" แมวมาหา หมามาสู่ " โบราณเขาบอกว่า จะมีความโชคดีมาเยือนบ้าน
แต่สมัยนี้ ยุคเศรษฐกิจพอเพียง กับการเลี้ยงดูสิ่งมีชีวิตไว้ในบ้าน โดยเฉพาะที่บ้านครูอ้อยเป็นแฟลต ซึ่งมีระเบียบห้ามเลี้ยงสัตว์เลี้ยงไว้ในอาคาร แล้วเจ้าตัวน้อยนี้ก็ยังเล็ก จะห้ามมันว่า " อย่าร้องเสียงดัง " ก็ไม่ได้
เมื่อเช้านี้ ครูอ้อยมาถึงโรงเรียน ไก่ยังไม่โห่ ดับเครื่อง ลงจากรถ เดินมา ได้ยินเสียง " อิ๋ง อิ๋ง อึ้ด อึ้ด" นั่นเป็นเสียงลูกหมานี่
ที่สนามตรงลู่วิ่ง ครูอ้อยเห็นแบบเลือนลาง เพราะปิดไฟแล้ว ครูอ้อยเดินไปหาเธอ อยากทักทายเธอ แต่ด้วยเธอยังเล็ก และคงกลัวครูอ้อยซึ่งเดี๋ยวนี้เป็น Giant woman แล้ว เธอเลยวิ่งหนีไป
ครูอ้อยไหวทัน เลยหยิบกล้องออกจากกระเป๋าถือ คลิก คลิก แบบไม่เห็นตัวเธอ ได้ภาพมาแค่นี้
พอรุ่งสางครูอ้อยจะมาดูเธออีกครั้ง เพราะวันนี้เป็นเวรครูอ้อยดูแลสนาม ไม่ให้หายไปไหน และความปลอดภัยของนักเรียนเวลาเล่นที่สนาม
แมวมาหา หมามาสู่ ครูอ้อยเคยได้ยินมามากเลยว่า เมื่อมีสัตว์เลี้ยงมาหา มาขอความเมตตา จงให้ความเมตตา เท่าที่จะช่วยเหลือเธอได้ ครุอ้อยเคยอยู่บ้านพักทางราชการมาตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งห้ามเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยง สงสารแค่ไหน ก็เลี้ยงเธอไม่ได้ แอบเอาข้าวมาให้เธอกิน จนเทศบาลมาจับเธอไป เรียกหาเธอ เอาข้าวมาให้เธอ เธอถูกจับไปแล้ว ร้องไห้ไปหลายวัน
แล้วจะทำอย่างไรนี่ พอเดินขึ้นมาบนอาคาร ครูอ้อยเห็นหัวหน้าคนงาน เดินตรงไปหาทันที " ยูร ครูอ้อยเห็นหมาตัวหนึ่ง เป็นลูกหมานะ ร้องอิ๋งอิ๋ง ตรงซุ้มพระ ว่างๆลงไปดูเธอและเอาไปไว้ที่อื่นเถิด สงสารนะ"
ที่ครูอ้อยพูดอย่างนี้ เพราะไม่อยากได้ยิน หรือได้ฟัง หรือเห็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น แค่เป็นสัตว์ จะสู้อะไรคนได้ จึง " เข่นฆ่าให้อาสัญ" ก็ไม่รู้ว่า ไปทำให้โกรธแค้นแค่ไหน บาปกรรมตกกับคนสั่งก็แล้วกัน
แอบสงสาร เธอ...แมวมาหา หมามาสู่ คำโบราณ ใช้ที่นี่ไม่ได้ผลเสียแล้ว.....
ฉันเลือกเกิดได้ ..ฉันไม่อยากเป็นหมา
ชื่อน่ากลัวหรือคะ " แมวมาหา หมามาสู่ "
น่ากลัวก็น่ากลัว.....ไม่ว่ากันค่ะ
ค่ะ..สงสารมันมากทีเดียว ยิ่งเห็นตอนที่ลูกของมัน อยู่มนถุงก๊อบแก๊บ รอห้าโมงเย็น ยามจะเอาไปโยนทิ้งน้ำค่ะ