กาแฟกับโรคเบาหวาน


อ่านเรื่อง กาแฟสักถ้วย ดีไหม ในบล็อก Health2You.gotoknow.org ของ ท่านอาจารย์หมอวัลลภ แล้วต้องรีบนำมาเขียนไว้ในบล็อก Dad.gotoknow.org ค่ะ เพราะเป็นความรู้ใหม่สำหรับดิฉันค่ะ คือ การดื่มกาแฟช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานประเภทที่ 2 ค่ะ

พ่อเป็นเบาหวานมานานแล้วค่ะ ประมาณ 30 ปีค่ะ และพ่อก็เป็นคนดื่มกาแฟมาโดยตลอด แต่หลังจากที่พ่อมาล้มป่วยเป็นอัมพฤกษ์จากโรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันสูง และ โรคเบาหวาน คุณหมอก็ให้หยุดดื่มกาแฟ

แต่พ่อเลิกยากกาแฟได้ยากมากค่ะ แต่สามารถเลิกบุหรี่ได้ทันทีค่ะแม้จะสูบมาตลอดตั้งแต่วัยหนุ่มก็ตาม (บุหรี่ทำให้เลือดเหนียวเหนือดค่ะ ไม่ดีต่อคนที่เป็นโรคหลอดเลือดสมอง)

ดิฉันจึงซื้อกาแฟแบบไม่มีกาเฟอีนให้พ่อดื่มแทนกาแฟปกติ และไม่ใส่น้ำตาล ค่ะ แม้จะไม่สามารถช่วยป้องกันเบาหวานให้พ่อได้ เพราะเป็นอยู่แล้ว ดิฉันก็รู้สึกอุ่นใจที่ได้รับความรู้ใหม่นี้ค่ะ เพราะเบาหวานเป็นพันธุกรรมค่ะ ดิฉันจะได้รู้ว่า ดิฉันและลูกๆหลานๆ ควรปฏิบัติตนอย่างไรเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานค่ะ

ปล. ขอบคุณอาจารย์หมอวัลลภมากๆ เหมือนเช่นเคยค่ะ :)

หมายเลขบันทึก: 56932เขียนเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2006 12:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 15:48 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (27)

ขอขอบคุณอาจารย์จันทวรรณ...

  • การศึกษาเรื่องกาแฟกับเบาหวานยังเป็นการศึกษาแรกเริ่ม (คล้ายๆ กับเป็นเด็กทารก) > คาดว่า คงจะต้องรอผลการศึกษาเพิ่มเติม (เพื่อสนับสนุน หรือคัดค้าน) ในระยะยาวต่อไป (ประมาณ 5-10 ปี)

อย่างไรก็ตาม... คนเราน่าจะมีความสุขในชีวิตบ้าง (ถ้าได้มาโดยชอบธรรม เช่น ไม่ได้คดโกงมา ฯลฯ) >

  • เช่น ชอบกาแฟ + มีข้อห้ามกาเฟอีน > กาแฟสกัดกาเฟอีนออกน่าจะเป็นทางเลือก
  • ประมาณ 50-60 ปีก่อนหมอมักจะห้ามคนเป็นโรคความดันเลือดสูงกินเค็มเด็ดขาด > ยุคนั้นฝรั่งฆ่าตัวตายไปหลายคน เข้าใจว่า ทนกินอาหารจืดๆ แบบสุดโต่ง (extreme) ไม่ไหว
  • ตอนหลังเลยลดความตึงลง เปลี่ยนเป็น "เค็มน้อยๆ หน่อย" > อย่างนี้คนไข้ทนไหว...

เรื่องนี้ทำให้คิดถึงหนัง TV เรื่องกังฟู... อาจารย์ท่านสอนลูกศิษย์เสมอว่า "หลีกเลี่ยง... อย่าต้านทาน"

  • ชีวิตที่ปรับตัวได้ ยืดหยุ่นได้ มีส่วนช่วยให้ชีวิตยืนยาว หรือมีความสุขมากกว่าชีวิตที่ตึงเปรี๊ยะ... 
  • ขอขอบคุณครับ

ขอบคุณอาจารย์หมอวัลลภมากค่ะ

ดิฉันจะเข้าไปอ่านแหล่งอ้างอิงที่อาจารย์ไว้ในบันทึกเป็นประจำ ทำให้เข้าใจเรื่องของข่าวสารทางการแพทย์มากยิ่งขึ้นค่ะ

อ่านไปอ่านมาก็มักจะเจอ study ใหม่ๆ ที่พยายามค้นหาความสัมพันธ์ของโรคนั้น link กับปัจจัยตัวนี้หรืออาหารชนิดนี้ เป็นต้นค่ะ สนุกดีค่ะและได้ความรู้ดีค่ะ :)

เท่าที่ทราบมาคร่าวๆ การวิจัยกาแฟกับเบาหวานนั้น

เป็นกาแฟแบบเพียวๆ ไม่ใส่น้ำตาลนะครับ

เดี๋ยวจะเข้าใจไปว่าเป็นกาแฟทั่วๆไปที่ใส่น้ำตาลครับครับ

หากผมเข้าใจผิด ช่วยทักท้วงด้วยครับ

 

ขอบคุณมากค่ะ ดิฉันลืมเขียนลงไปในบันทึกนี้เช่นกันค่ะ ว่าต้องเป็นกาแฟไม่ใส่น้ำตาลค่ะ

สวัสดีค่ะ  พอดีเข้ามาตรวจงาน นศ. เห็นเรื่องนี้เข้าพอดี เลยอยากแลกเปลี่ยนด้วย เพราะคุณแม่ของดิฉันก็เป็นเบาหวานเช่นกัน แต่ท่านโชคไม่ดีเท่าไหร่เพราะเกิดอาการไตวายด้วย เลยจากไปเมื่อท่านอายุเพียง 72 ปี ซึ่งถ้ายังอยู่ถึงวันนี้ก็จะเป็นหญิงชราอายุ 82 ที่เปรี้ยวจี๊ดตามสไตล์ของท่าน ที่เขียนมาคุยเพราะมีเพื่อนที่เป็นเบาหวานคุยให้ฟังเมื่อเดือนก่อนว่าดื่มน้ำต้มจากเห็ดอะไรก็ได้ 3 ชนิดๆละ 1 กำมือ กับใบมะยม 3 ก้าน ต้มทั้งใบและก้านกับน้ำ 1 ลิตร พอต้มเสร็จก็นำเห็ดไปปรุงอาหารอย่างอื่น ทิ้งใบมะยมและดื่มน้ำต้มดังกล่าวแทนน้ำ  ต้มสำหรับดื่มทุกวันไปเรื่อย ๆ จนถึงวันนัดตรวจเลือด ปรากฏว่าได้ผลดีค่ะ น้ำตาลในเลือดลดลง และขณะนี้ก็ไม่ต้องกินยาที่หมอเคยสั่งแล้ว  ส่วนอาหารอื่นๆ ก็คอยระวังตามปกติ  ดิฉันเห็นว่าส่วนผสมไม่มีอันตรายใดๆ ก็เลยเล่ามาเผื่อเป็นประโยชน์ค่ะ 

อ่านเรื่องกาแฟกับโรคเบาหวานของดร.จันทวรรณและวิธีรักษาโรคเบาหวานของคุณรสสุคนธ์แล้วดีใจจังเพราะคุณแม่ของดิฉันก็เป็นเบาหวาน คุณแม่ทางสามี(แต่เสียชีวิตแล้ว)ก็เป็นเบาหวานทำให้เราทราบวิธีรักษาและป้องกันตัวเองและครอบครัวเพราะโรคเบาหวานเป็นโรคพันธุกรรม ขอขอบคุณ ดร.จันทวรรณ และคุณรสสุคนธ์มากคะ

              สวัสดีครับ ดร.จัทวรรณ ผมมีการรักษาแนวใหม่ที่ว่าด้วยการบำบัดโดยใช้สารอาหารแต่ผมไม่ทราบว่าจะลงได้หรือไม่ คิดซ่ะว่าผมเล่าให้ฟังล่ะกันน่ะครับ 

          ตัวของภลิตภัณฑ์ตรงนี้คนที่ผลิตนั้นเป็นกลุ่มนักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์และ นักโภชนาการ ของมหาวิยาลัย UCLA มี อย. มากถึง 62 ประเทศทั่วโลก  มี อย.ในประเทศไทยในรูปแบบของอาหารเสริม    มีคนที่เข้ารับการบำบัดโดยวิธีนี้ได้ผลหลายคน    

         แล้วมันช่วยแก้ปัญหาเบาหวานอย่างไร ?

          เบาหวานเป็นเพราะร่างกายของเราไม่สามารถนำน้ำตาลมาเผาผลาญได้หมด จากที่เราทานอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล แล้วการบำบัดจะช่วยตรงที่  นำน้าตาลส่วนเกินมาเผาผลาญ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยฟื้นฟูระบบต่างๆให้กลับมาทำงานให้หีที่สุดเท่าที่ระบบเซลล์ของร่างกายที่ฟื้นฟูได้

          อาหารระดับเซลล์จะช่วยเติมสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตประจำวันที่ร่างกายเราต้องการ โดยที่สารอาหาร 5 หมู่ ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าร่างกายของเรานั้นต้องการ  แต่ไม่มีใครรู้ว่าถ้าได้ไม่ครบจะทำให้เกิดปัญหาระยะยาวได้   ซึ่งแน่นอนว่าบางคนบอกว่าวันนี้ไม่ต้องกินถึง 5 หมู่ก็ไม่เป็นไรหรอก แล้วมองดูรอบตัวซิครับ เบาหวาน ความดัน โลหิตจาง โคเรสเตอรอล ปวดข้อปวดเข่า โรคเหล่านี้มาจากเชื้อโรคเหรอครับ

         ถ้าสิ่งที่ผมเล่ามานั้นเป็นสิ่งที่ไม่สมควรผมก็ขออภัยนั่นเป็นเพราะผมก็อยากให้คนไทยทุกคนมีสุขภาพที่ดีขึ้น ถ้าไม่คิดว่าเพื่อตัวเองก็คิดซ่ะว่าเพื่อลูกเพื่อหลานเถิดครับ........

        การไม่มีโรคคือลาภอันประเสริฐ

ขอบคุณสำหรับความรู้ที่นำเข้ามาต่อยอดในบันทึกนี้นะค่ะ เป็นประโยชน์สำหรับคุณพ่อมากค่ะ และหวังว่าคงเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านด้วยนะค่ะ

ผมไม่ใช่หมอหรือเรียนเกี่ยวหมอเลย  แต่ผมชอบที่จะศึกาษษเพื่อช่วยคนอื่นคับ  ปัจจุบันมีคนเปนโรคเบาหวานมากเลย คุณหมอรู้ไมฉะเพราะในซอยที่ผมอยุ่อะคับก็ไม่ตำกว่า10คนได้ เพราะพฤติกรรมการทานอาหารในแต่ละวันของเค้านั่นเอง บางคนก็อายุมากพูดอยากมากไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการกินอะ ก้อเลยแย่  หมอก็ต้องบอกว่าคุณต้องควบคุมอาหารนะประมาณนั้นใช่ไมคับ คนที่อายุมากๆๆอะอยากคับ   แต่ที่ผมรุ้คือถ้าคนที่เปนโรคเบาหวานขึ้นตาอะทาน  บอละเพ็ด  ช่วยได้คับ  แต่ถ้าลงเท้าดื่มน้ำทองพันชัง แก้วเดียวรุ้ผลเลยคับ  อาจารย์ผมหายเลย  ต้อนนี้ผมสรุปได้ว่าคนเราขึ้นอยุ่กับสาม อ คับ

1.อากาศ

2.อาหาร

3.อารมณ์

คุณหมอคิดเหมือนกับผมไม

ขอบคุณครับที่เอาสิ่งดีๆๆมาบอกกัน

ขอแนะนำหนังสือชื่อ" เมื่อคุณหมอไม่รู้จักอาหารเสริมรักษาโรค .....ความตายอาจครอบงำคุณ" เขียนโดยคุณหมอสแตรนท์ จาก U.S.A ขายที่ร้านซีเอ็ดครับ อาจจะช่วยคุณพ่อของดร.จันทวรรณ และคนอื่นๆ ที่เจ็บป่วยจากโรคเรื้อรังต่างๆได้ แถมคุณหมอสแตรนท์ ยังมีอีเมล์ให้คำปรึกษาอีกด้วยครับ

คืออยากขอรบกวนถามว่าโรคเบาหวานสามารถทำไห้เกิดภาวะสมองขาดเลือดได้หรือเปล่าคะ แล้วมันเกี่ยวข้องกันอบ่างไงคะ

 สำหรับเบาหวาน การรักษาโดยยาเป็นเพียงส่วนหนึ่งต้องเริ่มที่พฤติกรรมการบริโภค ที่เรียกว่า "อ่อนหวาน"โดยเฉพาะผู้มีความเสี่ยงพันธุ์กรรม  หรือตับอ่อนทำงานผิดปกติ    ลดน้ำตาล แป้ง(เปลี่ยนเป็นน้ำตาลกลูโคส ประมาณ 4 เท่า ) ไขมัน(เปลี่ยนเป็นกลูโคส ประมาณ 9 เท่า)   เน้นผักสีเขียว เนื้อไม่มีมัน ปลา  ของหวานกินได้เล็กน้อยแต่ต้องลดอาหารอื่นทดแทน (เพื่อให้น้ำตาลเท่าเดิมไม่เพิ่ม)

ออกกำลังกาย  รับประทานยาสม่ำเสมอ(ยาแพทย์)ฟังผลเลือด ระวังอย่าควบคุมอาหารเฉพาะวันไปตรวจ เพราะ แม้นน้ำตาลจะลด  แต่ HbA1C ก็จะฟ้องหมอเองว่าเราคุมเฉพาะช่วงนี้ เอาใจหมอ

ผู้มีอายุ 40ปี และผู้มีพันธุ์กรรมเสี่ยง ต้องตรวจหาทุกๆปี เพื่อระวังแต่เริ่มแรก  คุมอาหารได้ยาบางครั้งอาจไม่จำเป็น โดยเฉพาะเมื่อเริ่มเป็น

สำหรับสมุนไพรผมว่าควรปรึกษาแพทย์ก่อนก็ดี ปกติก็สามารถรับประทานได้ แต่บางครั้งเป็นยาสมุนไพรที่

ผสมสารบางอย่างลงไปทำให้ตับอ่อนแย่กว่าเดิม  ที่สำคัญขาดยา อาการเลยกำเริบ  อาจถึงแก่ชีวิตครับ

ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานเพราะขณะนี้สามีของดิฉันกำลังเป็นโรคนี้อยู่ค่ะเป็นมาประมาณ 4 ปีแล้ว แต่คุณหมอยังไม่ให้ทานยาท่านบอกว่ายังสามารถควบคุมน้ำตาลได้อยู่ ทั้งนี้เพราะสามีของดิฉันจะควบคุม  ระมัดระวังเรื่องการรับประทานอาหาร จะทานแค่มื้อละ 1 จานและอาหารใส่ส่น้ำตาลเพียงเล็กน้อย  ทานผักมากๆ โดยเฉพาะผักที่มีรสขม เช่นมะระทุกประเภท มะเขือที่มีรสขม ขี้เหล็ก และต้มใบชะพลู(ทั้งต้น ใบ ราก ล้างน้ำให้สะอาด ตากให้แห้ง แล้วนำมาต้ม ดื่มแทนน้ำมื้อละ 1 แก้ว ก่อนอาหาร) เป็นยาสมุนไพรที่เขาบอกต่อ ๆกันมา แต่สามีดิฉันไม่ดื่มกาแฟค่ะ

แม่ของดิฉันเพิ่งตรวจพบว่าเป็นเบาหวานตอนอาทิตย์ที่แล้วนี้เอง  ดิฉันสงสารแม่มากเพราะตอนนั้นดิฉันไม่มีความรู้เกี่ยวกับเบาหวานเลย  ไม่เคยรู้และไม่เคยให้ความสนใจกับมันเลย  เพราะไม่คิดว่ามันจะใคร่ตัวขนาดนี้  และญาติพี่น้องก็ไม่เคยมีใครเป็นด้วย  เลยไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ตอนแรกไม่รู้ว่าจะบอกหรือคุยกับคุณแม่ยังไงเพราะคิดว่ามันคงไม่ร้ายแรง   เลยบอกกับคุณแม่ว่าไม่เป็นไรหรอก    สบายใจได้   แต่ไม่ได้ทำให้คุณแม่ดีขึ้นมาเลย  ประกอบกับคุณแม่เห็นคนแถวบ้านเป็นแล้วโดนตัดนิ้วเท้าไปแล้วคุณแม่ก็เลยเกิดอาการกลัวพอดิฉันหันไปเห็นคุณแม่  ดิฉันก็สงสารและเป็นห่วงสภาพจิตใจท่านมาก ดิฉันก็เลยไปซื้อหนังสือมาอ่านและหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเบาหวาน    ดิฉันก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่โรคธรรมดาเสียแล้ว  มันจะอยู่กับแม่ของดิฉันตลอดชีวิต   แต่ดิฉันก็ทำได้แค่โทรคุยกับแม่ว่าเราควรทำอย่างไร  เล่าให้ฟังถึงสาเหตุของโรค และวิธีการดูแลตัวเองว่าคุณแม่ควรทำอย่างไรบ้าง    เพราะดิฉันกับแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แม่ของดิฉันอยู่ต่างจังหวัด  ดิฉันเป็นห่วงท่านมาก ก็เลยต้องคุยกันทุกวันมากกว่าปกติ   แต่โชคดีอย่างหนึ่งที่แม่ของดิฉันไม่ท้อ  และเข้าใจ  พร้อมใจที่จะปฏิบัติตามที่หมอสั่ง  ดิฉันขอบคุณข้อมูลของทุกท่านมาก  ข้อมูลเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อดิฉันและแม่มากๆค่ะ

ผมตรวจพบเบาหวานตรวจพบเมื่อ  7 ปีที่ผ่านมา เป็นเบาหวานที่นำพาโรคอื่นมาพร้อมกันเลย

ขณะเดียวกันนั้นผมเป็นโรคความดันโลหิตสูง ไขมัน ในเลือดสูง เส้นเลือดหัวใจตีบสี่เส้น ผมได้รับการ ผ่าตัดทันทีเพราะอาการหัวใจวาย บายพาสเส้นเลือด ที่หัวใจ

หลังจากนั้นได้ทำการรักษาเบาหวานโดยต่อเนื่อง จากการทานยาเบาหวาน จนกระเพิ่มยาเบาหวาน จนยาไม่สามารถลดน้ำตาลในเลือดได้ จึงได้เริ่มฉีด อินซูลินเมื่อสองปีที่ผ่านมา ปัจจุบันการใช้ อินซูลิน อยู่ที่ 25 ยูนิต เช้า/เย็น  ก็พอคุมน้ำตาลในเลือดได้ใน ระดับหนึ่งแต่ไม่ถึงกับดีพอ  แต่ก็ไม่อยากเพิ่มเพราะ  ผมเคยเกิดอาการภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำบ่อยๆ

ผมเริ่มแย่ลงมีอาการกระดูกกดทับเส้นประสาทสองแห่ง คือบริเวณต้นคอ และที่ก้นกบ (การปวดสำหรับผม คืออาการธรรมดาเพราะผมปวดไปทั้งร่างกาย บางครั้งโยงมาถึงกล้ามเนื้อ หลายส่วนที่เส้นเลือด ไม่สามารถเข้าไปเลี้ยงถึง) กระดูกงอกที่เส้นเท้า อีกหนึ่งที่ และมีอาการ ของต่อมลูกหมากโต ค่าพีเอสเอ เริ่มสูงขึ้น

ไตเริ่มทำงานแย่ลง มีการรั่วของ โปรตีน และปัสวะ บางครั้งมีสีคล้ายน้ำล้างเนื้อ เพราะคาดว่าจากการ ที่ผมเป็นบุคคลรวมโรค จึงต้องทานยาเยอะมาก มันจึงเกิดปัญหาขึ้นที่ไต

ที่กล่าวมานี้ต้องการให้ทุกท่านที่อ่านพบ อย่าเพิกเฉย ต่อสุขภาพของตัวเองหมั่นไปตรวจโรค ตามระยะเวลา หรืออย่างน้อยก็ปีละครั้ง โดยเฉพาะ บุคคลที่มีบุพการี เป็นโรคเบาหวาน และตัวเองขาดความสนใจในเรื่องนี้

ผมดูแลตัวเอง เจาะตรวจเลือด วัดความดัน  ฉีดยา ขับรถไปพบแพทย์ตามนัด ปัจจุผมยังแข็งแรง สนุกสนานรื่นเริง ไม่เคร่ง เครียด กับสถานการณ์ของ โรคที่เป็น และก็เสาะแสวงหาทางรักษาตัวเอง เพื่อชะลอการล้างไตให้ช้าที่สุด (แต่ก็เป็นเรื่องแปลกเพื่อนๆที่ไปเยี่ยมผมตอนป่วยกลับ ต้องมีอันจากไปก่อนผมก็หลายคน จึงขอให้ผู้ป่วยเช่น ผมอย่าคิดอะไรมากทำใจให้สบาย  มีกำลังใจต่อสู้ กับชีวิตต่อไป ผมเป็นคนหนึ่งที่เป็นกำลังใจให้ครับ)

และอยากจะฝากถึงบรรดาคุณหมอผู้น่ารัก ช่วยหา วิธีลดยาให้คนไข้แบบผมบ้างนะครับ

รบกวนนิดนะค่ะพอดีว่าพ่อป่วยเป็นโรคเบาหวานแต่ว่าท่านติดกาแฟมาก บางทีเราก็ห่วงสุขภาพไม่อยากให้ดื่ม แต่พ่อก็จะแอบดื่มกาแฟตลอด รู้สึกเป็นห่วงพ่อก็เลยอยากขอความช่วยเหลือว่าใครรู้จักกาแฟที่คนป่วยเป็นเบาหวานสามารถดื่มได้และไม่เป็นอันตรายบ้างค่ะช่วยเมลล์มาบอกด้วยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ

พ่อ ผมเคยกินน้ำใบมะยมต้ม มันช่วยลดน้ำตาลได้ดี แต่เผอิญ กินทั้งยาที่หมอ รพ. ให้มาด้วย ก็เลย ให้ผลที่ดีเกินคาด (ผลร้ายนะครับ) คือ พ่อเกิดอาการกล้ามเนื้อเกร็งที่ปากที่ มือ ไปหาหมอ หมอบอกว่าเลือดขาดน้ำตาลครับ เลยต้องเลิกกิน น้ำต้มใบมะยม

เสียดายไม่ได้เป็นเจ้าของบันทึก จะได้ช่วยตอบคำถาม ที่พอจะรู้บ้าง

ความจริง จ่องเลือกทานใบมะยม ต้ม หรือ สด

สดคงมีข้อดีกว่า และ ประวัติศาสตร์ บรรพบุรุษไทย ทุกภาคกินสด เป็นกันทั้งนั้น

สด ได้กลืนใบไปด้วย สดได้วิตามินซี แต่ลดก็อาจจะยุ่งยาก หากเลือกใบเพสลาดไม่เป็น

ความจริง ข้อดีของใบมะยม มีมากกว่า ที่ รู้และบอกต่อ

ดร.ฉวีวรรณ จั่นสกุล ที่ คณะวิทยาศาสตร์ วิจัยศึกษา และ เผยแพร่ผลงานหลายครั้งหลายคราวไปแล้ว เป็นผู้ที่รู้อย่างลึกซึ้ง รู้จริง

ผมคิดว่า เกิดเมืองไทย ไม่รู้จักกินใบมะยมสด คงเสียเหลี่ยม เสียท่าฝรั่ง คล้ายกับว่า สิ่งที่บรรพบุรุษเรา ใช้ กิน และ สอนสั่ง ให้ปลูกนั้น มีรหัสลับทางภูมิปัญญา คือ มีเหตุมีผล มีแฝงในความเชื่อ และวัฒนธรรม ของการปลูกไว้ข้างบ้าน หน้าบ้าน

จะได้มีกินได้เรื่อยๆ ไม่ต้องไปปีนหลังเขา เพื่อเก็บเอามาทาน

ผม สังเกตุ และฟังผู้รู้มามาก จน คิดว่า ใบมะยม ดีกว่า ยาลดความดัน และ ยาลดน้ำตาล ทั่วๆไป ใยไม่ลองศึกษา สังเกต กับ ตัวเอง รู้ด้วยตัวเอง

รู้ข้อจำกัด ของ ใบมะยมด้วยตัวเอง เช่น กินใบมะยม แต่ไม่คุมปาก ก็คงไม่ได้ผลอะไรนัก แต่หากคุมอาหาร พร้อมทานใบมะยม เพสลาด พอประมาณ ก็จะ ช่วยชาติ ลดค่ายาให้ฝรั่ง และ สร้างชาติ ด้วย มรดกความรู้ ต่อให้ลูกหลาน

มีผู้ใช้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับขึ้เหล็กลดความดันค่ะ http://gotoknow.org/blog/alt-medicine/253748

มีคนแถวบ้านใช้ใบมะรุมตากแห้งแล้วบดใส่แคปซูลกินค่ะ เขาว่าน้ำตาลเขาลดลง แต่ก็ไม่ขาดยาที่กินประจำเลยนะคะ

มีผักพื้นบ้านอีกอย่างที่ช่วยแก้โรคเบาหวานทำให้นำตาลลดลงได้ โดยการนำหัวปลีกล้วย 1 หัว ผ่าครึ่งเป็น 2 ส่วน นำไปต้มใส่นำพอประมาณ ต้มจนให้นำเป็นสีนำตาล นำนำที่ต้มได้มาดื่มกินแทนนำทุกวัน กินประมาณ 1-2 อาทิตย์ ช่วยให้นำตาลลดลงจริงเพราะได้ทำมาแล้วเป็นประสบการณ์จริงที่ตอนนี้ทำกินทุกวันเลย

ทำไงดีครับ ตอนนี้ผมก็กลัวแม่ผมเป็นมากเลย ไปหาหมอ หมอก็บอกว่ามีโอกาสเป็น

ทำไงดีครับ * แม่ผมชอบกน หวาน กินของมันๆ ไม่ชอบกินผลไม้เลยครับ

ขอแจมด้วยคนครับ

คุณแม่ผมอายุ76แล้ว เป็นเบาหวาน ทานยาเป็นกำ หลายปี สุขภาพแย่หน่อย ตอนนี้ตามัวลง มีวิธีแก้ไหมครับ ใครรู้ช่วยบอกด้วยครับบบบบบบ

มีวิธีบำบัดโรคเบาหวานมาฝาก 2 วิธี ครับ.
1.บำบัดโดยเอนไซม์จากเห็ดทางการแพทย์ 7 สายพันธุ์ และ จุลินทรีย์ 5 ชนิด
สามารถช่วยบำบัดผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานได้ครับ
2.บำบัดโดยการรักษาด้วย Stem Cell ซึ่งปัจจุบันนี้ให้ผลตอบรับที่ดีมากครับ
สนใจหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม
ติดต่อ 083-6012716

ลองกินกาแฟลิลลี่ดูสิคะเราเป็นเบาหวานเหมือนกันและก็กำลังกินอยู่ยี่ห้อนี้เค้ามีส่วนผสมดีๆเยอะแยะเลยค่ะ มีแปะก๊วย ส้มแขก คอลลาเจน ใยอาหาร โสมสกัด แอล-คาร์นิทีน โคเอนไซม์ คิวเทน โครเมียม ซูคราโลส ครีมเทียมจากถั่วเหลือง (แถมเกร็ดความรู้เล็กน้อย) ซูคราโลสเป็นสารให้ความหวานที่ไม่ให้ พลังงาน ซึ่งถูกสร้างจากการใช้น้ำตาลซูโครสเป็นสารตั้งต้น แล้วแทนที่กลุ่มไฮดรอกซิล 3 ตำแหน่งด้วยอะตอมสารคลอไรด์ ทำให้มีสูตรโครงสร้างคล้ายกับน้ำตาล แต่ร่างกายไม่สามารถย่อยได้ แต่ยังคงให้รสชาติหวานและไม่มีรสขมติดลิ้นใกล้เคียงน้ำตาล ซูคราโลสมีลักษณะเป็นผลึกแข็งสีขาวร่วน ละลายน้ำได้ดีและสามารถใช้ปรุงอาหารร้อนบนเตาได้โดยไม่สูญเสียความหวาน

ประโยชน์ของซูคราโลส

1.) ไม่ทำให้ฟันผุ

2.) ละลายน้ำได้ดี ไม่เป็นตะกอน

3.) ไม่มีน้ำตาล เหมาะสำหรับผู้ต้องการหลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำตาลและผู้ป่วยโรคเบาหวาน

4.) ไม่มีข้อห้ามสำหรับผู้ป่วยหรือมีภาวะฟีนิลคีโตนูเรีย

5.) หวานกว่าน้ำตาลประมาณ 8 เท่า เป็นผลึกละเอียด ร่วน สีขาว ละลายน้ำได้ดี ทั้งในอาหารร้อนและเย็น

6.) คาร์โบไฮเดรตต่ำ (extreamly low-carb) เหมาะสำหรับผู้บริโภคตามแนวทางพร่องแป้ง

7.) ใช้ปรุงอาหารร้อนๆบนเตาได้จริง โดยรสชาติไม่เปลี่ยนและไม่เป็นอันตราย ไม่ว่า ต้ม ผัด นึ่ง ทอด อบ อุ่นอาหารซ้ำ ฯลฯ

8.) หวานอร่อย ไม่ขม แตกต่างกว่าสารให้ความหวานแทนน้ำตาลตัวเดิมๆที่คุณเคยใช้

หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท