การจัดการองค์ความรู้ นับว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับงานส่งเสริมการเกษตร เนื่องจากเป้าหมายสุดท้ายของงานส่งเสริมการเกษตร คือ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเกษตรกรให้เกิดการเรียนรู้ มีความชำนาญ และมีทัศนคติที่ดีต่อการประกอบอาชีพ โดยมีนักวิชาการส่งเสริมการเกษตรทำหน้าที่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง
จังหวัดนครพนม ได้ดำเนินการการจัดการองค์ความรู้ โดยมีเป้าประสงค์"เพื่อพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่เกษตรกร โดยใช้ศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล เป็นกลไกหลักในการดำเนินการ" รูปแบบวิธีการดำเนินงานได้มีการแต่งตั้งคณะทำงาน กำหนดผู้ประสานงานหลักของจังหวัด บุคคลเป้าหมายได้แก่ เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรทุกคนในจังหวัดนครพนม ซึ่งได้สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการองค์ความรู้ว่ามีความสำคัญอย่างไร มีประโยชน์ต่อองค์กรอย่างไร โดยมีการชี้แจงสร้างความเข้าใจทุก 2 เดือน ในการสัมมนาเชิงปฏิบัติในปี 2548 ประเด็นหลักในการดำเนินการการจัดการองค์ความรู้ จังหวัดนครพนมได้ดำเนินการในโครงการศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล 5 ประเด็นหลัก ดังนี้
1. การรวบรวมข้อมูลและความต้องการ
2. การจัดทำเวทีชุมชน
3. การวางแผนถ่ายทอดความรู้
4. การดำเนินการถ่ายทอดความรู้
5. การเชื่อมโยงเครือข่ายการถ่ายทอดความรู้
เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินการ
-ใช้รูปแบบตารางอิสระภาพ
-การแลกเปลี่ยนความรู้ ผู้พร้อมให้กับผู้ใฝ่รู้ โดยใช้เวทีสัมมนาเชิงปฏิบัติการ (DW)
-บันทึกเรื่องเล่า
ในปี 2549 เมื่อรู้ว่าการจัดการความรู้ เป็นการนำความรู้ที่มีอยู่ในองค์กรและนอกองค์กร เน้นความรู้จากการปฏิบัติมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พัฒนา และยกระดับความรู้เพื่อให้สามารถพัฒนางานที่ปฏิบัติหรือองค์กรสามารถดำเนินงานได้บรรลุเป้าหมายที่กำหนด กรมส่งเสริมการเกษตรได้เล็งเห็นความสำคัญของการจัดการความรู้เพื่อเป็นการพัฒนาคน พัฒนาองค์กร และนำไปสู่การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ จึงได้นำ KM ไปดำเนินการในโครงการพัฒนาสินค้าเกษตรที่ปลอดภัยและได้มาตราฐาน (food safety ) ซึ่งจังหวัดนครพนมก็ได้ดำเนินการการจัดการความรู้กับโครงการดังกล่าวลงไปถึงระดับเกษตรกร
แนวทางการดำเนินงาน
ในการดำเนินงานในปีที่ 2 ได้เน้นความสำคัญกับการกำหนดเป้าหมายและแผนการดำเนินงานมากขึ้นโดยมีขั้นตอนการดำเนินงานดังนี้
1. สร้างความเข้าใจคณะทำงาน KM และคณะกรรมการ Food Safety ทั้งระดับอำเภอ ระดับจังหวัด
2. ชี้แจงทำความเข้าใจแก่นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรทุกคน
3. กำหนดเป้าหมาย/กิจกรรม
3.1 ระดับเจ้าหน้าที่ทำ KM ทุกกิจกรรม ดังนี้
-จำแนกพื้นที่
-บูรณาการแผน
-ถ่ายทอดเทคโนโลยี
-สร้างเครือข่าย
-พัฒนาการตลาด
-สนับสนุนการทำงาน
-ประเมินผลโครงการ
3.2 ระดับเกษตรกร
-กิจกรรมถ่ายทอดเทคโนโลยี
4. จัดทำแผนการดำเนินงาน KM ให้ชัดเจนทุกระดับทั้งเจ้าหน้าที่และเกษตรกร
5. ดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้
ประเด็นแห่งความสำเร็จ
1. ผู้นำต้องให้ความสำคัญ
-เกษตรจังหวัด ให้ความสำคัญกับการใช้ KM เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงาน
-เกษตรอำเภอ เข้าใจและเห็นความสำคัญของ KM ว่าเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงาน
-การทำ KM ช่วยพัฒนาองค์กร ซึ่งทุกคนในองค์กรมีเป้าหมายร่วมกัน
2. ได้มีโอกาสแสดงความสามารถและศักยภาพให้ปรากฎ
-นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรมีเทคนิคการทำงานร่วมกับชุมชนมานานบางอย่างบางเรื่องดีมาก เช่น การโน้มน้าวให้เกษตรกรมีส่วนร่วม แต่ไม่มีโอกาสแสดงเมื่อมีการดำเนินงาน KM จึงได้มีโอกาสแสดงศักยภาพ
-หลายคนมีความเชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะ จะได้มีโอกาสแสดงศักยภาพให้ปรากฏ แล้วเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
3. บุคลากรได้รับการพัฒนาหลายด้าน เช่น
-การทำงานแบบมีส่วนร่วม ไม่รีบตัดสินใจด้วยตนเองให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมแล้ววิเคราะห์ประเด็นจึงสรุป
-เทคนิคการประชุมกับชาวบ้านต้องเน้นการมีส่วนร่วม
-เทคนิคการนำเสนอ ต้องมีการเตรียมการ เตรียมสื่อประกอบ
-ได้ศึกษาคลังความรู้จากบันทึกเรื่องเล่า
4. ได้พัฒนากระบวนการ (Process)
-เดิม เสนอปัญหาและแนวทางแก้ไขแล้วก็จบไป ไม่มีการทบทวนกระบวนการ ซึ่งปัจจุบันมีการทบทวนบทเรียนร่วมกัน ทำให้งานผิดพลาดน้อย
5. ได้ความรู้สึกที่ดีต่องาน
-มีทีมงานช่วย ไม่เดียวดาย ใครเก่งเรื่องใดก็ไปช่วยกัน
-ต้องการช่วยตามความสามารถ ความถนัด
ข้อคิดเห็นในการจัดการความรู้ให้ประสบความสำเร็จ
1. ต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้าใจ เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องเข้าใจ มิฉะนั้นจะถูกต่อต้านว่าเป็นการเพิ่มภาระงาน
2. ในการทำเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (KS) หากไม่มีการเตรียมแผนการสอน กระบวนการดำเนินการจะเกิดการเบื่อหน่าย จะไม่ยอมรับซึ่งกันและกัน (คุณอำนวย ต้องวางแผนและเตรียมการ)
3. การบันทึกเรื่องเล่า เทคนิคการปฏิบัติงานที่ประสบผลสำเร็จต้องนำมาบันทึกเป็นเรื่องเล่า ซึ่งเรื่องเล่าและบันทึกแนวทางปฏิบัติจะต้องนำมาเป็นคลังความรู้ต่อไป
4. แนวทางในการปรับปรุงการดำเนินงาน ควรให้ความสำคัญในสิ่งเหล่านี้
4.1 กำหนดแผนและขั้นตอนการปฏิบัติให้อำเภอรู้และเข้าใจตามขั้นตอนในการปฏิบัติงาน
4.2 ให้เจ้าหน้าที่บันทึกเรื่องเล่า วิธีการปฏิบัติ แล้วนำมารวบรวม วิเคราะห์ ประมวลผล เป็นคลังความรู้
4.3 ต้องพูดคุย ประชุม ทำความเข้าใจบ่อย ๆ เพื่อให้เกิดการรับรู้ และเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
4.4 ควรอบรมเทคนิคการสรุปประเด็นสำคัญในการบันทึกเรื่องเล่า เพราะเจ้าหน้าที่มักจะขาดประสบการณ์ในการจดบันทึก ทำให้การบันทึกไม่ตรงกับประเด็นสำคัญที่ปฏิบัติ
ทวี มาสขาว
หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์และสารสนเทศ
สำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนม
ขอขอบคุณท่าน ผอ.ธุวนันท์ และคุณเพชรตาปี ที่เป็นกำลังใจให้
นายทวี มาสขาว