เลี้ยงลูกไม่ให้ไหลไปตามกระแส


วันนี้นำเรื่องราวดี ๆ จากพี่ตุ๊บปองมาแบ่งปันกันอีกแล้วค่า  ประเด็นนี้น่าจะเป็นหัวข้อที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจจะมีคำถามแบบนี้ในใจ แม่ดาวเป็น 1 ในนั้นที่ส่งคำถามผ่านข้อความไปหาพี่ตุ๊บปอง เมื่อเราสงสัย ไม่อยากคิดเอง เออเองฝ่ายเดียว ขอความรู้จากผู้มากประสบการณ์ ผู้ที่ผ่านวันวานมาหลายร้อนฝนหนาว  พี่ตุ๊บปองอาจไม่มีลูก แต่เคยทำงานเกี่ยวกับเด็กมามากมาย อีกทั้งยังมีคำสอนดี ๆ ของคุณแม่ที่พี่ปองจำนำมาสอนได้ดีมากๆเลยจริง ๆ ไปอ่านกันเลย


มีคุณยาย คุณย่าและคุณแม่ (ล้วนแต่เป็นผู้หญิง) กว่า 10 คนถามในทำนองเดียวกันว่า จะสอนลูกหลานอย่างไรไม่ให้ไหลไปตามกระแสกิเลส เพราะปัจจุบันมีตัวเร้าให้ลูกหลานเกิดความอยากมากมาย   เรื่องนี้..ต้องบอกว่าถือเป็นโชคของพวกเราที่เกิดมาในยุคที่ยังไม่มีสิ่งเร้ามากนัก


แม่เคยเปรย ว่า..
ความรักของพ่อแม่ยุคนี้ สมัยนี้ ทำให้ลูกอ่อนแอเพราะให้ “ความรักลูก “ ด้วยการประเคนความสุข ความสะดวกสบายให้ลูกทุกรูปแบบ แต่ถ้ามานั่งคิดจริง ๆ จัง ๆ แล้วจะเห็นว่าลูกมีความอยากได้น้อยกว่าที่พ่อแม่อยากให้ลูกมี เพราะถ้าพ่อแม่ใจแข็งในสิ่งที่เห็นว่ายังไม่เหมาะไม่ควร ลูกก็จะมีวินัยในการใช้ชีวิต แต่พ่อแม่หลายคนเห็นลูกคนอื่นเขามี เลยอยากให้ลูกมีมั่ง บางคนให้เหตุผลอ้างว่ารำคาญเวลาที่ลูกมารบเร้า หรือสงสารลูก
นี่คือ กิเลสแรก แล้วเริ่มก่อต่อยอดกิเลสไปที่ลูก

พ่อแม่ที่รักลูกด้วยการเร้ากิเลสแบบนี้จึงทำให้ลูก "ติดสุข" และ "ติดสบาย" หยิบโหย่ง เพราะอะไร ๆ ในชีวิตดูเพียบพร้อม เด็ก ๆ สมัยนี้จึงสัมผัสแต่ภาพที่สวยงาม แล้วหลงยึดติดอยู่กับผลสำเร็จภายนอก ไม่เห็นถึงความมานะพยายามที่แท้จริงที่เป็นเบื้องหลังความสวยงามและความสะดวกสบายที่ได้รับ จึงง่ายต่อการพลัดเข้าไปในกระแสเร้าที่เฝ้าเย้ายวนให้หลงสุข หลงสวย หลงสะดวก หลงสบาย และหลงไฮเทค

แม่เคยสอนว่า..
เป็นพ่อเป็นแม่คน ต้องให้ความรักที่เป็นความรักโดยแท้แก่ลูก ต้องเป็นความรักที่ไม่ทำร้ายวิถีชีวิตของลูกๆ และเป็นความรักที่ไม่ปนเปื้อน ไม่เคยพร่ามัว แต่ต้องชัดเจนท่ามกลางสิ่งที่ไม่ดีในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายที่สัมผัสได้ทุกเมื่อเชื่อวัน ...พ่อแม่ต้องไม่ให้ความสำคัญกับวัตถุ มากไปกว่าการให้จิตใจ..

แม่สอนให้ลูกเข้าใจใน "สิ่งที่จำเป็น" กับ "สิ่งที่อยากได้" 
ลูกทุกคนจึงเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าอะไรคือสิ่งที่จำเป็น และอะไรคือสิ่งที่อยากได้ นั่นหมายความว่า อะไรที่นอกเหนือไปจากสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิต เป็นสิ่งที่ไม่ต้องมีก็ได้ ดังนั้นจึงต้องรู้จักอดกลั้นต่อสิ่งที่อยากได้..ให้ได้
แต่จะว่าไปแล้ว..ไม่ใช่ไม่อยากมี อยากเป็นเหมือนคนอื่นเขานะ ก็มีอยู่เหมือนกัน อย่างบ้านตาตุ๊มีทีวี บ้านยัยหริลูก ๆ แต่งตัวกันจัดแจ่ม ลูกตาต่ายมีมอร์เตอร์ไซด์คันแรกของหมู่บ้าน
แม่มีวิธีการง่าย ๆ แต่ได้ผล คือ
"บ้านคนอื่นจะมีอะไรอย่าสนใจ แต่บ้านเราไม่มี บ้านคนอื่นจะทำตัว(ไม่ดี)อย่างไรช่างเขา แต่บ้านเราทำอย่างนั้นไม่ได้ คนอื่นจะพูดจาอย่างไร(หยาบคาย)อย่าไปฟัง แต่บ้านเราต้องไม่พูด"
เวลาที่ลูกเอามาอ้างว่าทำไมคนนั้นทำอย่างนี้ได้ หรือบ้านโน้น ทำอย่างนั้นได้ แม่จะบอกง่าย ๆ ว่า..
"ถ้าอยากทำอย่างนั้น ก็ต้องไปอยู่บ้านนั้น เพราะบ้านเราไม่มี และไม่ทำ"

ลูกดีได้เพราะแม่มีจุดยืนเรื่องการสอนลูกให้ดี..ที่ชัดเจน
รักแม่เป็นที่สุด

หมายเลขบันทึก: 556522เขียนเมื่อ 16 ธันวาคม 2013 09:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 ธันวาคม 2013 09:59 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

เรื่องนี้แม่ดาวได้รับคำตอบนี้จากพี่ตุ๊บปองมานานพอสมควร และได้นำวิธีการนี้ไปใช้สอนลูกด้วย เวลาลูกร้องอยากจะได้อะไร จะถามลูกว่าสิ่งนั้น "เป็นสิ่งที่จำเป็น" หรือ "สิ่งที่อยากได้" ให้เขาได้หยุดคิดพิจารณาก่อน จากนั้นก็ค่อย ๆ ตะล่อม ๆสอนโน้มน้าวใจ

ล่าสุดอาทิตย์ก่อน ร้องขออยากจะเอาโทรศัพท์มือถือไปที่โรงเรียน เพราะเห็นเพื่อนเอาไปได้ มาขอโทรศัพท์จากแม่ มีเรื่องให้คุยกันเยอะ คุยแบบคุยกัน ไม่ใช่พร่ำสอน หรือบ่น สุดท้ายก็เข้าใจ ปรับใจ "อดอยาก" ต่อไปนะลูกนะ อิอิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท