อ่านหนังสือกันดีกว่า


หนังสือคือแสงสว่าง เปิดทางให้เราเดินเผชิญโลก

ช่วง สองสามวันมานี้ ผมบ้าอ่านหนังสือ แต่ก็ไม่ลืมที่จะทานข้าวและพักผ่อนตามกำลัง นั้นหมายความว่า ง่วงก็นอน หิวก็หิว เหนื่อยก็พัก ไม่กินเกินหิว ไม่นอนเกินง่วง ที่ศาสนาสิกข์สอนเอาไว้ มันก็คือการนำความเอาความรู้ในศาสนาสิกข์มาจัดการตัวเองนั่นแหละ

ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมผมถึงอ่านหนังสือขนาดนี้ หรือว่ามีเป้าหมายอะไรแอบแฝง ซ่อนเร้นไว้ ทำให้ผมคิดว่า เด็กทุกวันนี้ไม่ชอบที่จะอ่านหนังสือ และหาคำตอบได้ว่า เพราะเขาไม่รู้ว่าจะอ่านไปทำไม หนังสือไม่ได้ช่วยอะไรเขาได้เลย จริงๆ แล้วมันช่วยได้หรือเปล่า ผมสังเกตว่า คนที่อ่านหนังสือมามาก มักจะเป็นคนที่มีความรู้มาก แต่ความรู้เหล่านั้นถ้าไม่ลงมือปฏิบัติเหมือนกับการจัดการความรู้ก็จะเป็นความรู้ที่เป็นความรู้อย่างเดียวกระมัง อย่างไรเสีย ความรู้ที่อยู่ในหนังสือก็คือความรู้ที่ผ่านกระบวนการปฏิบัติแล้วจากนั้นจึงเก็บความรู้นั้นประมวลเป็นความรู้ในหนังสือ

หนังสืออะไรบ้างที่ผมอ่าน ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าปรัชญาพุทธศาสนา ปรัชญาคริสต์ ปรัชญาอิสลาม ปรัชญาฮินดู การอ่านนั้นทำให้เราได้ประโยชน์อย่างน้อย ๔ ประการคือ ๑) ได้ความรู้ใหม่ ๒) ทบทวนความรู้เก่า ๓) ทำความรู้เก่าที่ไม่เข้าใจให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น ๔) ส่งเสริมปัญญา ดังนั้น ในหนังสือ ๑ เล่ม ไม่ควรอ่านเพียงรอบเดียว หากเราอ่านหลายรอบ ความคิดของเราก็จะเหมือนและไม่เหมือนกับทุกๆ รอบที่อ่าน นั้นแสดงว่า ระหว่างการอ่านหนังสือ จะมีช่องว่างอันหนึ่งที่เราอ่านผ่านไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่เมื่ออ่านอีก อ่านอีกจะพบว่า ตรงที่เราไมได้คิดอะไรนั้น จะมีอะไรบางอย่างให้คิดอยู่เสมอ

มาอ่านหนังสือกันเถิดพวกเรา แต่อย่าเมาหนังสือ

คำสำคัญ (Tags): #ชีวิตคือดอกไม้
หมายเลขบันทึก: 55215เขียนเมื่อ 20 ตุลาคม 2006 09:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 ตุลาคม 2015 10:39 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อ่านหนังสือเตรียมสอบดีกว่าไหม จะได้มาเป็นลูกช้าง (เด็ก ม.เชียงใหม่)ด้วยกัน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท