ลองตอบคำถามKM


KMนำไปใช้พัฒนาคุณภาพได้เพราะสอดคล้องกับวงจรP-D-C-A โดยเฉพาะในขั้นตอนของการCheckหรือของHAใช้คำว่าStudyหรือLearning

               ผมอ่านพบในเว็บบอร์ดของโรงพยาบาลบ้านตาก มีคำถาม 2 คำถามที่ไม่แน่ใจว่าถามใคร แต่ผมก็อดไม่ได้ลองเอามาตอบดู ผู้อ่านท่านใดจะช่วยเฉลยคำตอบเหล่านี้ก็ยินดีครับ

              คำถามที่ 1 : ขอเรียนถามอาจารย์เรื่อง HA - KM ด้วยค่ะ เพราะยังเขียนไม่ค่อยเข้าใจอยากขอความกรุณาอาจารย์ช่วยส่งตัวอย่างการเขียน KM ให้ด้วย ตอนฟังอาจารย์สอนก็เหมือนจะเข้าใจ แต่พอมาทำไม่มั่นใจว่ามันจะถูกหรือไม่ ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ

             คำถามที่ 2 : อาจารย์ค่ะการทบทวนความรู้จาก Explicit Knowledge กับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ Tacit Knowledge ต่างกันอย่างไรเวลานำมาเขียนเป็นหลักการและเหตุผลน่าจะเขียนในรูปแบบใดจึงอ่านแล้วจะทำให้เข้าใจง่ายขึ้น แล้วเวลานำมาบรรยายเข้ากับ KM แล้ว มันสัมพันธ์กันอย่างไร นำไปใช้กับการพัฒนาคุณภาพอย่างไร ขอบคุณค่ะ

คำตอบ

               ผมขอร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ การเขียนKMไม่น่าจะมีรูปแบบที่ตายตัวครับ KMเป็นการปฏิบัติไม่เน้นการเขียน โดยให้ผู้ที่มีผลงานที่ดีมาเล่าให้คนอื่นๆฟังหรือจัดให้หมุนเวียนไปดูงานกันหรือให้แต่ละคนเล่าประสบการณ์ดีๆของแต่ละคน แล้วมีคนกลางคอยช่วยบันทึกสิ่งดีๆที่ได้จากการแลกเปลี่ยน รวมทั้งตัวผู้เข้าร่วมแต่ละคนก็บันทึกเก็บในสิ่งที่ตนเองคิดว่าดีและเหมาะกับที่ตนเองจะนำไปใช้ การเขียนของKMก็น่าจะเกี่ยวข้องกับการบันทึกนี้เพื่อจัดทำเป็นKnowledge assets ซึ่งไม่มีรูปแบบแน่นอนตายตัว แต่ควรประกอบไปด้วยชื่อประเด็นที่แลกเปลี่ยนกันหรือหัวข้อพูดคุย สรุปสิ่งดีๆที่ได้รับ ประโยคบอกลเที่กินใจ ถึงใจสื่อให้เกิดความรุประสบการร์ใหม่หรือที่ดีๆและระบุด้วยว่าได้มาจากใครบ้าง หากสงสัยเราจะได้ตามไปขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ถูกคน

             ในประเด็นคำถามนี้ ผมขอร่วมตอบแสดงความคิดเห็นเช่นกันนะครับ Explicit knowledge เป็นความรุ้ที่ได้มีการรวบรวมกลั่นกรองแล้วบันทึกไว้ในรูปแบบที่ดูง่าย อ่านง่าย ทบทวนง่ายเช่นตำราหรือซีดี ส่วนTacit knowledge นั้นเป็นความรุ้ที่ฝังอยุ่ในตัวคนและคนใช้ความรุ้เหล่านี้ในการทำงานเป็นส่วนใหญ่เช่นทักษะ ประสบการณ์ พรสวรรค์ สามัญสำนึก 
            การแลกเปลี่ยนทบทวนExplicitทำได้ง่าย ที่เราเรียกว่าReview ilteratureหรือทบทวนวรรณกรรม ซึ่งทำได้ง่าย แต่เป็นความรุ้ที่ตายแล้ว จารึกไว้อย่างไรก็เป็นอย่างนั้น เมื่อไรก็ตามที่เราเอาความรู้ ทักษะ ประสบการร์เขียนลงบนกระดาษมันจะกลายสภาพจากTacitเป็นExplicitทันที 
            การแลกเปลี่ยนเรียนรุ้ทำได้ทั้งExplicit&Tacit ถ้าเป็นExplicit ก็เป็นการเอาเนื้อหาตามตำราหรือหนังสือมาถ่ายทอด เล่าสุ่กันฟัง นำเสนอให้กันและกัน แต่จะไม่ใช่การแลกเปลี่ยนเรียนรุ้ที่แท้จริงนักเพราะอาจจะยังไม่ผ่านการทดลองปฏิบัติจริง ส่วนTacitนั้นเป็นความรุ้ที่ใช้ทำงานจริง แต่จะถอดออกมายาก ต้องใช้เครื่องมือทางKMในการกระตุ้นให้แลกเปลี่ยนออกมา 
            KMนำไปใช้พัฒนาคุณภาพได้เพราะสอดคล้องกับวงจรP-D-C-A โดยเฉพาะในขั้นตอนของการCheckหรือของHAใช้คำว่าStudyหรือLearning ก็คือคนที่ทำเรื่องนั้นๆมาเจอกัน พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ทบทวนผลจากการปฏิบัติตามความรู้ฝังลึกว่าเป็นอย่างไร
            ผมอ่านคำถามแล้วก็งงๆอยุ่บ้าง ตีโจทย์คำถามไม่ออก แต่แสดงความคิดเห็นผ่านทางKey wordsที่ปรากฎในคำถามครับ

คำสำคัญ (Tags): #kmกับคุณภาพ
หมายเลขบันทึก: 56938เขียนเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2006 13:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม 2012 15:04 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
     เท่าที่ผมอ่านนะครับ คำถามทั้งสองข้อเป็นคำถามเชิงทฤษฎี ซึ่งแม้จะตอบอย่างไร ก็ไม่ทำให้ผู้ถามเข้าใจอย่างถ่องแท้ได้ อย่างดีที่สุดก็คือ ฟังดูเหมือนจะเข้าใจ แล้วหมดคำถาม แต่ไม่ทำให้เข้าถึงคำว่า KM จริงหรอกครับ
     เหมือนกับการที่เราอธิบายว่า คุณจะหัดขี่จักรยานนะ ต้องเริ่มต้นอย่างนี้นะ เริ่มจากเอามือจับ hand ทั้งสอง แล้วใช้เท้าปลด stand อยู่ในท่าเตรียมพร้อม วางเท้าไว้ที่คันถีบ ในตำแหน่งประมาณ 9-10 นาฬิกา .......แม้จะอธิบายอย่างไร ก็ไม่ทำให้ผู้ถามเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ได้ว่าการขี่จักรยานให้เป็นต้องทำอย่างไร
     คำถามนี้ถูกวนเป็นวงกลม เพราะฉะนั้นคุณจะเริ่มจากจุดไหนก่อนก็ได้ เริ่มต้นง่ายๆกับงานที่คุณทำอยู่ มีปัญหาอะไรบ้างไหม คุณคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อแก้ปัญหานั้น แล้วเริ่มต้นทำ....เมื่อคุณทำการแก้ไขปัญหา กระบวนการในการแก้ไขปัญหานั้นแหละครับ จะผ่านกระบวนการทำ KM เอง มีหลากหลาย สารพัดวิธีให้เลือกใช้ เมื่อคุณเริ่มต้น....สิ่งที่คุณทำจะเป็นการตอบคำถามเหล่านี้ด้วยตัวคุณเอง....แล้วคุณจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ ว่า การขี่จักรยานให้เป็นต้องทำอย่างไร โดยไม่ต้องมีคนมานั่งอธิบายภาคทฤษฎีให้ฟังอีกเลย...
     สำหรับผู้บริหารเมื่อกระตุ้นให้ผู้ใต้บังคับบัญชา สนใจในการแก้ไขปัญหาหน้างานของตัวเอง แล้ว ก็ไปดักรอในการแนะนำเครื่องมือต่างๆของ KM ในการนำไปใช้จริง ไม่ว่าจะเป็น AAR, peer assist, AI, Dialog, etc ถึงตอนนั้น การแนะนำเครื่องมืออะไรลงไป ย่อมมีผลในการนำไปใช้จริง ซึ่งน่าจะดีกว่าการว่าด้วยเรื่องของทฤษฎีให้เข้าใจก่อน ถ้าไม่มีคำถามแล้วค่อยไปปฏิบัติ
     ถ้าผู้ถามอยากรู้ว่า KM ทำอย่างไร ก็ให้ Learning by doing ครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท