Research Problem : การอ่านดีกว่าการฟังหรือไม่ ?
H1 : การอ่านดีกว่าการฟัง
Implication ( I ) : กลุ่มตัวอย่างที่อ่านข้อความที่กำหนดให้จะตอบข้อสอบจากเรื่องที่อ่านนั้นได้มากกว่ากลุ่มตัวอย่างที่ฟังเสียงการอ่านข้อความเดียวกันจากเสียงของคนอื่นที่อ่านให้ฟัง
H2 (H+I) : ถ้าการอ่านดีกว่าการฟังแล้ว เมื่อให้กลุ่มตัวอย่างอ่านข้อความที่กำหนดให้ จะตอบข้อสอบจากเรื่องที่อ่านนั้น ได้มากกว่ากลุ่มตัวอย่างที่ฟังเสียงการอ่านข้อความอย่างเดียวกันจากเสียงการอ่านข้อความเดียวกันจากเสียงของคนอื่นที่อ่านให้ฟัง
ปัญหา : (๑) เราควรใช้ H1, หรือ I, หรือ H2 มาเป็น Research Hypothesis ?
คำตอบก็คือ : (๑) ใช้ได้ทั้ง ๓ กรณี
(๒) ถ้าใช้ H1 เราต้อง "นิยามเชิงปฏิบัติการ" ให้กับมโนทัศน์ "การอ่าน" และ "การฟัง" ให้สามารถ "วัดได้"
(๓) ถ้าใช้ " I " มาเป็น H เสียเลยก็ได้ โดยไม่ต้องนิยามเพิ่มเติมอีก
(๔) ถ้าใช้ H2(H+I) ก็ได้
ถ้าเราไปเปิดดูรายงานการวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์ จะเป็นวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ (เคมี, ฟิสกส์,ชีววิทยา ฯลฯ) หรือวิทยาศาสตร์สังคมในห้องสมุดตามมหาวิทยาลัยต่างๆ เราจะพบ H ทั้ง ๓ แบบนี้ แต่ส่วนใหญ่จะพบมากที่สุดตามแบบ H1
ข้อแนะนำของผมก็คือ H1 ครับ เพราะว่า H ที่ทดสอบแล้วจะเป็น "กฎ" คือ " Statistical Law" หรือ "Probabilistic Law" ซึ่งข้อความในลักษณะของ H1 นั้น มีลักษณะเป็นข้อความเชิงกฎอยู่แล้ว เพียงแต่ผู้วิจัยจะต้องให้คำนิยามเชิงปฏิบัติการ หรือ Operational Definition ทุกมโนทัศน์ให้เป็นคำที่สามารถสังเกตได้ หรือวัดได้
ไม่มีความเห็น