แม่จ๋า.....หนูไม่ชอบไปโรงเรียน
"น้องแปม"ปัจจุบันเธออายุ 3.11 ขวบ อนุบาล
1
น้องแปม กับพี่ปลา เมื่อ ตุลาคม
2549
ดิฉันดิฉันพาแกไปส่งเข้าเตรียมอนุบาลตั้งแต่อายุใกล้สามขวบไปรับไปส่งเองเป็นประจำทุกวัน
ดูแกมีความสุขดี.....แต่พอเริ่มขึ้นอนุบาล1 เปิดเทอมได้สักสองเดือนแกเริ่มมีอาการ
แรก
แรกก็บ่น..."ลูกไม่ชอบไปโรงเรียน" ดิฉันปลอบ...ไม่ได้นะถ้าลูกไม่ไปหนูก็จะอ่านหนังสือไม่ออก....มีอะไรคะบอกแม่ได้มั๊ย....ว่าหนูไม่ชอบตรงไหนแกก็บอกอะไรไม่ได้มากไปกว่าลูกไม่ชอบไปโรงเรียน....ดิฉันปลอบก็แล้ว....ดุก็แล้วแกก็ไม่เปลี่ยนความคิด
มีอาการหนักขึ้นคือร้องไห้..ไม่ยอมแต่งตัว
พรุ่งนี้จะเป็นวันเปิดเทอมวันแรก
หลังจากปิดไปหนึ่งเดือนดิฉันส่งแกไว้ที่"เนิสซารี"ที่เดิมที่แกเคยอยู่ตั้งแต่เล็กดูแกเป็นสุขกับการที่ไม่ต้องไปโรงเรียน
หัวค่ำพี่สาวชวนให้เอารองเท้าถุงเท้ามาเตรียม.....ดิฉันสังเกตแกไม่ยอมสนใจ...ออกจะกังวลด้วยซ้ำว่าพรุ่งนี้แกจะต้องไปโรงเรียน...ดิฉันเอาแกเข้านอนเมื่อหัวค่ำแกก็บอกดิฉันว่า...แม่..เอาหูมานี่หน่อย..แล้วแกก็กระซิบว่า....แม่อยู่บ้านกับลูกได้มั๊ย....ลูกไม่อยากไปโรงเรียน"
"..สำหรับพ่อเขาแล้วดูเหมือนจะเป็นเรื่องไร้สาระที่สุดที่พ่อเคยได้ยิน....เขาจะบอกแกมดุลูกว่า...เด็กทุกคนต้องไปโรงเรียนลูกไม่ต้องพูด...ทำตามที่ทุกคนเขาทำตาม...แปลกจริงเด็กนี้..."
ดิฉันเพียรถาม...ตลอดมา..ถามครู..ถามเพื่อนๆ....เพื่อหาสาเหตุว่าทำไมเจ้าแปมไม่ชอบโรงเรียน....
ดิฉันอาจต้องหาโรงเรียนใหม่ให้แก...ที่คล้ายๆ
กับบ้าน
....หรือต้องอดทนอดทนบังคับให้แกไปโรงเรียน....ทำเฉยเมยกับความคิดไม่ชอบโรงเรียนของแก.....ดิฉันชักจะเครียด...เพราะเริ่มมั่นใจว่าแกไม่รับโรงเรียนจริงไม่ใช่เพียงอารมณ์ขี้เกียจตื่นเช้า...ขี้เกียจอาบน้ำ...แล้วพาลพาโรไม่ไปโรงเรียน...แกสะท้อน....เรื่องการไปโรงเรียนต่างกับพี่สาวของแกเมื่อวัยเดียวกัน.....ที่ชอบไปโรงเรียนมากตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนจนทุกวันนี้
อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเมตตา
คุณเมตตาดูมีความสุขกับการเรียนรู้ชีวิตลูกนะครับ...
ผมเชื่อว่าไม่เกินความสามารถในการศึก...เอ้ย...แก้ไขปัญหาครั้งนี้(เพราะว่านี่เป็นลูกคนที่ 2 แล้วนี่ครับ...อิอิ)
ถ้าเป็นผมนะครับ...นี่เป็นโอกาสเรียนรู้ร่วมกันครั้งสำคัญ ของพ่อ แม่ พี่ และน้อง...ครับ
ผมจะแสดงให้เธอเห็นว่า...ความนิ่ง(มีสติ)คืออะไร...การใช้ความอดทนต่อภาวะบีบเค้น(Streng Zone)...ทำอย่างไร...
ที่สำคัญ...ความพร้อมใจของพ่อ แม่ และพี่...ที่จะสนับสนุนการสู้ศึกครั้งนี้โดยไม่หนีไปไหน...
และจะร่วมกันแสดงยินดีอย่างยิ่ง...ถ้าเธอทำได้สำเร็จ...
บันใดขั้นแรก... พ่อ แม่ พี่ นัดหมายกัน สอบถามถึงโรงเรียน ห้องเรียน ครู เพื่อน...ด้วยอาการกระตือรือล้น(ราวกับว่าอยากไปเรียนพร้อมเธอด้วย...ประมาณนั้น)
บันใดขั้นที่ 2 ... แลกเปลี่ยนความเห็นกับเธอด้วยประสบการที่สร้างสรรค์... อันนี้ผมเชื่อว่าคุณเมตตาจะเคยทำอยู่แล้วครับ...
ครูอ้อย คะ ขอบคุณค่ะคิดแล้วเชียวว่าครูอ้อยจะต้องช่วยได้
คุณไมโต คะ ดิฉันนึกออกขึ้นมาทันทีค่ะ ดิฉันไปรับแกเย็นมากจนเหลือเด็กคนสองคนในโรงเรียน...เพราะคุณแม่โดนงานกอดเอาไว้...แกคงโดนครูบ่นว่าแม่เธอทำอะไรอยู่....แน่เลย อาจเป็นสาเหตจะลองหันหลังให้งานทันทีที่เลิกงานแล้วไปรับลูกดูสักเดือน...ยากของแม่แต่น่าจะดีมากสำหรับ เจ้าหนูของดิฉัน
คุณนายขำ คะขอบคุณค่ะรู้สึกเราจะเป็นมิตรใหม่กันนะคะ ความสุขกับการเรียนรู้การเป็นแม่....ค่ะ
ดีแล้วค่ะเช่นกัน.....เพื่อลูก..
ดอกไม้ 4 ชนิดที่ฉันรักและเฝ้าทะนุถนอม
แอบชื่นชมลูก...โดยไม่ได้กอดลูก
สนุกกับการอ่าน และ......นะคะ
ที่บ้านนี้เคยครั้งหนึ่ง ผมไม่อยู่ แม่ติดสอบวิทยานิพนธ์ไปรับลูกตอน หกโมงครึ่ง ลูกอยู่กับรปภ.ของโรงเรียน ร้องไห้เมื่อเห็นหน้าแม่ พร้อมกับเสียงสะอึกสะอื้น ว่า"ทำไมแม่ทำกับเป่าอย่างนี้"
ทำงัยดีค่ะ ลูกไม่อยากไปโรงเรียนเลย จะอาเจียนตลอด ทั้งๆที่เพื่อนก็เยอะ
ดูเหมือนเค้าเครียส จะอ๊วก เมื่อถึง โรงเรียน บางที่ก็ร้องให้ คิดถึง พ่อ-แม่ อยากให้อยู่ไกล้ๆค่ะ ทำอย่างไรดีใครมีวิธีแนะนำบ้าง หรือต้องไปหาหมดที่ไหน
คุณแม่กนกวรรณใจเย็นๆ ค่ะ ลองอ่านบทความนี้ดูอาจช่วยแก้ปัญหาได้บ้างนะคะ
“ทำไมลูกไม่ยอมไปโรงเรียน” คำถามนี้คุณพ่อคุณแม่อาจต้องหาคำตอบว่าสาเหตุนี้มาจากอะไร ส่วนใหญ่เด็กจะเริ่มไปโรงเรียนเมื่ออายุ 5 ปี แต่ปัจจุบันเราจะพบว่าพ่อแม่ส่วนใหญ่ไม่มีผู้ช่วยดูแลลูก ดังนั้นเมื่อลูกอายุครบ 3 ปี อาจต้องให้ลูกเข้าโรงเรียน ซึ่งเด็กวัยนี้จะมีความกลัวการแยกจากพ่อแม่ กลัวคนแปลกหน้า หรือกังวลต่อสถานที่ใหม่ เมื่อพ่อแม่พาไปส่งที่โรงเรียนในตอนเช้า เด็กจะร้องไห้หรือกอดพ่อแม่ไว้ไม่ยอมปล่อยโดยเฉพาะในวันแรกที่ไปโรงเรียน เด็กจะร้องไห้มาก ต่อมาความกลัวจะค่อยๆลดน้อยลง และหายไปภายใน 2-3 เดือน เหตุการณ์เช่นนี้ถือว่าเป็นปกติ ถ้า เป็นในเด็กโต อายุ 10-14 ปี มักเกิดในช่วงเด็กเปลี่ยนโรงเรียน เปลี่ยนห้องเรียนหรือเปลี่ยนครูใหม่ช่วงเปิดเทอมใหม่ หรือหลังจากเด็กหายป่วย เด็กจะมีอาการปวดศีรษะ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย ในตอนเช้าก่อนไปโรงเรียนทุกวัน แต่พอหยุดเรียน ไม่ได้ไปโรงเรียนอาการเหล่านี้จะหายไป หรือมีอาการซึม แยกตัวออกจากเพื่อน ส่วนมากแล้วเด็กมักมีอาการเริ่มต้นแบบค่อยเป็น ค่อยไป และเป็นเวลานาน อาการจะรุนแรง ซึ่งถือว่าผิดปกติต้องให้การช่วยเหลือเด็ก หากปล่อยไว้จะเรื้อรังยากแก่การแก้ไข
คุณพ่อคุณแม่ลองหันมาดูว่าลูกเป็นเช่นนี้และสาเหตุมาจากสิ่งเหล่านี้หรือไม่? ซึ่งมักมีสาเหตุหลายอย่างร่วมกัน มิใช่มาจากสาเหตุเดียวคือ
1. ความกลัวต่อการแยกจากพ่อแม่ ซึ่งเป็นบุคคลที่ตนรักมาก กลัวว่าพ่อแม่จะไม่มารับในตอนเย็น หรือเด็กมีน้องใหม่ และตนเองต้องแยกเข้าโรงเรียนคิดว่าพ่อแม่ไม่รักตน ยิ่งตนเองร้องไห้อาละวาดไม่ยอมไปโรงเรียนแล้วอาจถูกพ่อแม่ขู่ว่าจะไม่รัก จะทิ้งไว้ที่โรงเรียน ยิ่งทำให้เด็กกลัวและวิตกกังวลว่าพ่อแม่ทิ้งตนเองจริงๆ
2. พ่อแม่เลี้ยงลูกแบบปกป้องเกินไป หรือเด็กยังเล็กเกินไป ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ดีนัก การปรับตัวเข้ากับเพื่อนยาก เด็กจึงมีความรู้สึกไม่มั่นคงทางอารมณ์
3. พ่อแม่หรือครูมีความคาดหวังต่อเด็กสูงเกินไป ทำให้เด็กมีความกลัวว่าตัวเองจะทำได้ไม่ดีตามที่พ่อแม่หรือครูคาดหวังไว้ หรือเด็กทำดีมาตลอดแต่พลาดเพียงครั้งเดียว แล้วโดนดุก็จะทำให้เด็กกลัวและจะใช้วิธีถอยหนีโดยการไม่ยอมไปโรงเรียน
การช่วยเหลือแก้ไข
เมื่อทราบสาเหตุ และถ้าเป็นในเด็กเล็กซึ่งอาการจะค่อยลดลงถือว่าเป็นปกติ แต่ถ้าเด็กยังมีอาการไม่ยอมไปโรงเรียนถือว่าต้องให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพื่อให้เด็กกลับเข้าโรงเรียนเร็วที่สุดเพราะยิ่งปล่อยให้หยุดเรียนนานเท่าใด ก็จะยิ่งทำให้เด็กกลับเข้าโรงเรียนได้ยากขึ้นและมีปัญหาทั้งด้านการเรียนและการปรับตัว วิธีการช่วยเหลือมีดังนี้
- รายที่เป็นเด็กเล็ก พ่อแม่ควรใช้วิธีการเล่นซ่อนหาหรือเล่นจะเอ๋ เช่น เด็กเอาผ้าปิดหน้าตัวเองเล่น แล้วดึงออกพร้อมกับพูดด้วยเสียงดีใจว่า “จ๊ะเอ๋” เด็กมักจะชอบใจ และชอบเล่นซ้ำๆ โดยไม่เบื่อ การเล่นซ่อนหานี้จะช่วยให้เด็กคิดว่าเมื่อพ่อแม่หายหน้าไปแล้วก็จะกลับมาเช่นเดียวกับการซ่อนหา ซึ่งจะทำให้เด็กคลายความกังวลหรือกลัวพรากจากพ่อแม่ได้
- เมื่อเด็กมีอาการเจ็บป่วยทางกาย เช่น ปวดศีรษะ อาเจียน พ่อแม่ควรพาเด็กไปพบแพทย์เพื่อได้รับการตรวจวินิจฉัยที่แน่นอนว่าไม่ได้มีโรคทางกายซึ่งเกิดจากพยาธิสภาพจริงๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าเด็กแกล้งป่วย เพราะความกลัวหรือความเครียดจะทำให้เด็กรู้สึกเจ็บป่วยทางกายได้จริง พ่อแม่จะมีความมั่นใจว่าเด็กไม่มีโรคทางกายที่เป็นอันตรายและเด็กสามารถไปโรงเรียนได้อย่างปกติ
- พ่อแม่ต้องให้ความเข้าใจและแสดงความรักความเอาใจใส่เด็กเหมือนเช่นเดิม และยืนยันความมั่นใจแก่เด็กว่ายังรักลูกเหมือนเดิม มิได้ผลักไสไล่ส่งลูกให้ไปโรงเรียน แต่ว่าลูกโตพอที่จะเรียนรู้สิ่งที่อยู่นอกบ้านแล้วจึงให้ไปโรงเรียน
- พ่อแม่ควรมีท่าทีสงบ หนักแน่น จริงจังว่าเด็กต้องไปโรงเรียน และหลีกเลี่ยงการต่อรอง ทะเลาะ ข่มขู่ หรือลงโทษเด็ก ถ้าเด็กขัดขืน ดิ้น พ่อแม่ควรกอดเด็กไว้ และไม่โต้ตอบเด็กหรือทำให้เด็กเจ็บ และพาเด็กไปโรงเรียนเมื่อเด็กสงบลง พร้อมพูดให้กำลังใจเด็ก
- พ่อแม่ควรติดต่อครูที่โรงเรียน เพื่อร่วมมือให้ทราบปัญหาและร่วมมือกันช่วยเหลือเด็ก และครูควรมาคอยรับเด็กจากแม่เมื่อเด็กมาถึงโรงเรียน แสดงความรักความเอาใจใส่ทดแทนแม่ด้วยการโอบกอด ให้เด็กสนใจเพื่อนๆและการเล่นที่โรงเรียน พร้อมทั้งคอยปลอบเด็กและอยู่กับเด็กตลอดเวลาในระยะแรกๆ และครูควรมีท่าทีอ่อนโยนต่อเด็ก
เมื่อพ่อแม่ได้ให้การช่วยเหลือจนสำเร็จแล้วจะทำให้เด็กได้กลับเข้าโรงเรียน เด็กได้คลายความวิตกกังวลและความเครียด ก็จะทำให้เด็กมีความสุขกับพ่อแม่เหมือนเช่นเดิม
หวัดดีคับ..
กู๊ดดี้แวะมาอ่านด้วยคนคับ.. เพราะบางครั้งกู๊ดดี้ก็งอแง ไม่อยากไปโรงเรียนเหมือนกัน แต่จะเป็นในช่วงเช้าๆ เวลาจะลงจากรถ.. แต่ขากลับก็สนุกสนานดีคับ ..
คุณแม่บอกว่า คงต้องให้ปรับตัวกับเพื่อนและโรงเรียนซักระยะ
มาเป็นกำลังใจนะคับ..พี่แปม พี่ปลา..
ลูกไม่อยากไปโรงเรียนค่ะ โรงเรียนปิดเทอมหรือหยุดเทศกาลหลายวันก็ไม่เป็นอะไร พอถึงวันจะไปโรงเรียน ก็จะท้องเสียตลอดเลยค่ะ ไม่ยอมไปโรงเรียน 2 เดือนแล้วค่ะอยู่ชั้น ป.6 แล้ว หาหมอตรวจหลายแห่งก็ไม่หายจะท้องเสียตลอด ถามว่าที่โรงเรียนมีปัญหาอะไรไหมก็บอกว่าไม่มี คืนก่อนโรงเรียนเปิดจะปวดท้อง ถึงเช้าเลย ค่ะ จะมีวิธีอย่างไรดีคะ พูดคุยหว่านล้อมแล้วก็ไม่ยอมแต่งตัว ไม่เคยตีนะคะ จะพูดกับลูกอย่างไรดี
อาการเดียวกับน้องเปรมเลยค่ะ วันแรกเขายังไม่รู้ว่าต้องไปโรงเรียนใหม่ ไม่ร้องให้ ขึ้นรถโรงเรียนไปด้วยดี แม่แอนตามไปดูหนูที่โรงเรียนกับคุณพ่อ หนูนั่งเล่นระบายสีคนเดียว วันแรกของห้องเรียนบรรยากาศชุลมุนวุ่นวาย เด็กๆงอแงกันเกือบทั้งห้อง หนูเปรมไม่ยักกะร้องให้แหะ วันที่สองหนูก็ยังโอเค แต่เข้าวันที่สามหนูเห็นรถตู้โรงเรียนร้องให้วิ่งเข้าบ้าน บอกแม่แอนว่าไม่อยากไปโรงเรียน..(ที่ใหม่)หนูจะไป..(ที่เก่า) เรา(แม่แอนกะคุณพ่อ) พยามปลอบทุกวันจนหนูเลิกร้องให้ แต่..โรงเรียนปิดช่วงสงกรานต์ 10 วัน หนูเริ่มไปใหม่อาการหนูกลับมาเหมือนเดิมอีก นึกว่าหนูจะเป็นอย่างนี้สักไม่กี่วัน เพราะเราเคยทำสำเร็จมาแล้วนี่ แต่..อาการหนูหนักขึ้นทุกวัน ทำไงดีน้อ
ที่เก่าของหนู ครูพี่เลี้ยง 5 ต่อ 1 ที่ใหม่ 35 ต่อ 2 แม่แอนจะหาเวลาไปดูหนูที่โรงเรียนอีกสักวันดีก่า เนอะ
อ่านข้อความมาก็มีปัญหาไม่ต่างจากคุณพ่อ คุณแม่ท่านอื่นเท่าไหร่ค่ะ ลูกสาวไม่ชอบไป รร.เลย ปีนี้อยู่ อ.2แล้ว วันแรกไป รร.ร้องไห้ วันที่ 2 ไปง่ายหน่อย แล้วหยุดเรียน ส.-อา. พอจันทร์มาไม่ร้องไห้ที่บ้านตื่นเช้าเข้าห้องน้ำแต่งตัวไม่งอแง แต่พอไปถึง รร. ดึงแม่ไว้ไม่อยากเข้า รร. แถมน้ำตาคลอเบ้าก่อนจะขึ้นห้องเรียน ทำให้เครียดมาก ยิ่งกว่านั้นคุณแม่รู้สึกว่าน้องไม่สามารถเข้ากับเพื่อนได้ เวลาอยู่บ้านก็จะเลือกเล่นกับเด็กแค่ คน 2 คนในหมู่บ้าน พอไปที่ รร.คุณแม่เห็นเพื่อนน้องมาเล่นที่สนามเด็กเล่น บอกให้น้องไปเล่นกับเพื่อนแต่น้องไม่ยอมไปเล่นกับเพื่อน พอวันหลังบอกให้ไปเล่น น้องก็เล่นไม่ทันเพื่อน และก่อนหน้านี้ อ.1 เวลามีกิจกรรมที่ รร. คุณแม่เห็นเพื่อนน้อง บอกน้องบอกว่าเพื่อนมาแล้ว น้องรีบแอบ ไม่ยอมไปเล่นกับใครเลย อย่างนี้น้องผิดปกติไหมค่ะ ผิดปกติกว่าเด็กทั่วไปไหม แล้วต้องทำยังไงให้น้องสามารถเข้ากับเพื่อนๆ ได้ ใครมีวิธีช่วยแนะนำด้วยค่ะ .....เวลาอยู่ที่บ้านก็ไม่ชอบออกไปเล่นบ้านเพื่อน ไม่อยากจะออกไปเล่นนอกบ้าน ทั้งๆ ที่คุณแม่พยายามพาออกไปเดินเล่น พาไปเล่นที่ต่างๆ ที่มีเด็ก น้องจะไม่ค่อยสนใจใคร เล่นอยู่คนเดียว.... แต่เวลาเล่นกับคุณแม่น้องก็จะมีความสุขดี ใครมีความรู้หรือประสบการณ์ช่วยแนะนำด้วยนะคะ อยากทราบวิธีแก้ไข และวิธีดูแลน้องค่ะ