งานทุกงานมีจุดเสี่ยงที่ผู้ปฏิบัติต้องระมัดระวัง ควบคุมให้เกิดน้อยที่สุด สำหรับงานฝึกอบรมแล้ว "วิทยากร" ถือเป็นความเสียงลำดับต้นๆที่เราต้องให้ความสำคัญ เพราะนั่นคือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้งานฝึกอบรมที่เราลงทุนนั้น สำเร็จหรือไม่สำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ หลายครั้งที่ดิฉันได้รับคำบอกจากผู้ใหญ่ให้จัดหลักสูตร "เนื่องจากเป็นนโยบาย......" หลักสูตรที่ส่งเสริมนโยบายเป็นความชอบธรรมที่จะต้องจัดอยู่แล้ว เราจะดำเนินการค่ะ ขอวัตถุประสงค์ชัดๆ อีกนิดอยากได้อะไร เกิดอะไรจากการอบรมครั้งนี้ถามกันจนชัดเจน จึงรับมาทำ แต่เรื่องที่ดิฉันจะเล่านี้เป็นเรื่องล่าสุดที่ดิฉันประสบและกลายเป็นแรงดลใจให้ดิฉันค้นพบว่าดิฉันจะเขียนถ่ายทอดแลกเปลี่ยนแง่มุมงานของดิฉันจากประสบการณ์โดยตรง
วันหนึ่งดิฉันได้รับคำสั่งจากนายระดับสูงให้เชิญวิทยากรตามระบุมาช่วยมหาวิทยาลัยเขาเป็น..........ยินดีมาช่วยงานพัฒนาบุคลากรของเรา คุณช่วยดำเนินการต่อด้วย ทันทีดิฉันรับคำนายดิฉันลืมเรื่องการคัดกรองวิทยากรของเราไปเสียสนิท..ประกอบกับบังเอิญเป็นประเด็นที่เรากำลังเป็นจุดอ่อน ประเด็น "การสื่อสารในองค์กร" ทีมงานได้รับการมอบหมายงาน มีการเตียมดำเนินการตามปกติ..แล้ววันจัดก็มาถึง เกิดอะไรขึ้น"วิทยากรพูดไม่ตรงประเด็น...เลยค่ะวนอ่าวโน้นอ่าวนี้ไปซะไกลไม่เข้าเทียบท่าซะที ..ทำไง.....เพิ่งผ่านไปชั่วโมงเดียว ดิฉันเห็นแววตาของลูกค้าของดิฉันรู้สึกสงสารสุดหัวใจไม่น่าจะให้อภัยตัวเองเลย นี่เป็นความบกพร่องชัดแจ้งไม่ต้องโทษใครเราข้ามขั้นตอนการตรวจเช็ควิทยากรก่อนเชิญ จนมาสร้างความทุกข์ให้ลูกค้าของเราเหตุการณ์นี้ในความเป็นดิฉันแล้ว...นั่งไม่ติดเรียกว่าเก้าอี้ร้อน..พักอาหารว่างดิฉันคุยกับวิทยากรค่ะคุยกับท่านว่า.......เราน่าจะปรับแต่ท่านมั่นใจมากไม่ยอมตามเราทีนี้งานยาก..แล้วค่ะเจ้าหน้าที่ฝึกอบรมอย่างเราจะทำยังไง..."เทคนิคตั้งคำถาม...นำเข้าประเด็นมากขึ้น...โดยทำตัวเป็นหน้าม้าเอง" ครึ่งวันผ่านไป...ยังไม่กลับมาตามเนื้อหาที่ต้องการ...ทำไง จะปล่อยเลยตามเลยให้ผู้เข้าอบรมของเราทนจนจบ..เหลืออีก 3 ชั่วโมงเองไม่น่าจะปล่อยดิฉันทำอย่างนี้จริงๆค่ะอาจดูเสียมารยาท" อาจารย์คะหนูขออนุญาติให้ความเห็นนะคะปรับเปลี่ยนวิธีการนิดนึงดีมั๊ยคะ เมื่อเช้าหนูได้ยินเสียงสะท้อนว่าไม่ได้พูดเลยเขาไม่ชินกับการนั่งฟังอย่างเดียวหลายชั่วโมง มีเสียงบ่นมา "เราคงต้องปรับกันนิดนะคะ หนูเสนอขอแบ่งกลุ่มคุยกันเรื่องที่อาจารย์สอนแล้วอาจารย์ขมวดท้ายดีมั๊ยคะ ...ได้ผลแฮะ...ตอนบ่ายเราเลยได้ใช้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางมากขึ้น...งานนี้บังเอิญวิทยากรยอมแต่ใช่ว่าจะโชคดีทุกครั้งไป ทางที่ดีควรจริงจังให้ความสำคัญกับการคัดเลือกวิทยากรทุกครั้งแทนการทำตามนายสั่งแสดงความกล้าหาญที่จะถามกลับกับผู้สั่งว่า..."ท่านการันตีวิทยากรนะคะ"..อาจดูเหมือนเสียมารยาทกับเจ้านายแต่เชื่อเถอะ เราต้องยืนยันความชำนาญในอาชีพของเราแสดงให้รู้ว่าเป็นการบริหารความเสี่ยง..ในงานของเราใครก็ต้องเข้าใจ... นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเราควรปฏิบัติตามขั้นตอน มาตรฐานงานที่วางไว้ทุกกรณีไม่ยกเว้น..แม้เป็นงานสั่งตรงจากผู้ใหญ่
ครับ หัวใจการอบรมอยู่ที่วิทยากรจริง ๆ และวิทยากรควรสอดคล้องกับแนวงานเราด้วยนะครับ วิทยากรหลายท่านไปบรรยายเรื่องสุข ๆ กลับกลายเป็นเรื่องทุกข์ ๆ เคลียด ๆ
แต่นายเราบางท่านมักสั่งเราเชิญวิทยากรที่ท่านเลือกแล้ว เราได้แค่ประสานไม่มีโอกาสเลือก วิทยากรที่ท่านเลือกคือท่านรู้จักกัน ไม่ได้คิดถึงคนฟังเลยว่าจะได้อะไร
เป็นกำลังสู่อีกครับ ผิดถูกไม่ลงมือก็ไม่รู้
คุณเมตตาโชคดีนะคะ ที่มีผู้บริหารที่ยอมให้เราเสนอความเห็น และยอมรับฟังความคิดเห็นของเรา
เป็นการทำงานที่เป็นมืออาชีพมาก แลกล้าหาญมีความมุ่งมั่นในสิ่งที่ตนเองรับผิดชอบ ขอชื่นชมครับ
ตามมาอ่าน เคยเจอการอบรมสัมมนาหลายครั้ง เชิญวิทยากรไม่เหมาะสม แค่อึดอัด เครียดก็ยังดี บางครั้งช่วงซักถามถึงกับเกิดอาการวงแตก
ขออนุญาตแสดงความเห็น ความจริงทุกเรื่องก็มีผลต่อการอบรมสัมมนา ทั้งรูปแบบวิธีการ สถานที่ วิทยากร ฯลฯ ตอนหลังให้ความสำคัญกับการคัดเลือกผู้เข้ารับการอบรมมากพอๆกับการเลือกวิทยากรครับ
เข้าใจบรรยากาศเลยค่ะ เพราะอยู่ในวงการฝึกอบรม เข้าใจผู้ฟังค่ะ
เข้าใจคนจัด แก้ปัญหาได้ดีมาก การเรียนรู้ก็เกิดขึ้นหน้างานนี่ล่ะครับ
ขอบคุณมากค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
เห็นด้วยกับคุณเมตตาอย่างยิ่งครับ ผมเคยมีประสบการณ์แบบคุณเมตตาครับตอนผมอยู่ฝ่ายฝึกอบรม ซึงเหมือนกันตรงที่วิทยากรไม่ยอมปรับเปลี่ยน ส่วนใหญ่ผู้จัดจะมาอแค่การคัดเลือกวิทยากร (ซึ่งก็สำคัญ) แต่ผมจะพูดในมุมมองวิทยากรบ้าง
จนตอนนี้มาเป็นวิทยากรเอง ผมของแสดงความคิดเห็นเรื่องการจัดสัมมนาฝึกอบรม ผู้จัดสัมมนาควรให้ความสำคัญทุกด้านทั้ง
ด้านวิทยากร (หลักสูตรต้องตรงกับความต้องการของผู้จัด และที่สำคัญผู้จัดต้องบอกถึงปัญหาที่เกิดขึ้นให้กับวิทยากรทราบ จะได้สร้างหลักสูตรให้ตรงกับความต้องการ)
ด้านสถานที่ต้องเหมาะ (เหมาะกับจำนวนคน , เหมาะกับหลักสูตรที่จัด , อุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ ต้องพร้อม โดยเฉพาะเครื่องเสียง เจอบ่อยมาก ไม่มีเครื่องเสียงใช้ไมด์ตะโกน (ซึ่งทำให้คอนโทลคนยากเสียงหนักเบาในการบรรยายไม่ตื่นเต้นเร้าใจ) บางครั้ง ห้องจุได้30 แต่ให้เบียดเข้า 50 (กะให้คุ้ม)แต่ความเป็นจริงแล้วคิดผิดไม่คุ้ม เพราะจะทำกิจกรรมระดมสมองไม่ได้เลย แทนที่จะได้ความรู้เต็มที่ แต่ได้ไปนิดหน่อย)
ด้านผู้เข้าร่วมนี่ก็มีปัญหา ความพร้อมของผู้สัมมนาบางครั้งเหมือนถูกบังคับมา บางครั้งจำนวนน้อยเกินไป เยอะเกินไปบ้าง บางครั้งจัดคละรวมทุกระดับอะไรทำนองนี้
โดยสรุปร่วม ๆ ต้องให้ความสำคัญในทุกด้านของงานฝึกอบรมเพราะเป็นงานพัฒนาบุคลากรเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์
แต่การเป็นวิทยากรที่ดีต้องสามารถปรับตัวได้ตลอดเวลา(ปรับเปลี่ยนวิธีการสอนให้เหมาะกับผู้สัมมนาในแต่ละกลุ่ม)