ทัศนศึกษา เขาค้อ เชียงราย เชียงใหม่
21 มกราคม 2557 ตื่นเร็วกว่าที่เขาปลุก เมื่อ 05.00 น. คืนนี้ได้พักผ่อนเต็มที่เต็มเวลาที่ศิรินาถ การ์เดน เก็บกระเป๋าเรียบร้อย เพราะวันนี้ต้องเดินทางออกจากเชียงใหม่ กลับชุมพร เรียบร้อยแล้ว เวลา 07.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารในโรงแรม เมื่อทุกคนพร้อมแล้ว ไปขึ้นรถสองแถวเพื่อเดินทางไปดอยปุย ดอยปุย ยอดเขาที่สูง 1,658 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นส่วนหนึ่งของ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 24 ของประเทศ มีลักษณะของพื้นที่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อนอยู่ในแนวเทือกเขาถนนธงไชย นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญของตัวเมืองเชียงใหม่ และพื้นที่บางส่วนของอำเภอรอบ ๆ สภาพภูมิอากาศส่วนใหญ่จะหนาวเย็นและชุ่มชื้น เนื่องจากได้รับไอน้ำจากเมฆหมอกที่ปกคลุมอยู่เกือบตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดในพื้นที่อยู่ระหว่าง 10-12 องศาเซลเซียส เช้านี้คณะได้แต่เดินชมสินค้าพื้นเมืองต่าง ๆ ไม่ได้เข้าไปชมสวนดอกไม้เพราะเวลามีน้อย
กลับขึ้นรถสองแถวคันเดิม เยี่ยมชมพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในด้านความสวยงาม และมีความสำคัญยิ่ง คือ เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ บริเวณใกล้ดอยบวกห้า คำว่า "ดอยบวกห้า" เป็นชื่อเรียกตามคำพื้นเมือง ดอยหมายถึงภูเขา บวกหมายถึง หนองน้ำ ห้าหมายถึงต้นหว้า หมายความว่า ที่ยอดดอยแห่งนี้มีหนองน้ำอุดมไปด้วยต้นหว้า ขึ้นปกคลุมทั่วบริเวณหนองน้ำนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2504 และพระราชทานนามพระตำหนักนี้ว่า "ภูพิงคราชนิเวศน์" โดยทรงเลือกจากหนึ่งใน 2 ชื่อ ซึ่งสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อครั้งเป็นที่ พระศาสนโสภณ เป็นผู้คิดชื่อถวาย คือ "พิงคัมพร" กับ "ภูพิงคราชนิเวศน์" พระตำหนักแห่งนี้ ใช้เป็นที่ประทับในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐาน มาประทับแรมที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทรงงานและเยี่ยมเยียนราษฎรในเขตภาคเหนือ รวมทั้งเพื่อรับรองพระราชอาคันตุกะที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับไทยในโอกาสต่าง ๆ การที่ทรงเลือกสร้างที่จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากมีอากาศเย็นสบาย ภูมิประเทศสวยงาม อีกทั้งเคยเป็นเมืองหลวงมาก่อน ผู้คนพลเมืองยังดำรงรักษา จารีตขนบธรรมเนียม ประเพณีอันดีงามไว้
จองคิวรถกอล์ฟเพื่อจะได้ชมสวนดอกไม้และพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ในราคา 300 บาท นั่งได้ 3 คน รอแลบ้วรอเล่า รถไม่มาสักที เพราะนักท่องเที่ยวเยอะมาก เขาจึงคืนเงินที่จองรถไว้ และแนะนำให้ไปชมสวนกุหลาบบนเนินซึ่งไม่ไกลนัก เวลามีน้อยพวกเราจึงไปเก็บภาพสวย ๆ ในสวนกุหลาบ ซึ่งสวยงามมาก
ประมาณ 11.00 น. กลับขึ้นรถสองแถวอีกครั้งมุ่งหน้าสู่ วัดพระธาตุดอยสุเทพ พระธาตุประจำปีเกิดปีมะแม เป็นสถานที่ศักดิ์ศิทธิ์ ที่มีความสำคัญทางศาสนาและประวัติศาสตร์ของนครเชียงใหม่ ตจั้งอยู่บนดอยสุเทพ อำเภอเมืองฯ จังหวัดเชียงใหม่ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1927 มีบันไดนาคทอดยาวขึ้นไปสู่วัด 306 ขั้น ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานขององค์เจดีย์ ทรงมอญ คณะของเรานั่งรถสองแถวคันละ 10 คน ไปถึงลานจอดรถ จากนั้นพวกเราต้องซื้อบัตรเข้าไปไหว้องค์เจดีย์ บริษัททัวร์จัดการให้แล้วเสร็จ ขึ้นลิฟท์ไปที่ลานองค์เจดีย์ ที่นี่มีวัดมีพระทำพิธีสวดให้พรและประพรมน้ำพระพุทธมนต์ คุณครูสัมพันธ์ เป็นปีชง คุณครูรัตนาภรณ์วัยเบญจเพส ทั้งสองคนจึงเข้าไปประพรมน้ำพระพุทธมนต์รับพรพระ และผูกข้อมือ
เสร็จพิธีไหว้พระ พวกเราสามคนออกมาชมความงดงามขององค์พระเจดีย์ และเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก ถ่ายภาพเองไม่ได้เพราะถ่ายด้วยteblet เก็บภาพองค์พระเจดีย์ได้ไม่สวย เราสามคนจึงยอมเสียเงินให้กับช่างภาพที่มาขอถ่ายให้ ภาพละ 120 บาท จึงได้ภาพสวย ๆ มานี่แหละ
ลงลิฟท์ออกจากที่นี่มุ่งหน้าไปทานอาหารกลางวันแบบบุฟเฟ่ กว่าจะถึงร้านอาหารเป็นเวลา 13.30 น. รีบทานอาหารเพราะเราต้องไปต่ออีก และวันนี้กลับชุมพร อาหารที่นี่อร่อยมากทั้งข้าวคลุกกะปิ ผัดไทย แต่ไม่ไหวอิ่มเสียก่อนอยากจะลองอาหารชนิดอื่นบ้าง เพราะทุกคนบอกว่าอร่อย ออกจากร้านอาหาร 14.00 น. เดินทางต่อไปจังหวัดลำปาง แวะสักการะพระธาตุลำปางหลวง เป็นพระธาตุประจำปีเกิดคนปีฉลู เสร็จแล้วกลับขึ้นรถไปต่อแสวะตลาดทุ่งเกวียนซื้อของฝาก ที่นี่ทุกคนซื้อกับสนุกสนานในเวลาที่จำกัด เรียบร้อยแล้ว เดินทางต่อแวะทานอาหารเย็นที่โรงแรมลำปางเวียงทอง เวลาประมาณ 17.30 น. ทานอาหารเสร็จแล้วถ้าใครสนใจนั่งรถม้าชมเมืองก็มีเวลาให้ ในราคา รอบเมืองเล็ก 200 บาท (นั่ง 3 คน) รอบเมืองใหญ่ 300 บาท เราไม่ได้ทานข้าวมื้อเย็นเพราะไม่หิวจึงเรียกรถม้าชมเมืองตกลงเอารองเมืองใหญ่ 300 บาท ชมเมืองในบรรยากาศสวย ๆ ลมเย็นสบาย ม้าควบแบบนิ่ม ๆ นั่งสบาย ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้มีโอกาสนั่งรถม้า มีความสุขมาก
ออกจากที่นี่รถวิ่งยาวถึงชุมพร มีแวะห้องน้ำเป็นครั้งคราว ถึงขุมพรหน้าศาลหลักเมือง เวลา 10.30 น. ของวันที่ 22 มกราคม 2556 การไปทัศนศึกษา เขาค้อ เชียงราย เชียงใหม่ ครั้งนี้ คณะครูและผู้บริหาร ได้สัมผัสอากาศที่หนาวเย็นไม่มีในภาคใต้
ได้รู้ว่า "หนาวถึงกระดูก หนาวสะท้าน หนาวสุดขั้วหัวใจ และ ยิ่งสูง ยิ่งหนาว " เป็นอย่างไร จากการไปทัศนศึกษาในครั้งนี้ นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้วัฒนธรรมทางภาคเหนือทั้ง วัฒนธรรม ปรนะเพณี ของชาวเหนือและชาวเขาเผ่าม้ง ขอบคุณโครงการดี ๆ ของเครือข่ายพัฒนาชีวิตครู กลุ่มเมือง 1 ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
พักผ่อนสบายๆๆ
ขอบคุณครับ สำหรับภาพสวยๆ
คงจะต้องไปลองนั่งรถม้าเที่ยวลำปางสักครั้งหนึ่งในชีวิต
ลองดูนะคะ คงเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต