เราได้ความรู้มาอย่างไร?
Pavlov (1849 - 1936) ชาวรัสเซีย ได้สังเกตเห็นว่า ถ้าเอาผงเนื้อใส่ปากสุนัข สุนัขจะหลั่งน้ำลาย ผงเนื้อเป็น "สิ่งเร้า"(Stimulus : S) เพราะว่า มันมีอำนาจ "เร้า" ให้เกิด "การตอบสนอง"(Response : R) ด้วยการหลั่งน้ำลายออกมา เขียนเป็นรูป Paradigm ได้ดังนี้
Stimulus(S) -------> Response(R)
หรือ S --------> R
แต่ S ดังกล่าว "ทำให้สุนัขหลั่งน้ำลายโดยอัตโนมัติ" เขาจึงเรียก S นี้ว่า "สิ่งเร้าที่ไม่ต้องวางเงื่อนไข"(Unconditioned Stimulus : US) และเรียกการหลั่งน้ำลายว่า "การตอบสนองที่ไม่ต้องวางเงื่อนไข" (Unconditioned Response : UR)
เขาลองสั่นกระดิ่งให้สุนัขฟังเพื่อจะดูว่า "สุนัขหลั่งน้ำลายด้วย" หรือไม่? พบว่า "สุนัขไม่หลั่งน้ำลาย" เขาเรียกเสียงกระดิ่งว่า "สิ่งเร้าที่ต้องวางเงื่อนไข" (Conditoned Stimulus : CS) เขาจึงคิดอยากทำให้ "เสียงกระดิ่ง" "มีอำนาจเร้าให้สุนัขหลั่งน้ำลาย" ได้ด้วย และถ้ามันหลั่งน้ำลายได้ ก็เรียกการตอบสนองนี้ว่า "การตอบสนองที่ต้องวางเงื่อนไข" (Conditioned Response : CR) โดยการทำดังนี้
ครั้งแรกเขาเสนอ CS (เสียงกระดิ่ง)-------> (ไม่หลั่งน้ำลาย)
---------------------------------------------------------------------------------
ครั้งต่อมาเขาเสนอ CS(เสียงกระดิ่ง) ------> ?
พร้อมกับเสนอ US(ผงเนื้อ) --------------> UR(น้ำลาย)
นำเช่นนี้ซ้ำๆกันหลายครั้ง
---------------------------------------------------------------------------------
ต่อมาเขาเสนอแต่ CS(เสียงกระดิ่ง) ---------> CR(น้ำลายไหล)
เขาพบว่า "เสียงกระดิ่ง" ที่ "ไม่เคยทำให้มันน้ำลายไหลได้" นั้น "ไหลได้" เมื่อ "เข้าคู่" กับผงเนื้อบ่อยๆ
นั่นแสดงว่า สุนัขได้ "เรียนรู้" แล้ว "สิ่งที่เรียนรู้" ก็คือ "การโยงสัมพันธ์(Association)ระหว่าง CS - CR" และ "ความรู้" ที่ได้ก็คือ "CS - CR"
"สุนัขได้ความรู้มาภายหลังการเกิด" คือ มันไม่ได้ความรู้เกี่ยวกับการหลั่งน้ำลายเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งมา "โดยพันธุกรรม" !!
คือ "ได้ความรู้มาโดยการเรียนรู้"
ผู้สอนก็คือ Ivan P,Pavlov ! Physiologist ชาวรัสเซีย
การทดลองอันลือลั่นนี้เรียกกันว่า CLASSICAL CONDITIONING
ครั้งแรกเขา
Thank you so much na ka!
It's really useful for my phychology class
Ps. I'm an exchange student in High school,USA