เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ระหว่างที่ผมนั่งอยู่บนรถโดยสารเพื่อเดินทางจากรุงเทพฯ กลับมายังบ้านที่อำเภอคลองลาน
ระหว่างที่รถวิ่งมาถึงบริเวณแยกเข้าจังหวัดอุทัยธานี ผมก็รู้สึกอึดอัดและแน่นท้องมาก ๆ เพราะตอนนั้นผมกำลังประสบกับสภาวะ "เรอไม่ออก"
ตอนนั้นผมรู้สึกอึดอัดมาก ๆ แน่นท้องและเจ็บหน้าอก โดยไม่รู้เลยว่าเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร เพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ประสบกับสภาวะแบบนี้ ตอนนั้นก็เพิ่งได้รู้ว่าแค่เรื่อง "การเรอ" มันสำคัญกับชีวิตของเรามากถึงขนาดนี้
แต่ก็โชคดีอยู่หน่อยหนึ่ง เพราะอีกไม่กี่อึดใจ (ประมาณ 30 นาที) รถก็ได้ค่อย ๆ วิ่งผ่านน้ำที่ท่วมทางบริเวณจังหวัดอุทัยธานีมาถึงท่ารถซึ่งเป็นที่จอดแวะทานข้าวระหว่างการเดินทาง ผมจึงได้มีโอกาสลงไปเข้าห้องน้ำและพยายาที่จะทำให้ร่างกายเรอออกมาให้ได้ และก็ประสบความสำเร็จ
ตอนนั้นรู้สึกโล่งมาก ๆ
แต่พออีกไม่นาน ก็เป็นอย่างเดิมอีก
เรอไม่ออกเหมือนเดิม แต่คราวนี้ขึ้นมาบนรถแล้วไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ต้องทนนั่งอึดอัดแบบนั้นเกือบ ๆ 3 ชั่วโมง ตอนนั้นมีความรู้สึกถึงเลยว่า "คนใกล้จะตายเป็นอย่างไร"
จนกระทั่งรถวิ่งมาถึงที่บ้าน (ประมาณ 23.30 น.) ก็ต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำและพยายามที่จะเรอออกมาให้ได้เป็นผลสำเร็จ
แต่เรื่องที่เหลือเชื่อมาก ๆ เกิดขึ้นในช่วงสาย ๆ ของวันรุ่งขึ้น...
เมื่อผมทานข้าวเช้าเสร็จและเดินมาคุยกับแม่ที่หลังบ้านอยู่ดี ๆ แม่ก็พูดขึ้นมาว่า "นึกว่าจะไม่ได้เห็นหน้าลูกชายซะแล้ว"
ผมก็เลยถามว่า แม่เป็นอะไรเหรอ...?
แม่บอกว่า ตอนบ่าย ๆ แม่รู้สึกแน่นท้องมาก ๆ เจ็บหน้าอก แล้วก็เสียวไปจนถึงขา จะพูดก็พูดไม่ออก จะเรียกน้องสาวที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็ไม่ได้ อึดอัดมาก ๆ และแม่ก็พูดออกมาว่า "รู้เลยว่าคนใกล้จะตายเป็นอย่างไร"
สิ่งเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นผมก็ไม่สามารถอธิบายได้ครับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำไมแม่กับผมถึงรู้สึกเหมือน ๆ กันในวันเดียวกัน ซึ่งเป็นสภาวะที่คล้ายกันมาก ๆ
แต่สิ่งที่ผมคิดในใจตอนนี้ก็คือ ในวันนั้นผมคงจะแบ่งเอาภาระความเจ็บปวดและความอึดอัดจากแม่มาได้บ้างไม่มากก็น้อย ไม่งั้นแม่อาจจะมีอาการหนักกว่านี้
ในช่วงชีวิตเดือนกว่า ๆ นี้ เป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขมาก ๆ ได้สัมผัสและอยู่ใกล้ ๆ กับแม่มาก ๆ พวกเราร่วมกันทำกับข้าวกันทุกวัน ทั้งกับข้าวทั้งขนม โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้น้องสาวของผมปิดเทอมมาอยู่บ้าน ในระหว่างทำกิจกรรมในครอบครัวร่วมกันแม่และพ่อก็จะมีเรื่องเล่าในอดีตต่าง ๆ มาเล่าให้พวกเราฟังอยู่เสมอ ๆ
และเหตุการณ์ครั้งนี้ที่ทำให้เราแม่และลูก "เกือบเอาชีวิตไม่รอด" คงเป็นเหตุการณ์ที่ผมและแม่จะเก็บไว้ในความทรงจำตลอดไป...
ถ้าจะพูดในแง่ของการส่งเสริมสุขภาพแล้วละก็ คงจะต้องให้ความใส่ใจเรื่องสุขภาพกันดีกว่านะคะ
คงไม่ใช่แค่กินยา และรู้โรคเท่านั้น ... แต่เป็นเรื่องของชนิด ปริมาณของอาหารที่รับประทาน เรื่องการออกกำลังกาย การบริหารอวัยวะทุกส่วน ... ซึ่งเหล่านี้ มีเยอะแยะหลายตำราเลยค่ะ ที่จะให้เรียนรู้ได้
ชื่นใจ กับคุณแม่ และคุณลูกด้วยค่ะ ที่ได้อยู่ใกล้ชิดกันมาก มาก เลย