ไปเดินออกกำลังกายแล้วก็คิดว่า เอ๊ะทำไมไม่เดินไปเรื่อยๆ นะ ทุกวันนี้ไปเดินและอยู่กับตัวเอง ก็ยังเดินเป็นรูปแบบ วงกลมตามรูปสนามบอลบ้าง ตามลักษณะของทางเดินในสวนสุขภาพบ้าง เดินก็ตามๆกันไม่ค่อยเดินสวนทางคนอื่น การเดินของชีวิตก็เหมือนกันทุกครั้งก็กลายเป็นมีรูปแบบและมีเป้าหมายไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
ถ้าจะลองให้ชีวิตเดินไปเรื่อยๆ ไม่ต้องตั้งจุดปลายทาง ไม่ต้องตั้งเป้าหมาย ไม่ต้องตั้งรูปแบบแน่นมาก เอาพอให้ได้หลักการ เหมือนอย่างการเดินก็หลักการคือเดิน ไม่ต้องไปเดินตามใคร ไม่ต้องเคร่งเครียดกับเป้าหมาย แต่ผ่อนให้ชีวิตตัวเองได้ชื่นชมผู้คนรายทางบ้าง ออกนอกเส้นทางบ้าง จะได้อารมณ์แบบไหนนะ...
ได้อารมณ์อิสระ เสรีทางความคิด...เวลาเจ้าชาย
สิทธัตถะเดินทางภายในโดยอิสระ...แม้แต่ปัญจวัคคีย์ก็หลีกทางให้...คงมีแต่พระพุทธองค์เดียวเท่านั้นที่ท่องเที่ยวไป...
ขอบคุณครับ...
อารมณ์อิสระ...ขอบคุณค่ะท่านอาจารย์ umi
สนใจเรื่องการเดินของพระพุทธองค์ค่ะ...อาจารย์กรุณาอธิบายให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ
ช่วงหลัง ผมสังเกตบันทึกของอาจารย์จันทรัตน์จะตกผลึก คือ มีปรัชญา ซ่อนไว้
วิถีอาจารย์ดูเรียบง่ายมีความสุขดีจังครับ
คุณจตุพรคะ
ชีวิตยังกิเลสมาก และยังยุ่งเหยิงกับการเดินทางภายในตนค่ะ...
เคยสรุปกับตัวเองเมื่อนานมาแล้วว่า การเรียนรู้สองทางที่มักสวนทาง ในวงการศึกษาปัจจุบัน คือทางหนึ่งสร้างจากการเรียนทฤษฎีที่มีในโลก เพื่อนำมาสู่การปฏิบัติ ทางหนึ่งสร้างจากประสบการณ์จนเกิดความเชื่อมโยงสร้างทฤษฎี แต่ตอนนี้เพิ่มความคิดเข้าไปใหม่ว่า ทั้งสองทางนั้นก็ยังอยู่กับกรอบ กรอบคือขั้นตอนการสร้างทฤษฎี ที่อิงหลักวิทยาศาสตร์ยุคก่อน..จุดที่จะนำสู่การสร้างทฤษฎีที่สมดุล น่าจะเป็นการหาแกนร่วมของทั้งสามแกนนี้ค่ะ...และตัวเองกำลังเดินกับความยุ่งเหยิงภายในความคิดนี้อยู่ค่ะ
คุณเมตตาคะ
ดิฉันเป็นคนอยู่ในกรอบมาตลอดชีวิต..ไม่ว่าด้วยอาชีพการงาน ด้วยชีวิตครอบครัว....และก็ยังไม่กล้าที่จะเดินออกนอกกรอบที่ไม่เห็นเส้น เนี่ยค่ะ
แต่ยอมรับว่า ความคิดหลุดออกไปนอกกรอบแล้วบ้าง..แต่ก็เพียงเริ่มต้นนั่งคิด...ปฏิบัติยังตามไม่ทันค่ะ