให้สามารถนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาเป็นเครื่องมือช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาหาความรู้ การประกอบธุรกิจ การบริหารจัดการ การพักผ่อนและบันเทิง รวมทั้งการสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับชีวิตของตนเอง
อ้างอิง
http://dusithost.dusit.ac.th/~
librarianl/it107/C2.htm
http://www.sa
ac.th/elearning/index.htm
เขียนใน
GotoKnow
โดย
พัช
ใน
ครูบางขัน
คำสำคัญ (Tags):
#it
#กับการจัดการเรียนรู้
หมายเลขบันทึก: 57024
เขียนเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2006 21:48 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:14 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
พัช
สมุด
ครูบางขัน
IT กับการพัฒนาคุณ...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท