หลังจากพักร้อนเพื่อผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานไปท่องเที่ยวต่างประเทศ (เยอรมัน-เช็ค-ออสเตรีย-ฮังการี) ระหว่างวันที่ 5 – 13 ต.ค. 2549 และต่อเนื่องด้วยการไปรับบริการของชุมชนคนชุดเขียว (ผ่าเอ็นข้อมือขวาอักเสบ) เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2549 เวลา 12.30 น. ทำให้ต้องพักการใช้นิ้วมือและข้อมือขวา จึงหายหน้าหายตาจาก Blog ไประยะเวลาหนึ่ง ตอนนี้น่าจะใช้ข้อมือได้บ้างก็กลับมาเขียนบันทึกและติดตามเยี่ยมชมผลงานของสมาชิกต่อได้แล้วนะคะ
ในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวได้ติดหนังสือชีวประวัติและผลงานของ “คุณแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ก้าวย่างแห่งปัญญา” เรียบเรียงโดย “มนทิรา จูฑะพุทธิ” ไปด้วย เนื่องจากมีบางช่วงของการเดินทางที่ต้องรอเวลาต่อเครื่อง ทำให้มีโอกาสอ่านอย่างมีสมาธิ รู้สึกเป็นหนังสือที่รวมประวัติชีวิตและการทำงานที่ดีมากๆ อ่านสนุก ให้ข้อคิดและเพลิดเพลินด้วย น่าศึกษาและติดตามผลงาน เนื้อหาแบ่งเป็น 15 ตอน มีภาพประกอบด้วย ซึ่งถ้าสามารถนำมาเป็นแบบอย่างในการคิดและการปฏิบัติได้จะช่วยให้ชีวิตเราอยู่แบบสุขสงบ & สุขเย็น
สาเหตุที่ดิฉันสนใจอ่านเรื่องของคุณแม่ชีเนื่องมาจากได้ดูรายการทีวีที่มีภาพและน้ำเสียงของคุณแม่ชี ซึ่งแสดงออกถึงความเมตตาที่มีต่อเด็กๆ ดิฉันมีหลานย่าตัวน้อยกำลังซนและค่อนข้างจะไม่อยู่นิ่ง (Hyper นิดๆ) จึงคิดไปว่ากลัวตัวเองจะทำให้เข้าข่าย “ปู่-ย่า รังแกฉัน” เพราะรู้ตัวว่าตามใจหลานมากเหลือเกิน จึงอยากจะหากิจกรรมที่ทำให้หลานน้อยอ่อนโยน, น่ารัก และมีสมาธิด้วย จึงพาหลานน้อยไปที่ “เสถียรธรรมสถาน” ซึ่งบังเอิญตรงกับวันที่มีโครงการโรงเรียนพ่อแม่ ที่จัดให้มีในวันอาทิตย์ที่ 3 ของทุกเดือน และได้ซื้อหนังสือชีวประวัติและงานของคุณแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต มาอ่านเพื่อศึกษาด้วย
ดิฉันชอบกลอนบทหนึ่งในเอกสารแนะนำ “โครงการโรงเรียนพ่อแม่” ที่เขียนไว้มีดังนี้ค่ะ
“เก็บดวงดาวมาแต่งผม เก็บหมอกลมลงกระออม
เก็บแผ่นฟ้าทำผ้าอ้อม เก็บไม้หอมล้อมเปลดี
เก็บความรักจากคนทั้งหล้า เก็บเมตตาไว้ที่นี่
เก็บไมตรีที่โลกมี เก็บสิ่งดีไว้ในใจ
เก็บทุกสิ่งไว้ให้ลูก แม่สอนปลูกเอาไว้ให้
แม่เก็บฝันถึงวันไกล ยอดดวงใจเป็นคนดี”
จาก.....บทเพลงกล่อมลูกในชุด “ชมสวน”
ช่วยกล่อมเกลาจิตใจ คนนอกคอก ที่เดียวดาย ได้ดีพอสมควรค่ะ ขอบคุณมาก ๆ ในไมตรีที่หยิบยื่น ขอความสุขโปรดส่งคืนตอบสนอง