บันทึกการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
การนำเสนอประสบการณ์จากการเปิดชั้นเรียนห้องภูมิปัญญาภาษาไทย ภาคเช้า
คุณครูปุ๊ก - จินตนา กฤตยากรนุพงศ์ นำเสนอ
คุณครูนัท – นันทกานต์ อัศวตั้งตระกูลดี พิธีกร
ในปีการศึกษา ๒๕๕๔ คุณครูปุ๊กเปิดชั้นเรียนระดับชั้น ๕ ในแผนการเรียนรู้กลบทโคลงประดิดเดกเหล้น และได้นำแผนที่เคยเปิดชั้นเรียนนั้นมาปรับพัฒนาต่อเพื่อใช้ในปีการศึกษา ๒๕๕๕ - ๒๕๕๖ ด้วย
กล่าวโดยสรุปแผนการเรียนรู้นี้ เริ่มจากการเรียนรู้ธรรมชาติของคำ และการเดินทางของคำซ้อนที่แสดงกิริยาอาการของสัตว์ แล้วนำคำเหล่านั้นมาแต่งให้เป็นกลโคลงประดิดเดกเหล้น (ดังรายละเอียดในบันทึกหมายเลข 474011, 474114, 474241,474445, 474446 ดังได้แสดงไว้ในบันทึกที่เกี่ยวข้องแล้ว)
การนำเสนอ
ช่วงแลกเปลี่ยนเรียนรู้
คุณครูนัท ปัจจุบันสอนนักเรียนชั้น ๖ ที่ผ่านการเรียนแผนนี้มาแล้ว ในตอนที่เรียนเรื่องรามเกียรติ์ได้ทำการตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนโดยให้แต่งบทสรรเสริญพระราม และให้เลือกได้ว่าจะเขียนเป็นร้อยแก้ว เป็นกาพย์ หรือเป็นโคลงก็ได้ พบว่าทุกคนเลือกแต่งโคลง สะท้อนว่าแผนการเรียนรู้นี้สามารถสร้างสมรรถนะในการเขียนคำประพันธ์ประเภทให้กับผู้เรียนได้จริง
คุณครูชนก สอนนักเรียนชั้น ๖ คู่กับครูนัท พบว่านักเรียนรุ่นนี้มีทักษะทางภาษาดีมาก พอให้แต่งบทประพันธ์ เด็กไม่มีอิดออด สามารถแต่งได้ และเลือกสรรคำได้ค่อนข้างมีระดับคำที่อยู่ในระนาบเดียวกัน เช่นเมื่อพูดถึงพราหมณ์ให้คำว่าบิดามารดา ไม่ใช้พ่อแม่ เป็นต้น ผู้เรียนสามารถใช้คำได้ดีมาก และมีความเป็นเอกภาพ เด็กประถมสามารถเขียนโคลง เขียนกาพย์กลอนได้ หมดยกเว้นฉันท์อย่างเดียว และเขียนอย่างมาได้อย่างที่อยากเขียนจริงๆ ไม่ได้เขียนเพราะโดนบังคับว่าให้เขียน
คุณครูใหม่ ตอนเป็นเด็กเราทุกคนโดนโครงสร้างลูกชิ้นกลมๆ เป็นตัวบังคับแรกเริ่ม แต่หลักการของเพลินพัฒนาจะเริ่มจากหน่วยย่อยที่สุดคือการรู้จักคำโดด คำคู่ แล้วจึงมาถึงช่อคำ ที่เกาะเกี่ยวกันไว้ในลักษณะต่างๆ เด็กจะรู้ว่าคำแบบไหนสวย คำไหนรวมกับคำไหนแล้วแสดงความหมายอย่างไร ถ้าเปลี่ยนตัวคำเสียงคำก็เปลี่ยน ความหมายก็เปลี่ยน
ชื่อของหน่วยวิชา “ภูมิปัญญาภาษาไทย” เป็นชื่อที่เตือนเราไว้ให้ย้อนนึกถึงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ และกลับไปหาทุนทางปัญญาที่เรามีอยู่ ครูในหน่วยวิชานี้จะได้กลับไปศึกษาเรียนรู้ทุนเหล่านั้น เพื่อนำกลับมาสอนเด็กให้เด็กเข้าถึงตัวคำและเชื่อมโยงถึงบรรพบุรุษ หากเรียนกันด้วยวิธีนี้เด็กจะเชื่อมโยงได้หมดทั้งเรื่องเก่าและเรื่องใหม่ และที่สำคัญคือกระบวนการเรียนรู้แบบนี้เป็นการสร้างชีวิตด้วยภาษา ในขณะเดียวกันก็ได้ช่วยสร้างชีวิตให้กับภาษาด้วย
คุณครูญา ตอนเห็นตัวอย่างงานเด็กที่มานำเสนอ และคุณครูนัทพูดถึงนักเรียนคนหนึ่งที่ครูญาจำได้ว่าเมื่อตอนเรียนอยู่ชั้น ๓ เขายังเขียนคำประพันธ์ พอได้เห็นพัฒนาการของเขาก็ชื่นใจ ได้เห็นว่ารากฐานที่คุณครูสร้างไว้ในช่วงชั้นที่ ๑ มาต่อยอดที่ช่วงชั้นที่ ๒ อย่างไร
คุณครูตั๊ก ดีใจที่ได้เห็นพัฒนาการของเด็ก พวกเขาไม่ใช่เพียงแค่ทำงานส่งครู เมื่อสองวันก่อนพ่อคนหนึ่งส่งไลน์ผลงานของลูกชายที่ทำให้แม่โกรธ และเขาได้เขียนขอโทษแม่เป็นกลอนแปด น้องผู้หญิงอีกคนหนึ่งเขียนอวยพรวันเกิดพี่ชายเป็นบทกลอน ทำให้ครูตั๊กรู้สึกได้ว่าเรากำลังสร้างการเรียนรู้ภาษาให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ภาษาสร้างชีวิตให้มีคุณภาพ
คุณครูเปิ้ล สอนวิชา ESL อดไม่ได้ต้องลุกขึ้นมาชื่นชม ESL ก็เป็นภาษาและคิดมาตลอดว่าภาษาอังกฤษเรียนง่ายกว่าไทยมาก เพราะที่เคยเรียนมายากมาก ตอนที่มาอยู่ที่เพลินจึงได้เห็นว่าครูไทยทำอะไรบ้าง พอมาเห็นกลอนวันนี้ที่เด็กแต่งรู้สึกทึ่งมาก และได้รู้วิธีการของครูว่าครูดึงศักยภาพเด็กขึ้นมาได้อย่างไร
คุณครูปาด การศึกษาเรื่องสมองระบุเอาไว้ชัดว่า เมื่อสมองสามารถทำอะไรได้เรื่องหนึ่งแล้วก็จะ สามารถเชื่อมโยงสู่อีกเรื่องหนึ่งได้เอง ในมุมของ ESL ก็มีความเป็นไปได้ที่เด็กจะลองเขียนงานให้มีคำสัมผัสเสียงดู
ผลงานการเขียนคำกลอนวันฮาโลวีนของนักเรียนชั้น ๓ หน่วยวิชา ESL ระดับชั้น ๓ เมื่อวันที่ ๓๑ ต.ค.๕๖
ไม่มีความเห็น