อีกหนึ่งความก้าวหน้าที่ KM เนียนอยู่ในเนื้องานแก้จนเมืองนคร


น่าดีใจที่ปัญหาดังกล่าวได้กลายเป็นบทเรียนในปี 2550 นี้แล้ว กลายเป็นบทเรียนให้ทีมงานเริ่มกลับไปตั้งหลักใหม่ว่าต้องเรียนรู้ หรือ KM ตั้งแต่งานสำรวจข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล ออกแบบกิจกรรมแก้ไขปัญหายากจนในขั้นตอนของการจัดทำแผนชุมชนพึ่งตนเอง ไม่ใช่จะให้นับหนึ่ง KM เมื่อตอนจัดกิจกรรมแก้ไขปัญหาความยากจนตามแผนดังกล่าว ฉะนั้นหมู่บ้านที่จะเริ่มต้นสำรวจข้อมูลครัวเรือนเพื่อจัดทำแผนชุมชนพึ่งตนเองอีก 600 หมู่บ้านทั้งจังหวัดในปี 2550 ต้องเริ่มต้นเรียนรู้กันอย่างเข้มข้น(KM)เรื่องการจัดทำแผนชุมชนพึ่งตนเองกันเลย

หากจะกล่าวถึงกิจกรรมหลักของโครงการจัดการความรู้จนเมืองนคร ก็แบ่งได้เป็น 2 กิจกรรมหลัก หรือ 2 ขั้นตอนใหญ่ๆ คือ กิจกรรมเรียนรู้เรื่องการให้ครัวเรือนหรือชุมชนจัดทำแผนชุมชนพึ่งตนเอง กับกิจกรรมเรียนรู้หรือปฏิบัติการแก้จนตามที่ปรากฏในแผนชุมชนพึ่งตนเองดังกล่าวนั้น

ว่ากันตามความเป็นจริงแล้วกิจกรรมทั้งสองดังกล่าวก็ถูกออกแบบให้ใช้การเรียนรู้ควบคู่อยู่แล้ว แต่จากข้อเท็จจริงที่ผ่านมาปรากฏว่า ปี 2548 ซึ่งเป็นปีเริ่มต้นที่ส่งเสริมให้คุณกิจครัวเรือนจัดทำแผนชุมชนพึ่งตนเอง กิจกรรมเรียนรู้ในขั้นตอนนี้เกิดขึ้นน้อยมาก ทีมคุณอำนวยที่จะไปส่งเสริมกระบวนการจัดทำแผนชุมชนพึ่งตนเองก็ไม่ชัดเจนว่าเป็นใคร ทำให้แกนนนำหมู่บ้านๆละ 8 คน (ซึ่งมีการวิพากย์วิจารณ์กันถึงที่มาอยู่เหมือนกันว่าได้คนที่ตั้งใจทำงานมาหรือเปล่า)  ขาดที่ปรึกษาขาดพี่เลี้ยง เมื่อแกนนำหมู่บ้านดังกล่าวต้องไปทำกิจกรรมเสมือนเป็นคุณอำนวยหมู่บ้านส่งเสริมกิจกรรมสำรวจข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล และส่งเสริมการออกแบบกิจกรรมแก้ไขปัญหาความยากจนครัวเรือนอื่นๆอีก 64 ครัวเรือนในหมู่บ้าน และเป็นการออกแบบกิจกรรมแก้ไขปัญหาแบบพึ่งตนเองในแผนดังกล่าวด้วยแล้ว แกนนำดังกล่าวทำกิจกรรมนี้ได้ฝืดมาก แผนชุมชนพึ่งตนเองก็กลายเป็นแผนพึ่งพาที่รอรับการช่วยเหลือจากหน่วยงานภายนอกเป็นส่วนใหญ่  ส่งแผนชุมชนพึ่งตนเอง(ซึ่งไม่ค่อยจะพึ่งตนเอง)ต่อให้กับทีมปฏิบัติการแก้จนตามแผนซึ่งเป็นอีกทีมหนึ่ง อีกเจ้าภาพหนึ่ง เหมือนการวิ่งผลัดที่จะต้องส่งไม้ต่อกันไปในปี 2549 แล้วพูดกันจนเป็นที่เข้าใจกันว่าค่อยไปจัด KM กันในปี 2549 โน่น

น่าดีใจที่ปัญหาดังกล่าวได้กลายเป็นบทเรียนในปี 2550 นี้แล้ว กลายเป็นบทเรียนให้ทีมงานเริ่มกลับไปตั้งหลักใหม่ว่าต้องเรียนรู้ หรือ KM  ตั้งแต่งานสำรวจข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล ออกแบบกิจกรรมแก้ไขปัญหายากจนในขั้นตอนของการจัดทำแผนชุมชนพึ่งตนเอง  ไม่ใช่จะให้นับหนึ่ง KM เมื่อตอนจัดกิจกรรมแก้ไขปัญหาความยากจนตามแผนดังกล่าว ฉะนั้นหมู่บ้านที่จะเริ่มต้นสำรวจข้อมูลครัวเรือนเพื่อจัดทำแผนชุมชนพึ่งตนเองอีก 600 หมู่บ้านทั้งจังหวัดในปี 2550 ต้องเริ่มต้นเรียนรู้กันอย่างเข้มข้น(KM)เรื่องการจัดทำแผนชุมชนพึ่งตนเองกันเลย

ผมพยายามส่งสัญญาณเรื่องนี้กับพรรคพวกมานาน ก็เห็นเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ผมเห็นรูปธรรมนี้จากการที่อำเภอเมืองนครศรีธรรมราชได้มีการประชุมเรื่องนี้กันแล้ว เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2549 ซึ่งอำเภอเมืองได้ผนึกกำลังกันระหว่าง อบต.ทุกตำบล และ กศน.เป็นแกนหลัก ซึ่งมาประชุมพร้อมเพรียงกันดีมาก ประมาณ 40 คน จัดตั้งศูนย์ประสานงานแผนชุมชนประจำตำบล ณ ที่ทำการ อบต.มีปลัด อบต.เป็นประธาน มีที่ปรึกษาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ตำบลเป็นที่ปรึกษา  ปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบเรื่องนี้จะออกไปจัดเวทีพบปะแกนนำหมู่บ้านในทุกตำบล เป็นเครื่องมือ หรือกลไกขับเคลื่อน ฉะนั้นหมู่บ้านใหม่ของอำเภอเมืองที่จะเริ่มต้นสำรวจข้อมูลจัดทำแผนชุมชนพึ่งตนเองในปี 2550 จำนวน 45 หมู่บ้าน จะใช้ KM เนียนไปเลย ไม่รอ KM ตอนปฏิบัติการแก้จนตามแผนเหมือนเมื่อปีที่ผ่านมาอีกต่อไปแล้ว ...วงเรียนรู้ หรือเวทีเรียนรู้จะได้เกิดขึ้นในทุกขั้นตอนของการจัดทำแผนชุมชนพึ่งตนเองอย่างเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น

เป็นการนำบทเรียนที่ผ่านมา มาปรับปรุงเรียนรู้ต่อเนื่องนั่นเองครับ

 

หมายเลขบันทึก: 55903เขียนเมื่อ 27 ตุลาคม 2006 07:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:10 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เรียน อ.จำนง

  • ปี ๕๐ คงได้เรียนรู้จากหน้างานปีที่แล้วเยอะนะครับหลาย ๆเรื่อง  ปีหน้าคงไม่มีใครทำ KM เพื่อทำ KM  ทุกอย่างคงนียนอยู่ในงานได้
  • อำเภอพระพรหม ก็กำลังดำเนินการกันอยู่ ปลัดอำเภอออกพื้นที่ตามเป้าหมายทุกวันที่ผ่านมาที่ทราบเพราะผมได้เห็น ได้รับแผน และแจ้งเชิญด้วยวาจา แต่ผมก็ไปในพื้นที่ตำบลร่วมกันไม่ได้สักที เพราะตรงกับภารกิจของตนเองอยู่ครับ พยายามปรับแผนใหม่ในเดือนต่อไป
  • ถึงจะร่วมกันออกพื้นที่ช่วงที่ผ่านมาไม่ได้ผมก็ ถืว่าไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะผมพยายามโยงเรื่องให้เป็นเรื่องที่เข้าด้วยกันเพื่อเป้าหมายเดียวกันอยู่แล้ว
  • โครงการพระพรหมเกษตรอินทรีย์เป็นเส้นทางสายใหญ่ที่ไปสู่ความหลุดพ้นปัญหาความยากจน  ไปสู่เป้าหมายเศรษฐกิจพอเพียง  ถ้าหาก คุณอำนวย / คุณกิจหมู่บ้านเข้าใจให้ลึกซึ้งแนวดำเนินชีวิตของโครงการ ฯ พร้อมในตัวอยู่แล้วครับ
คุณชาญวิทย์ ครับ....... ที่ว่าปีหน้าคงไม่มีใครทำ KM เพื่อทำ KM  ทุกอย่างคงเนียนอยู่ในงานได้แล้วนั้น ถึงแม้บทเรียนปีที่แล้วบอกว่าควรเป็นอย่างนั้นก็จริง แต่ก็ยังหวั่นๆนะครับว่าจะเนียนได้หรือเปล่า...ไม่เป็นไรครับจะมองมุมไหนก็ได้ มองว่าจะเนียนในเนื้องานได้เอาไว้ก่อนอย่างที่คุณชาญวิทย์มองก็ดีนะครับ มองด้านดี ด้านบวก จะทำให้เพิ่มขวัญกำลังใจได้ดี ผมเห็นด้วยครับ....แต่ที่แน่ๆเห็นด้วยอย่างยิ่งกับกระบวนการจัดทำแผนชุมชนปี 50 ครับว่า มีความเปลี่ยนแปลง มีการตั้งวงเรียนรู้ เวทีเรียนรู้กันมากขึ้น น่าดีใจครับ และเห็นด้วยกับโครงการพระพรหมเกษตรอินทรีย์ว่าจะเป็นเส้นทางสายใหญ่ที่ไปสู่ความหลุดพ้นปัญหาความยากจน  ไปสู่เป้าหมายเศรษฐกิจพอเพียงได้  ใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับอำเภออื่น บุคคลอื่นๆได้....สงสัยอำเภอพระพรหมต้องจัดรอบจิบน้ำชาเสวนาเกษตรอินทรีย์รอบพิเศษสำหรับคนไปดูงานแล้วหล่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท