ความมั่นใจในตนเองเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ KM ประสบความสำเร็จ และในขณะเดียวกันก็เป็นผลลัพธ์ของการทำ KM คือ ความมั่นใจในตนเองเป็นทั้ง input และ output ของการทำ KM หรือกล่าวว่าเป็นทั้ง means และ end
แต่ความมั่นใจในตนเองที่เหมาะในการทำ KM ต้องเป็นความมั่นใจในตนเองที่พอดี ไม่สุดโต่ง และมีความสมดุลกับความเคารพในผู้อื่น ต่อความคิดเห็นที่แตกต่าง
ตรงนี้มีประเด็นที่ดูเผินๆ จะคิดว่าความมั่นใจในตนเอง เป็นสิ่งตรงกันข้ามหรือถ่วงดุลกับความเคารพในผู้อื่น ต่อความคิดเห็นที่แตกต่างหรือมองว่า ๒ สิ่งนี้ขัดแย้งกัน แต่ผมมองว่าสองสิ่งนี้ส่งเสริมซึ่งกันและกัน หากใช้ผ่านการปฏิบัติ คือผ่านการทำ KM คนที่กำลังปฏิบัติ KM โปรดสังเกตเอาเองนะครับ ว่าสองสิ่งนี้มันเสริมกัน หรือขัดแย้งกัน แล้วนำมาเขียนเล่าใน gotoknow.org ก็จะเป็นประโยชน์มาก ผมอยากให้มีคนเขียนเล่าจากเหตุการณ์จริง ผมจะเอาไป quote ในหนังสือ KM เล่มใหม่ ที่จะจัดพิมพ์เผยแพร่ในปี ๒๕๕๐ ออกจำหน่ายในงานมหกรรมจัดการความรู้แห่งชาติ ครั้งที่ ๔ วันที่ ๑ - ๒ ธค. ๕๐
ผมสังเกตว่าคนในบางวงการ หรือในสภาพแวดล้อม บางแบบ เป็นโรคขาดความมั่นใจในตนเองอย่างแรง ผมขอตั้งชื่อโรคนี้ว่า โรค SSDS (Severe Self-confidence Deficiency Syndrome) ผมเชื่อว่าโรคนี้เป็นโรคที่เกิดจากสภาพแวดล้อมเป็นพิษ คือเกิดจากองค์กร (หรือสังคม) มีพิษของอำนาจนิยม อบอวลอยู่ในบรรยากาศ
ในหลายองค์กร KM แคระแกร็น โตไม่ขึ้น เพราะบรรยากาศเป็นพิษจากอำนาจนิยม หรือกระแสควบคุมสั่งการ จากเบื้องบน (top-down)
ดังนั้น จะปลูก หรือฟื้นฟู ความมั่นใจในตนเองของผู้คนให้ได้ผลดี ต้องขจัด "มลพิษทางวัฒนธรรม (องค์กร)" เสียด้วย โดยต้องดำเนินการไปพร้อมๆ กันกับการทำ KM หรืออาจกล่าวว่า detox (detoxification) นี้ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ KM ด้วย
วิจารณ์ พานิช
๑๘ ตค. ๔๙
ไม่มีความเห็น