สวัสดีครับชาว Blog..
วันนี้เป็นวันแรกที่สารคดีสั้น ชุด เศรษฐกิจพอเพียงกับโลกาภิวัตน์ จะแพร่ภาพออกอากาศทาง ช่อง 11 รายการนี้น่าสนใจเพราะไม่ได้พูดถึงแต่เพียงหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงของเราเท่านั้น แต่ได้เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของการใช้เศรษฐกิจพอเพียงกับการดำรงชีวิตในยุคโลกาภิวัตน์ว่าเป็นเครื่องช่วยให้เราอยู่รอดได้อย่างยั่งยืนในยุคโลกาภิวัตน์ สารคดีชุดนี้มีทั้งหมด 40 ตอน แบ่งเป็น 3 ชุด ประกอบด้วย
1. ชุด รู้จริงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง จำนวน 14 ตอน
2. ชุด รู้ทันโลกาภิวัตน์ จำนวน 10 ตอน
3. ชุด เศรษฐกิจพอเพียงกับโลกาภิวัตน์ จำนวน 16 ตอน
รายการนี้จะออกอากาศเป็นประจำทุกวันจันทร์ ถึง ศุกร์ ทาง สทท. 11 เวลาประมาณ 22.40 -22.45 น. (อยู่ในรายการมุมใหม่ไทยแลนด์) โดยจะเริ่มออกอากาศครั้งแรกวันที่ 19 ตุลาคม 2549 เป็นต้นไป
หวังว่าหลาย ๆ ท่านจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่หากติดตามชมรายการนี้อย่างต่อเนื่อง และหากจะกรุณาร่วมแสดงความคิดเห็นมาที่ Blog นี้ก็จะช่วยสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ร่วมกันขยายผลไปสู่สาธารณชนในวงกว้างต่อไป
และวันนี้สำหรับ 10 ท่านแรกที่ร่วมแสดงความคิดเห็นที่นี่ ผมจะมอบหนังสือ ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ เวอร์ชั่น 2: 2 พลังความคิดชีวิตและงานของคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ และ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ให้เป็นรางวัลครับ
........................................................
ภาพบรรยากาศการบันทึกเทปสัมภาษณ์สดเปิดตัวสารคดีฯ ทางรายการมุมใหม่ไทยแลนด์ ณ สทท.11 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม 2549 ได้รับเกียรติจาก ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง, ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน), ดร.ปรียานุช พิบูลย์สราวุธ หัวหน้าโครงการวิจัยเศรษฐกิจพอเพียง สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ร่วมเป็นแขกรับเชิญในรายการฯ
สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ และท่านผู้อ่านทุกท่าน
เมื่อคืนนี้ เวลาประมาณ 19.30 น. ผมได้ใช้คอมพิวเตอร์ที่บ้าน ใช้ Internet เข้าไปในเว็ป ของ สถานีวิทยุ 96.5 ฟังรายการวิทยุ คลื่น FM. 96.5 เวทีความคิด คลื่นความคิด Modern Radio ฟังไปในขณะเดียวกันก็ใช้ คอมฯ บันทึกข้อมูลที่ ศ.ดร.จีระ สนทนาในรายการ
ได้ฟัง ศ.ดร.จีระ พูดในรายการ ฟังดูแล้ว อาจารย์มีความคิดหลากหลาย มานำเสนอในรายการ เหมื่อนคลื่นในทะเล ไม่มีติดขัด สมกับใช้ชื่อว่า “คลื่นความคิด” ผมจดไม่ทันทุกประเด็น แต่คลื่นความคิดมา เล่าสู่ให้ท่านผู้อ่าน ได้ดังต่อไปนี้ครับ
อาจารย์พูดคุยถึงเรื่อง APEC พูดถึง จีน ไม่รับไต้หวัน เป็นประเทศ จีนเท่านั้นที่เป็นประเทศในกลุ่ม APEC มีประมาณ 21 ประเทศ ซึ่งใช้มหาสมุทรเข้ามาเป็นเกณฑ์ในการเอาประเทศต่าง ๆ เข้าร่วม โดยมีคณะทำงานด้านต่าง ๆ ในกลุ่ม APEC อาจารย์รับหน้าที่กลุ่ม HR ต้องเป็นผู้ประสานที่ดี วาระ 2 ปีครึ่ง สิ้นสุด สิ้นปีนี้
คุณวิสุทธ์ ผู้ดำเนินรายการ ถามว่า “คนไทยได้ประโยชน์อะไร”
อาจารย์ตอบว่า จากการที่อาจารย์ ได้เป็นประธาน HR.APEC ได้ประโยชน์ในการพิจารณาอนุมัติและทำงานร่วมกับประเทศในกลุ่ม APEC การอนุมัติโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการ การเรียน คณิตศาสตร์ร่วมกับประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างเช่น ญี่ปุ่น อเมริกา ไทยร่วมมือกัน ขณะนี้อยู่ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น
การเรียนการสอนเด็กในต่างประเทศเขาไม่สอนแบบเรา เวลาเขาสอนเด็กนักเรียน เขาจะดึงเอาความเป็นเลิศของเด็กออกมา เน้นให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ โครงการนี้ได้เงินมาช่วย 4 ถึง 5 ล้านบาท การเรียนคณิตศาสตร์ ในไทย ได้นำความรู้การเรียนคณิตศาสตร์แบบใหม่ มาช่วยพัฒนาครูและนักเรียนในไทย
โครงการต่อมา ด้านแรงงาน ได้โครงการพัฒนาภาษาอังกฤษ ให้กับธุรกิจ SMEs เข้ามา และทำร่วมกันกับประเทศในกลุ่มสมาชิก APECคุณวิสุทธ์ ถามว่า การที่พาคณะครูโรงเรียนมัธยมฯ ไปดูงานต่างประเทศที่เกาหลี ได้อะไรบ้าง
อาจารย์ตอบว่ารัฐบาลเกาหลี ได้ทำโครงการ Cyber education การเรียนโดยใช้ IT เข้ามาช่วย ซึ่งน่าสนใจ อาจารย์ได้พาคณะครูมัธยม ไปดูงานที่นั่น 32 ท่าน การเรียนการสอนในบ้านเรายังใช้ชอร์คกับทอร์ค อยู่ ซึ่งล่าสมัยกว่าเขา ครูในเกาหลี ได้รับการพัฒนาด้าน IT อย่างทั่วถึง แต่บ้านเรา ได้รับการพัฒนาเฉพาะโรงเรียนในเมืองที่พัฒนาแล้ว นโยบายต่างประเทศของเกาหลี นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาแล้ว เกาหลียังใช้นโยบายต่างประเทศให้เป็นประโยชน์ต่อการค้าระหว่างประเทศด้วย 40 ปีที่แล้ว เขาต้องพึ่งไทย เราเป็นพันธมิตรในสงครามเกาหลี เราส่งข้าวไปช่วย เขามองประเทศไทยวันนี้ ว่าเป็นประเทศที่เจริญเติบโต เป็นมิตรกับเขา คุณวิสุทธ์ ถามว่า ถ้าเกาหลีพูดถึงไทย เขาจะพูดถึงเรื่องอะไร อาจารย์ตอบว่า คนเกาหลีถ้าเขาพูดถึงประเทศไทยก็จะพูดถึงการท่องเที่ยว สองเมืองคือ ภูเก็ต สมุย นักกอล์ฟก็จะมาฝึกและเล่นกอล์ฟที่พัทยา หัวหิน คนเล่นกอล์ฟใหม่ ๆ ในเกาหลี ก็นิยมมาฝึกและเล่นกอล์ฟในไทย และยังนึกถึงเรื่องการลงทุนในไทย เช่น ซัมซุง ฯลฯ การที่เรามีโอกาสแลกเปลี่ยนนักเรียนและครูในโรงเรียนของไทยและเกาหลี จึงเป็นสิ่งที่ดีคนไทยไปเกาหลี ชอบไปซื้อของปลอม เกาหลีทำของปลอมได้เก่ง ที่สุดในโลก คุณวิสุทธ์ ถามว่า เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง จากเกาหลี อาจารย์ตอบว่าคนเกาหลี ดี เป็นคนมีวินัย สะอาด วัฒนธรรม การรักษาความสะอาด เป็นสังคมที่มีระเบียบวินัย เราเรียนรู้จากเขาได้ ในขณะเดียวกัน เกาหลีก็เรียนรู้จากเรา เรื่องความละเอียดอ่อน เรื่องของวัฒนธรรม วัฒนธรรมขายได้ ในการพัฒนากิจการที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ และบ้านเมือง เกาหลีจะให้รัฐบาลนำก่อน พอเข้มแข็งแล้ว ก็จะส่งให้เอกชนนำไปทำต่อ เกาหลี ดึงเอาคนเก่ง ๆ มาจากต่างประเทศ มาจัดตั้งองค์กร และพัฒนากิจกรรมต่าง ๆ ครู อาจารย์ที่ไปดูงานมา จะได้ข้อคิดอะไรบ้างอาจารย์ตอบว่าครู อาจารย์ที่ไปดูงานมา น่าจะทำได้สามเรื่อง · เซ็นสัญญากันในการเรียนรู้เทคโนโลยีสารสนเทศร่วมกัน· ทำให้ครูมีโลกทัศน์กว้าง · โรงเรียนยุคใหม่ เหมือนทฤษฎียุคใหม่ พึงตนเอง มุ่งมั่น เอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ในระบบราชการ การไปดูงานครั้งนี้ครูพึ่งพาตนเอง ทฤษฏี Mind Set ต้อง set ใหม่ ครูยุคใหม่ ต้องทำงานเป็นทีมข่วงที่สองของรายการ
คุณวิสุทธ์ เล่าให้ฟังถึงเรื่อง การมีหนี้สิน การไม่ดำเนินชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงของข้าราชการบางคน จากผลการสำรวจข้าราชการมีหนีสินเฉลี่ย ครอบครัวละ สี่แสนเก้าหมื่นกว่าบาท หนีจากการผ่อนรถ หนีจากเรื่องการศึกษา หนี้จากโครงการใหญ่ ๆ ในกระทรวงต่าง ๆ ในหลายกระทรวงกำลังทบทวนโครงการใหญ่ ๆ ว่ารายจ่ายแต่ละโครงการ มีโครงการใด ไม่อยู่ในแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง จากนั้น คุณวิสุทธ์ได้กลับมาสนทนากับอาจารย์ในช่วงที่สอง คุณวิสุทธ์ ถามว่า อาจารย์ไปเกาหลี มีคนถามถึงเศรษฐกิจพอเพียงหรือไม่อาจารย์ตอบว่า คนส่วนใหญ่ อาจจะเข้าใจว่าเศรษฐกิจพอเพียง คือไม่เจริญ ที่จริงไม่ใช่ ความจริงแล้ว ประเทศไทยเราเป็นประเทศเศรษฐกิจทุนิยม มานาน แต่เราผิดพลาด ในหลวงจึงสอนให้คนไทยคิด ไม่ประมาท เวลาเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงเร็ว ขอให้เราพึ่งตัวเอง เศรษฐกิจพอเพียง ไม่สกัดกั้นการเจริญเติบโต ในอดีตเราพึงพาต่างประเทศมากเกินไปเราจึงมีปัญหา เศรษฐกิจเรา เป็นการส่งออก แต่ควรเป็นการส่งออกแบบยั่งยืน เราต้องมีทุนทางปัญญา เราต้องมี R&D เศรษฐกิจพอเพียงจึงไม่ใช่แค่เรื่องการเกษตร เท่านั้น ถ้าเรารู้จักเชื่อมโยงกับโลกภายนอกอย่างค่อยเป็นค่อยไป อย่างยั่งยืน ก็จะเป็นประโยชน์ วันนี้ ที่ช่อง 11 เวลา สี่ทุ่ม 40 นาที เป็นรายการสด ปัญหาคือขณะนี้ คนเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง อย่างจริงจังมีน้อย คุณวิสุทธ์ แจ้งว่า มี Message จากท่านผู้ฟังถามมาว่า โครงกรร Mega Project การทำถนน หนทาง เป็นเศรษฐกิจพอเพียงหรือไม่ อาจารย์ตอบว่า แน่นอน ถ้าเราทำโดยการไปกู้เขามา โดยไม่แน่ใจว่าจะบริหารการเงิน เงื่อนไข ความคุ้มทุน ก็ไม่ใช่เป็นเศรษฐกิจพอเพียง แต่ถ้าเลือกทำถนนสายที่คุ้มทุนที่สุด และมีการบริหารความเสี่ยง ใช้ทรัพยากรที่เรามีอยู่มาทำได้ นั้นถือว่าเขาหลักเศรษฐกิจพอเพียงเรื่องการท่องเที่ยว อย่างชาดหาดที่สวยงามมีการดูแลสิงแวดล้อมให้ดี ค่อย ๆ พัฒนาบนพื้นฐานของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ดี การพัฒนาชาดหาดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเต็มไปด้วยบาร์เบียร์ เป็นแถบอย่างนี่ไม่ใช่เศรษฐกิจพอเพียง เพราะจะไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำลายวัฒนธรรม ประเพณีที่ดีไป
ส่วนรายการ "เศรษฐกิจพอเพียงกับโลกาภิวัฒน์" ทางชอง 11 ที่ ศ.ดร.จีระ ออกรายการสดเมื่อคืนนี้ ก็น่าสนใจ เป็นรายการที่เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นำมาบูรณการใช้ในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันและอนาคต
รายการได้แบ่งออกเป็นสามช่วง/ตอน คือ ช่วงแรก เป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง ช่วงที่สอง จะเป็นช่วงให้ความรู้เกี่ยวกับโลกาภิวัตน์ ช่วงสุดท้ายเป็นช่วงที่จะผสมผสาน บูรณาการ เชื่อมโยงเศรษฐกิจพอเพียงกับโลกาภิวัตน์เข้าด้วยกัน เพื่อให้ผู้ชมได้เข้าใจ และนำไปใช้ได้การเปิดรายการเป็นครั้งแรก นำโดย ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา และ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เป็นการกล่าวนำ เปิดตัวรายการ ว่าจะเริ่มต้น อย่างไร ดำเนินอย่างไร และจะจบอย่างไร
ผมจับประเด็นที่ ดร.จิรายุ ให้แนวคิดไว้ว่า ใครก็ตาม จะทำอะไรก็ตามที่ให้สอดคล้องกับแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ต้องคิดคำนึงถึง 3 เรื่อง คือ
เรื่อง ทำแบบพอประมาณ ทำด้วยความระมัดระวัง ประการต่อมา ต้องทำด้วยความรู้ รู้จริง ต้องแน่ใจว่า องค์ความรู้ที่จะนำมาใช้ปฏิบัตินั้น ปฏิบัติได้แน่ ได้ยั่งยืน ประการสุดท้าย ต้องทำด้วยความมุ่งมั่น ขยัน อดทน ซื่อสัตย์ สุจริต เอื้ออาทร เพื่อให้มีความก้าวหน้า มั่นคงอย่างสมดุล ฯ
ผมจับประเด็นที่ ศ.ดร.จีระพูดในรายการวันนี้ ว่า โลกาภิวัตน์มีทั้งโอกาส และภัยคุกคาม ในยุคโลกาภิวัตน์ถ้าเราดำเนินชีวิตอย่างประมาท เราอาจจะพบกับภัยคุกคามมากกว่าโอกาส การนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ จะทำให้เราพบกับโอกาส ก้าวหน้าอย่างมั่นคง และยั่งยืน ฯทางผู้ว่าการธนาคารกรุงไทย ได้พูดในรายการหลายประเด็นพอจับใจความได้ว่า การดำเนินชีวิต ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง มีทั้งขั้นพื้นฐาน และขั้นก้าวหน้า ขั้นพื้นฐาน คือ ดำเนินชิวิตอยู่บนความพอใช้ พอดี อยู่ได้ มีภูมิคุ้นกัน ฯ ส่วนขั้นกว้าหน้า คือ การพัฒนาชิวิต มาจากขั้นพื้นฐาน พัฒนากิจการ หรือกิจกรรม จนสามารถนำผลงาน ผลผลิต เข้าสู่ระบบตลาดได้ และค่อย ๆ ขยายไปสู่ตลาดโลก
โดยสรุป เศรษฐกิจพอเพียง ไม่ปฏิเสธ กระแสโลกาภิวัตน์ ไม่ปฏิเสธ ความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง แต่เศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต กิจกรรม ทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งครัวเรือน สังคม ประเทศชาติ ที่ มีหลักการ ที่จะนำไปสู่ความสุข ความยั่งยืน การรักษาธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ความก้าวหน้าอย่างมั่นคงและสมดุล เป็นต้น ข้อเสนอแนะในการจัดรายการนี้ ผมวิเคราะห์ดังนี้ครับ จุดแข็ง ของการจัดรายการนี้ 1. มีการจัดการที่เป็นระบบ มีการวางแผนการออกเป็นช่วง ๆ สามช่วง 2. มีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมดำเนินรายการ3. มีการนำสารคดี ภาพมาประกอบ4. วิทยากรพูดได้ดี มีสาร สั้นเข้าใจง่าย5. เป็นรายการที่เป็นคุณประโยชน์ต่อคนทุกระดับ จุดที่เป็นข้อสังเกต 1. เวลาของการออกอากาศ รายการดี ๆ อย่างนี้ มีประโยชน์กับประชาชนโดยส่วนร่วม และสอดคล้องกับปัญหาของชาติอยู่ขณะนี้ ควรออกอากาศ ในช่วงเวลาที่ เยาวชนไทย สามารถชมได้สะดวก เช่น ก่อนข่าวภาคค่ำ หรือหลังข่าวสองทุ่ม เป็นต้น2. สารคดีที่ใช้ เป็นภาพโลกาภิวัตน์ มีผู้คนใช้เทคโนโลยีทันสมัย ถ้าเป็นไปได้ ควรมีภาพนักเรียนมัธยม ครู ในโรงเรียนที่นำแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ มาเป็นภาพประกอบ ไม่เน้นภาพคนทำนา แต่เป็นภาพการดำเนินชีวิตบนแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ให้ผู้ชมได้เห็นภาพชัดยิ่งขึ้น ภาพต้องสอดคล้องกับคำบรรยาย ของวิทยากร ของผู้ดำเนินรายการ ผู้ร่วมอภิปรายให้มากขึ้น3. การมีส่วนร่วมของผู้ชมรายการ ในการแสดงความคิดเห็น ในจอทีวี ขึ้นว่า แสดงความคิดเห็นได้ที่ โทร. 02-7544225 อาจารย์ควรเพิ่มช่องทางการแสดงความคิดเห็น ได้จากทางโทรศัพท์ เบอร์อื่น ด้วยเพื่อสะดวกที่จะโทรเข้ามา ให้แสดงความคิดเห็นผ่าน Blog Chira Acadamy หรือทาง Email Address และมีสิ่งจูงใจ ผู้ฟังที่ร่วมแสดงความคิดเห็นจะได้รับเสื้อนาโนสีเหลือง ฉลองพระชนม์มายุ 80 พรรษา หรือทรงครองราชย์ 60 ปี หรือได้รับหนังสือ ด้วยสำหรับ ผู้ชมรายการที่มีส่วนร่วม 10 ท่านแรก ในทุกช่องทางของสื่อที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม อาจารย์จะได้วัดความสนใจของผู้ชมด้วยว่าถนัดที่จะมีส่วนร่วมโดยใช้สื่ออะไร และสื่อทาง Blog ก็จะเป็นประโยชน์ สามารถนำข้อความมาศึกษา ได้ด้วย 4. รูปแบบการจัดรายการ ผมดูเพียงครั้งแรก มีข้อมูลไม่มากพอที่จะเสนอแนะได้เต็มที่ อย่างไรก็ตาม จากการดูรายการครั้งแรก เห็นว่า ทางรายการยังสามารถจัดให้ดีกว่านี้ได้ โดยการศึกษารายการเด่น ๆ ที่มีอยู่ในทีวีบ้านเรา รายการที่มีผู้ชมสนใจ ว่ามีจุดแข็งอะไร อาจจะนำมาบูรณาการประยุกต์ใช้พัฒนาทำรายการให้ดีขึ้น ครับ และศึกษาจุดอ่อนแต่ละรายการที่คล้าย ๆ กัน แล้วนำมาเป็นจุดแข็งในการรายการนี้ ก็จะเกิดประโยชน์สูงสุด 5. รายการนี้ดี ควรทำเป็น VCD เผยแพร่ ใช้ประกอบการเรียนการสอน ในวิชาเศรษฐกิจพอเพียง รัฐควรเข้ามาช่วยสนับสนุนรายการ ร่วมมือกัน เพื่อชาติของเรา ในช่วงเวลาที่จำกัด เช้านี้ ผมขอเสนอแนะเพียงเท่านี้ก่อน หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทางรายการ กับท่านผู้อ่านทุกท่าน สวัสดีครับยมสวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ และท่านผู้อ่านทุกท่าน
เมื่อคืนนี้ เวลาประมาณ 19.30 น. ผมได้ใช้คอมพิวเตอร์ที่บ้าน ใช้ Internet เข้าไปในเว็ป ของ สถานีวิทยุ 96.5 ฟังรายการวิทยุ คลื่น FM. 96.5 เวทีความคิด คลื่นความคิด Modern Radio ฟังไปในขณะเดียวกันก็ใช้ คอมฯ บันทึกข้อมูลที่ ศ.ดร.จีระ สนทนาในรายการ
ได้ฟัง ศ.ดร.จีระ พูดในรายการ ฟังดูแล้ว อาจารย์มีความคิดหลากหลาย มานำเสนอในรายการ เหมื่อนคลื่นในทะเล ไม่มีติดขัด สมกับใช้ชื่อว่า “คลื่นความคิด” ผมจดไม่ทันทุกประเด็น แต่คลื่นความคิดมา เล่าสู่ให้ท่านผู้อ่าน ได้ดังต่อไปนี้ครับ
อาจารย์พูดคุยถึงเรื่อง APEC พูดถึง จีน ไม่รับไต้หวัน เป็นประเทศ จีนเท่านั้นที่เป็นประเทศในกลุ่ม APEC มีประมาณ 21 ประเทศ ซึ่งใช้มหาสมุทรเข้ามาเป็นเกณฑ์ในการเอาประเทศต่าง ๆ เข้าร่วม โดยมีคณะทำงานด้านต่าง ๆ ในกลุ่ม APEC อาจารย์รับหน้าที่กลุ่ม HR ต้องเป็นผู้ประสานที่ดี วาระ 2 ปีครึ่ง สิ้นสุด สิ้นปีนี้
คุณวิสุทธ์ ผู้ดำเนินรายการ ถามว่า “คนไทยได้ประโยชน์อะไร”
อาจารย์ตอบว่า จากการที่อาจารย์ ได้เป็นประธาน HR.APEC ได้ประโยชน์ในการพิจารณาอนุมัติและทำงานร่วมกับประเทศในกลุ่ม APEC การอนุมัติโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการ การเรียน คณิตศาสตร์ร่วมกับประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างเช่น ญี่ปุ่น อเมริกา ไทยร่วมมือกัน ขณะนี้อยู่ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น
การเรียนการสอนเด็กในต่างประเทศเขาไม่สอนแบบเรา เวลาเขาสอนเด็กนักเรียน เขาจะดึงเอาความเป็นเลิศของเด็กออกมา เน้นให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ โครงการนี้ได้เงินมาช่วย 4 ถึง 5 ล้านบาท การเรียนคณิตศาสตร์ ในไทย ได้นำความรู้การเรียนคณิตศาสตร์แบบใหม่ มาช่วยพัฒนาครูและนักเรียนในไทย
คุณวิสุทธ์ ถามว่า การที่พาคณะครูโรงเรียนมัธยมฯ ไปดูงานต่างประเทศที่เกาหลี ได้อะไรบ้าง
ข่วงที่สองของรายการ
เรื่องการท่องเที่ยว อย่างชาดหาดที่สวยงามมีการดูแลสิงแวดล้อมให้ดี ค่อย ๆ พัฒนาบนพื้นฐานของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ดี การพัฒนาชาดหาดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเต็มไปด้วยบาร์เบียร์ เป็นแถบอย่างนี่ไม่ใช่เศรษฐกิจพอเพียง เพราะจะไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำลายวัฒนธรรม ประเพณีที่ดีไป
ส่วนรายการ "เศรษฐกิจพอเพียงกับโลกาภิวัฒน์" ทางชอง 11 ที่ ศ.ดร.จีระ ออกรายการสดเมื่อคืนนี้ ก็น่าสนใจ เป็นรายการที่เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นำมาบูรณการใช้ในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันและอนาคต
การเปิดรายการเป็นครั้งแรก นำโดย ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา และ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เป็นการกล่าวนำ เปิดตัวรายการ ว่าจะเริ่มต้น อย่างไร ดำเนินอย่างไร และจะจบอย่างไร
ผมจับประเด็นที่ ดร.จิรายุ ให้แนวคิดไว้ว่า ใครก็ตาม จะทำอะไรก็ตามที่ให้สอดคล้องกับแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ต้องคิดคำนึงถึง 3 เรื่อง คือ
เรื่อง ทำแบบพอประมาณ ทำด้วยความระมัดระวัง ประการต่อมา ต้องทำด้วยความรู้ รู้จริง ต้องแน่ใจว่า องค์ความรู้ที่จะนำมาใช้ปฏิบัตินั้น ปฏิบัติได้แน่ ได้ยั่งยืน ประการสุดท้าย ต้องทำด้วยความมุ่งมั่น ขยัน อดทน ซื่อสัตย์ สุจริต เอื้ออาทร เพื่อให้มีความก้าวหน้า มั่นคงอย่างสมดุล ฯ
ทางผู้ว่าการธนาคารกรุงไทย ได้พูดในรายการหลายประเด็นพอจับใจความได้ว่า การดำเนินชีวิต ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง มีทั้งขั้นพื้นฐาน และขั้นก้าวหน้า ขั้นพื้นฐาน คือ ดำเนินชิวิตอยู่บนความพอใช้ พอดี อยู่ได้ มีภูมิคุ้นกัน ฯ ส่วนขั้นกว้าหน้า คือ การพัฒนาชิวิต มาจากขั้นพื้นฐาน พัฒนากิจการ หรือกิจกรรม จนสามารถนำผลงาน ผลผลิต เข้าสู่ระบบตลาดได้ และค่อย ๆ ขยายไปสู่ตลาดโลก
หลักของเศรษฐกิจพอเพียงคืออะไร หากจะให้เกิดผลภาครัฐต้องเข้ามาสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการให้ประชาชนในชนบทได้เข้าใจ และเข้าไปดูแลความเป็นอยู่เรื่องปัจจัยพื้นฐานให้ทั่วถึง
จะนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต อยากให้รายการเป็นแนวทางเพื่อการประยุกต์ใช้ได้อย่างถูกต้อง
ได้ชมรายการแล้วค่ะ สารคดีสวยและน่าติดตามมาก แต่มีข้อสงสัยอย่างหนึ่งว่าเศรษฐกิจพอเพียงต้องมีคุณธรรมด้วยช่วยขยายความให้ได้ไหมค่ะ ขอบคุณมากคะ
เรียน ท่านอาจารย์จีระ
ผมได้ฟังวิทยุและดูรายการทีวีแล้วรู้สึกดีมาก ๆ และขอขอบพระคุณอาจารย์แทนคนไทยที่ทำให้หลาย ๆ ได้เข้าใจได้ลึกซึ้งมากขึ้น เนื่องจากทั้งสองเรื่องเป็นเรื่องที่ดีทั้งเรื่องการศึกษาและเศรษฐกิจพอเพียงกับโลกาภิวัฒน์เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งในยุคปัจจุบัน และหากได้ปลูกฝังเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้เข้าใจและปฏิบัติตาม ก็ทำให้รากแก้วของประเทศชาติแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นด้วย
ผมเองเห็นว่า เศรษฐกิจพอเพียงนั้นสามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนรวยคนจน เด็ก ผู่ใหญ่ ไม่ว่าประกอบอาชีพใด เพียงขอให้ยึดหลักสำคัญ 4 ประการคือ 1) รู้จักหามาอย่างสุจริต ด้วยคุณธรรม จริยธรรม 2) รูจักใช้ทรัพย์ที่หาได้มาเพื่อประโยชน์โดยแท้ 3) รู้จักเก็บออม/ประหยัด/คุณค่า และ 4) รู้จักแบ่งปัน
ดังนั้นเศรษฐกิจพอเพียงก็จะเพียงพอและแข่งขันกับนานาประเทศได้อย่างแน่นอน
ด้วยความเคารพยิ่ง
ประจวบ
ในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเขียนแต่เรื่องการเมือง เนื่องจากการเมืองในประเทศไทยไม่ปกติ แต่เมื่อเริ่มเข้ารูปเข้าร่างแล้ว ก็จะเล่าถึงงานของผมต่อไป บทความของผมจะเน้นการเรียนรู้จากความจริง จากกิจกรรมต่าง ๆ ที่ผมได้ทำไป นำมาแบ่งปันกัน และสร้างมูลค่าเพิ่ม แต่ละเรื่องจะทำให้คนไทยมีวัฒนธรรมการเรียนรู้มากขึ้น คิดเป็น วิเคราะห์เป็น นำไปใช้เป็นประโยชน์
สิ่งที่สำคัญมากในระดับประเทศที่อยากขอฝากรัฐบาลชุดใหม่คือ การปฏิรูปการศึกษา ในหลายเรื่องที่ต้องทำคือ การปรับ mindset ทัศนคติของผู้บริหารให้มองการศึกษาเป็นยุทธศาสตร์ในการพัฒนาเศรษฐกิจแบบยั่งยืน และอยู่ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างเร็วได้ คือ เน้น ทุนทางปัญญา ทุนทางสังคม ( Networking ) และเน้นทุนแห่งความยั่งยืน
ผมเห็นว่า ตราบใดก็ตาม หากคนไทยใฝ่รู้ มี Lifelong Learning มากขึ้น อยากรู้อยากเห็นมากขึ้น ( Curiosity ) ตั้งคำถามที่น่าสนใจ และคิดนอกกรอบ แทนที่จะขยันในการหาคำตอบที่ตายตัวแบบที่เป็นอยู่ ประเทศคงอยู่รอดแน่นอน
ผมคิดว่าเศรษฐกิจพอเพียง มีจุดแข็งที่ว่า จะทำอะไร รู้ให้จริง มีความคิดสร้างสรรค์ มีเหตุมีผล และนำไปสร้างนวัตกรรม ( Innovation ) แต่ที่สำคัญคือ ต้องมีคุณธรรม จริยธรรม และอยู่อย่างยั่งยืน เรื่องแรกที่จะเล่าให้ฟังคือ ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม เป็นต้นไป ผม ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ดร.ปรียานุช พิบูลสราวุธ จะนำเสนอสารคดีสั้น 5 นาทีเฉลิมพระเกียรติ เรื่อง "เศรษฐกิจพอเพียงและโลกาภิวัตน์" ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ติดต่อกัน ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 เวลา 22.40-22.45 น. เพื่อให้ผู้ชมได้รู้ว่า
- เศรษฐกิจพอเพียงคืออะไร
- โลกาภิวัตน์คืออะไร
- เศรษฐกิจพอเพียงจะช่วยคนไทยให้อยู่ในโลกาภิวัตน์ได้อย่างไร
- และให้รู้ว่าเศรษฐกิจพอเพียงช่วยทุกส่วนของสังคมไทย ไม่ใช่แค่ภาคเกษตร และทำให้เราอยู่ในโลกาภิวัตน์ได้อย่างยั่งยืน
เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงกับโลกาภิวัตน์นี้ หากไม่มีรัฐบาลซึ่งมีพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี เรื่องนี้อาจจะถูกมองข้ามไปว่าไม่เกี่ยวกัน เพราะรัฐบาลชุดที่แล้ว มองโลกาภิวัตน์เพื่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การส่งออก และดึงเงินทุนจากต่างประเทศ ซึ่งไม่ผิด แต่ต้องพอดี และไม่เสี่ยงจนเกินไป แต่จะยั่งยืนหรือไม่นั้น หากการขยายตัวที่ไม่มีพื้นฐานที่ดี เหมือนการสร้างตึก โดยไม่ลงเสาเข็มนั้น คงทำได้ยากและไม่ยั่งยืน ผมคิดว่า อาจจะเป็นโชคของประเทศไทย ที่มีผู้นำแบบอดีตนายกฯ ทักษิณ มาแสดงความสามารถในนโยบายเชิงรุก ให้คนไทยได้เห็นถึงจุดอ่อน จุดแข็ง เพื่อจะได้มีโอกาสเปรียบเทียบกัน แต่สิ่งสำคัญคือ เศรษฐกิจพอเพียงต้องเป็นสังคมการเรียนรู้ ใฝ่รู้ตลอดเวลา นอกจากมีคุณธรรมแล้ว ยังต้องคิดเป็น ทำเป็น มี Head Heart และ Hand อย่างที่คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์แนะนำไว้ สำคัญที่สุดและยังจำเป็นที่จะต้องมีความคิดที่นอกกรอบ เช่น Creativity ความคิดสร้างสรรค์ และนำ Creativity ไปสู่ Innovation นวัตกรรม แต่ต้องมีคุณธรรมและมีความรู้ที่แน่น ไม่ใช่พอเพียงแค่อยู่รอด หากรอดแล้ว ต้องไม่ประมาท หาความรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา การขยายตัวอย่างมั่นคงจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมนุษย์ต้องการความก้าวหน้า ( Progress ) ที่ยั่งยืน
ในเวลา 1 ปีกว่าจากนี้ รัฐบาลจะต้องวางรากฐานให้สังคมไทย คิดเป็น รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ จะต้องไม่ปฏิรูปเฉพาะโครงสร้างเท่านั้น แต่ต้องปฏิรูปพฤติกรรม ปฏิรูป mindset หรือวิธีการมองโลกของคนไทยให้ได้ เรื่อง mindset นี้มีหนังสือเล่มล่าสุดของ John Naisbitt ซึ่งเคยเขียนเรื่อง Megatrends ที่ดังมากมาแล้ว บอกว่า การที่คนยุคใหม่จะประสบความสำเร็จได้ ต้องมีวิธีการคิด และวิธีการทำงานที่ใหม่เสมอ อย่ามีวิธีคิดแบบเดิม พร้อมจะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ถ้ามีข้อมูลใหม่ ผมคิดว่า การที่จะเปลี่ยน mindset ได้ จะต้องหาความรู้ให้ทันโลกและสดใหม่อยู่เสมอ ข้ามศาสตร์ และวิเคราะห์แบบโป๊ะเชะ วิธีการหาความรู้ต้องเป็นวิธีที่ตัวเรามีส่วนร่วม ไม่ใช่ฟังข้างเดียว เราต้องวิเคราะห์เป็น และวิเคราะห์แบบทฤษฎี 2 R's คือ
- Reality มองความจริง
- และ Relevance ตรงประเด็น
เช่น ยุคนายกฯสุรยุทธ์ หากจะแก้ปัญหาภาคใต้ คงต้องเปลี่ยนวิธีการคิด จากการที่จะฆ่ากันทุกครั้ง มาเป็นการคุยกันแบบเจรจาบนโต๊ะ มองมาเลเซียเป็นมิตร ไม่ใช่แบบฆ่าทิ้งเป็นว่าเล่นอย่างในอดีต
เมื่อเร็ว ๆ นี้ PMAT สมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย กล้าไปจัดสัมมนาเรื่อง HRM ในภาคอิสาน ซึ่งผมได้รับเชิญด้วย เดิม PMAT อาจคิดว่ามีแต่คนในกรุงเทพฯ เท่านั้นที่สนใจ ปรากฏว่าคนในภาคอิสานตื่นตัวมาก เพราะได้แนวคิดใหม่ ๆ
ผมบอกได้ว่า อิสานเป็นสังคมการเรียนรู้ได้สบาย ถ้าท่านมองอิสานแบบใหม่ คือไม่ใช่จน โง่ รับจ้างแรงงานถูก ๆ ควรต้องยกย่อง มองการเกษตรเชื่อมโยงวัฒนธรรม สร้างองค์ความรู้ มองคุณค่าของคนอิสาน โดยเปิดโอกาสให้อิสานได้มีอิสรภาพทางความคิด ผมว่าคนอิสานก็คิดเป็น แต่บรรยากาศไม่เอื้ออำนวย ถ้าผมรู้จักคนอิสานมากขึ้น ผมจะเขียนหนังสือพาดหัวสวย ๆ เป็นภาษาอังกฤษว่า :
Isarn can also learn and think
ผมมีเรื่องกิจกรรมอีกเรื่องที่จะเล่าให้ฟัง
เมื่อวันที่ 16 - 18 ตุลาคม 2549 คณะครูจากจังหวัดสมุทรปราการ นำโดยโรงเรียนบางหัวเสือบุญแจ่มเนียมนิล ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาเป็นโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า สมุทรปราการ เดินทางไปดูงานด้านการศึกษาที่ประเทศเกาหลีใต้
การไปดูงานครั้งนี้ ได้ไปเยี่ยมเยียนเอกอัครราชทูตไทยประจำเกาหลี คุณวศิน ธีระเวชฌาน แลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกัน ผมได้เล่าถึงความเป็นมาของโครงการการศึกษาระหว่างไทย/เกาหลี และท่านทูตได้ให้ความรู้เกี่ยวกับเกาหลีใต้ในหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาที่รัฐบาลเกาหลีให้ความสำคัญมาก เพราะมองคนเป็นทรัพย์สิน asset ไม่ใช่ต้นทุน จึงทำให้ประชากรเกาหลีมีคุณภาพ และให้ความรู้เรื่องการเมืองระหว่างประเทศในกรณีเกาหลีเหนือทดลองอาวุธนิวเคลียร์ นับเป็นการเรียนรู้ข้ามศาสตร์ที่น่าสนใจสำหรับคณะครู ซึ่งทำงานต่อเนื่องในด้านการศึกษาร่วมกับผมมา 3 ปี และได้เดินทางไปดูงานต่างประเทศ 3 ครั้งแล้ว
สิ่งแรกที่คณะนี้ทำได้คือ ปรับ mindset ว่า ฉันทำได้ ฉันพึ่งตัวเอง ไม่รอให้กระทรวงส่งฉันไปดูงานต่างประเทศ
เรื่องที่สองคือ กลุ่มนี้สนใจ Networking มาก อะไรที่ดี ๆ จะแสวงหาและฉกฉวยให้ได้ ในอดีตเคยได้รับการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปัจจุบันมีการสร้างแนวร่วมกับนายกเทศมนตรีสำโรงใต้ คุณสรรเกียรติ กุลเจริญ และธุรกิจต่าง ๆ รอบโรงเรียน ประการที่ 3 คือ ได้ทำต่อเนื่อง ไม่ใช่ทำครั้งเดียวแล้วสำเร็จ
คณะนี้ขอให้ผมในฐานะ Lead Shepherd ของ HRD Working Group ใน APEC ติดต่อไปดูงานระบบสารสนเทศกับการสอน ที่กรุงโซล ซึ่งผมรู้จักเกาหลีใต้ดี ได้เจรจาให้จนประสบความสำเร็จ และได้เซ็นสัญญากับโรงเรียนในเกาหลี ว่าจะแลกเปลี่ยนเรื่อง ICT กับการเรียนการสอน เพราะเกาหลีเขาเอาจริงเรื่อง ICT กับการสอน และการแลกเปลี่ยนนักเรียนและครูในอนาคตด้วย
ทัศนคติของผู้บริหารชุดนี้คือ ทำ ทำ และทำให้สำเร็จ พึ่งตัวเอง ทำจริง คิดนอกกรอบ นึกถึงลูกค้าคือนักเรียน ผมภูมิใจมากที่มีโอกาสได้นำอาจารย์ 32 คน ซึ่งออกเงินเอง ไม่แบมือขอใคร และสามารถใช้การทูตภาคประชาชน ทำประโยชน์ให้แก่นักเรียนและครู ผู้ปกครองของจังหวัดสมุทรปราการได้สำเร็จ เพราะปรับ mindset ที่ถูกต้องครับ
เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงกับโลกาภิวัตน์ เป็นเรื่องที่น่าสนใจ และใครทำก็ได้ไม่จำเป็นเฉพาะเกษตรกรเท่านั้น และที่น่าสนใจ คือ เศรษฐกิจพอเพียง เกี่ยวข้องกับ โลกาภิวัตน์อย่างไร และจะนำไปใช้อะไรได้บ้างครับ
ผมคิดว่าการทำเศรษฐกิจพอเพียงนั้นไม่ใช่แค่พูดอย่างเดียว ควรลงมือทำปฏิบัติให้อย่างจริงจังด้วยครับ เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ และควรให้แต่ละคนให้ความสนใจและเริ่มนำไปใช้มากขึ้นครับ
ผมเห็นด้วยกับการทำสารคดีสั้นเศรษฐกิจพอเพียง กับ โลกาภิวัตน์ ครับ เพราะ ประชาชนโดยทั่วไปจะได้มีความเข้าใจมากขึ้น
ผมทำธุรกิจประเภทบริการ เกี่ยวกับบริการ รถยนต์ เห็นด้วยครับกับการทำรายการฯ เพราะว่าผมก็คิดว่าเกี่ยวข้องกับธุรกิจของผมด้วยเหมือนกันครับ
ที่บ้านได้นำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ประมาณ ปีกว่าแล้วค่ะ คุณพ่อเป็นทหาร ได้นำไปใช้ที่ค่ายทหารค่ะ รู้สึกว่าทำให้ที่บ้านมีฐานะ และความสุขดีขึ้นกว่าแต่ก่อนตอนยังไม่ร่วมโครงการฯ ค่ะเพราะว่า
1. ทำให้ที่บ้านรู้จักการประหยัดมากขึ้น
2. สามารถปลูกพืชผักทานเองได้ค่ะ
3. ทำบัญชีรายรับและรายจ่ายในครัวเรือน
ผมติดตามอาจารย์จีระ ทางรายการวิทยุ FM.96.5 MHz เลยทราบว่ามีรายการฯ นี้ครับ และหลังจากที่ดูผมรู้สึกชอบมากครับสำหรับรายการฯ นี้ และคิดว่าจะเป็นประโยชน์มาก ถ้าได้มีการรวบรวม และเผยแพร่ จัดทำเป็น CD เทป หรือ หนังสือ สำหรับคนทั่วไปได้ศึกษาด้วยครับ
สวัสดีครับชาว Blog
วันนี้วันที่ 24 ตุลาคม 2549 เป็นวันที่ 3 แล้วนะครับที่ออก สารคดีสั้นชุดเศรษฐกิจพอเพียง กับโลกาภิวัตน์ ที่แพร่ภาพทางช่อง 11 ครับ ผมก็ขอให้ผู้ที่ติดตามรายการฯ ของผมอย่าลืมติดตามนะครับ อยู่ในรายการ มุมใหม่..ไทยแลนด์ เวลา ประมาณ 4 ทุ่มครึ่งครับ ถ้ามีอะไรอยากจะแสดงความคิดเห็น ก็ส่งผ่านมาได้ที่ Blog ของผมนะครับ
ตอนที |
ชื่อตอน | แขกรับเชิญ/ผู้ทรงคุณวุฒิ | วันที่ออกอากาศ |
1 | ทำไมต้องเป็นเศรษฐกิจพอเพียงกับโลกาภิวัตน์ดำเนินรายการโดยดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ | ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ | 19 – 10 - 49 |
2 | เศรษฐกิจพอเพียงคืออะไร?ดำเนินรายการโดยดร. ปรียานุช พิบูลสราวุธ | ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ (ตัดต่อจากเทปที่ท่านเคยแสดงปาฐกถาในงานสัมมนาเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงฯ ที่จัดโดยมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ) | 20 – 10 - 49 |
3 | ก้าวที่กล้า..พึ่งตนเองตามรอยเท้าพ่อ | ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล (ตัดต่อจากเทปที่ท่านเคยแสดงปาฐกถาในงานสัมมนาเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงฯ ที่จัดโดยมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ) | 24 – 10 - 49 |
4 | พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงดำเนินรายการโดยดร.ปรียานุช พิบูลสราวุธ | ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี(ตัดต่อจากเทปที่ท่านเคยแสดงปาฐกถาในงานสัมมนาเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงฯ ที่จัดโดยมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ) | 25 – 10 - 49 |
5 | การขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงดำเนินรายการโดยดร.ปรียานุช พิบูลสราวุธ | ดร. จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยาประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนฯ | 26 – 10 - 49 |
6 | ความพอเพียงระดับประเทศดำเนินรายการโดยดร.ปรียานุช พิบูลสราวุธ | คุณโฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) | 27 – 10 - 49 |
7 | ความพอเพียงระดับองค์กรดำเนินรายการโดยดร.ปรียานุช พิบูลสราวุธ | ดร. อาชว์ เตาลานนท์ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย | 30 – 10 - 49 |
8 | ความพอเพียงระดับชุมชนดำเนินรายการโดยดร.ปรียานุช พิบูลสราวุธ | คุณโชคชัย ลิ้มประดิษฐ์ ผู้ใหญ่บ้าน บ้านหนองกลางดง จ. ประจวบคีรีขันธ์ | 31 – 10 -49 |
9 | ความพอเพียงระดับบุคคล / ครอบครัวดำเนินรายการโดยดร.ปรียานุช พิบูลสราวุธ | คุณกาญจนาพร ปลอดภัยนักแสดงและพิธีกร | 1– 11 – 49 |
10 | ความพอเพียงในสถานศึกษาดำเนินรายการโดยดร.ปรียานุช พิบูลสราวุธ | อ.ประทีป เมืองงามร.ร.จุฬาภรณราชวิทยาลัยจ.เพรชบุรี | 2 – 11- 49 |
11 | ความพอเพียงทางสังคมดำเนินรายการโดยดร.ปรียานุช พิบูลสราวุธ | ดร. จุรี วิจิตรวาทการสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ | 3 – 11 -49 |
12 | ความพอเพียงทางเศรษฐกิจ ดำเนินรายการโดยดร.ปรียานุช พิบูลสราวุธ | ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล | 6 – 11 - 49 |
13 | ความพอเพียงทางวัฒนธรรมดำเนินรายการโดยดร.ปรียานุช พิบูลสราวุธ | ดร.เสรี วงษ์มณฑา | 7 – 11 - 49 |
14 | ความพอเพียงทางสิ่งแวดล้อมดำเนินรายการโดยดร.ปรียานุช พิบูลสราวุธ | ดร.ธันวา จิตติสงวน | 8 – 11 - 49 |
ชุดที่ 2 รู้ทันโลกาภิวัตน์ (จำนวน 10 ตอน)
ชุดที่ 3 เศรษฐกิจพอเพียง กับ โลกาภิวัตน์ (จำนวน 16 ตอน)
ใน Blog นี้ มีหลายท่านสนใจเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีครับ และขอชื่นชมและยกย่องทุกท่านที่สนใจในเรื่องนี้
เราควรช่วยกันศึกษาเรื่องนี้ แล้วสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ช่วยกันปฏิบัติให้เป็นตัวอย่าง ช่วยกันเผยแพร่ ความรู้เหล่านี้แด่ผู้ที่ยังไม่เข้าใจ เท่ากับเราได้ชื่อว่า ช่วยชาติ ช่วยแผ่นดินของเรา ผมพบบทความที่น่าจะเป็นประโยชน์ ต่อ ผู้สนใจเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง กับ โลกาภิวัตน์ จึงคัดมาฝากครับ
เศรษฐกิจพอเพียง ระบบตลาดที่ดีกว่ากลไกตลาดเสรี โดย ณัฏฐพงศ์ ทองภักดี ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์[1]
ในขณะนี้คงจะได้ยินกันทั่วว่า รัฐบาลจะใช้นโยบายตามเศรษฐกิจพอเพียง ส่งเสริมให้คนไทยใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง แล้วก็มีปฏิกิริยาตอบสนองต่างกัน บ้างก็ว่าพอได้ยินเช่นนี้ ประเทศไทยคงอยู่กันแบบเขียมๆ อย่างพอเพียง
บ้างก็ว่าราคาหุ้นถึงกับตกเลยพอรู้ข่าวนี้ การอธิบายเศรษฐกิจพอเพียงเป็นอย่างไรก็มีหลายแบบ คนจำนวนไม่น้อยที่คิดว่าพอเพียงคือพออยู่พอกิน ทำเองใช้เอง เขียมๆ
บางคนก็บอกว่าเศรษฐกิจพอเพียงไม่ขัดกับระบบตลาด ยังมีการค้าการลงทุนจากต่างประเทศ เพราะไม่บอกเช่นนี้หุ้นไม่เลิกตก
บางเสียงก็เสนอว่าเศรษฐกิจพอเพียงสามารถทำได้ควบคู่กับระบบตลาดเสรีหรือทุนนิยม
ฟังๆ ดูความคิดเหล่านี้แล้วราวกับว่า เศรษฐกิจพอเพียงกับระบบตลาดเป็นคนละเรื่องกันถ้าไม่ขัดกันเป็นข้อยกเว้นไม่ใช่เป็นกรณีทั่วไป
ใครจะตีความหมายไปอย่างไร ตามอัธยาศัยไม่น่าจะถือว่าเป็นเรื่องเสียหาย แต่ถ้าหากจะเข้าใจให้ตรงกันโดยเฉพาะผู้ที่ต้องดำเนินนโยบายสาธารณะ ก็ต้องบอกว่าหลักคืออะไร
ข้อเขียนนี้จะชี้ว่า หากใช้ความหมายของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่ได้รับพระบรมราชานุญาตนำมาเป็นหลักในการทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 ตามข้อความข้างล่างนี้ นอกจากปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไม่ขัดกับระบบตลาดแล้ว ยังถือว่าเป็นเรื่องเดียวกัน โดยปรัชญาอยู่ที่สิ่งที่อยู่เหนือระบบตลาด
ตามข้อความข้างต้นที่คัดมาจาก แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 ชี้ว่าปรัชญาให้ใช้ประโยชน์จากกระแสโลกาภิวัตน์ โดย "ให้ดำเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวหน้าต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์"
การก้าวทันโลกาภิวัตน์คือให้มีการค้า การลงทุนระหว่างประเทศ อันเป็นการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ หากจะแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศได้ การแลกเปลี่ยนภายในคือระบบตลาดภายในประเทศก็ต้องมีเป็นธรรมดา นั่นคือเป็นเรื่องของการใช้กลไกตลาดนั่นเอง แต่ใช้ระบบกลไกตลาดในทางสายกลาง โดยรู้เท่าทัน "เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวางทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี"
ปรัชญาซึ่งเป็นหลักในการดำเนินชีวิตและตัดสินใจทั้งระดับบุคคล ครัวเรือน ชุมชน และประเทศ ไม่ได้ระบุว่าระบบการค้าและแลกเปลี่ยนจะมีรูปแบบอย่างไร แต่แน่นอนถ้าจะมีการค้า การแลกเปลี่ยนก็ต้องมีการผลิตสินค้า มีตลาด ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ และจริงๆ สิ่งที่เป็นอยู่โดยทั่วไปในประเทศต่างๆ ก็ชี้ว่า สิ่งที่เรียกว่าระบบตลาดเสรี หรือทุนนิยมเป็นระบบที่ทำให้การจัดสรรทรัพยากรมีประสิทธิภาพและปฏิบัติอยู่ทั่วไป
ดังนั้น ประเทศใดที่ใช้ระบบตลาด หากจะใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการกำหนดนโยบาย ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องกลับลำจากระบบตลาดไปใช้ระบบอื่น
ไม่มีเหตุผลใดที่จะพูดถึงการปิดประเทศเลย เปรียบกับว่า เรากำลังเดินทางโดยขับรถไปเรียบร้อยพอสมควร ขลุกขลักบ้างบางครั้งแต่ยังไม่เสีย เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนพาหนะจากรถมาเป็นเกวียนหรือเดินไป
แต่สิ่งที่จะต้องพิจารณา คือเราขับรถเป็นอย่างไร เร็วไปช้าไปรึเปล่า ไปถูกทางหรือไม่ ขับไปแล้วดูแลให้คนที่อยู่ในรถมีความสุขดีหรือเปล่า
พอถึงตอนนี้ใครที่ชอบคิดข้ามช็อต อาจจะมองไปว่าข้อเขียนนี้บอกว่าตกลงก็ไม่ต้องเปลี่ยนอะไร จะทำอะไรก็ทำไป จะใช้ระบบตลาดก็ตัวใครตัวมันไป ไม่เห็นจะเป็นไร แล้วอย่างนี้ปรัชญามีประโยชน์อะไร
คำตอบคือปรัชญามีประโยชน์มหาศาล เพราะช่วยนี้แนะให้เรามีหลักทำให้เราดำเนินการอะไรด้วยความสมดุล พัฒนาอย่างยั่งยืน
เนื้อหาปรัชญาข้างต้นนี้ แสดงว่าความพอเพียง ประกอบด้วย
ก) ความพอประมาณ นั่นคือทางสายกลางไม่สุดโด่ง
ข) ความมีเหตุมีผล คือมีการวางแผน มองระยะยาว
และ ค) การมีภูมิคุ้มกันที่ดี คือนึกถึงความเสี่ยง มีอะไรป้องกันหรืออะไรรองรับความเสี่ยง ความไม่แน่นอนหรือไม่
มีสามอย่างนี้ยังไม่พอ ความพอเพียงจะเกิดไม่ได้ ถ้ามีความไม่ซื่อสัตย์ และถ้าเราขาดความรู้ก็จะไม่สามารถวางแผนหรือดำเนินการให้มีความพอเพียงได้ ดังนั้น เงื่อนไขของความพอเพียงจึงมีสองด้าน คือ คุณธรรมและความรู้ซึ่งมักจะเรียกว่า สามห่วง สองเงื่อนไข (ดูกราฟิก)
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงใช้ระบบตลาดทั้งในและนอกประเทศ โดยทำให้ระบบตลาดดีขึ้นเป็นประโยชน์ เพราะทำการเตือนสติให้เรารู้ว่า ทำอะไรต้องไม่สุดขั้ว เช่นหากจะให้เศรษฐกิจโตเร็วมาก แต่อากาศเสียสิ่งแวดล้อมแย่ ความแตกต่างทางรายได้ห่างมาก ก็ไม่เรียกว่าพอประมาณ
แต่หากว่าจะไม่ขยายตัวเลยหรือน้อยมาก ต่ำกว่าศักยภาพที่ตัวเองทำได้ ก็สุดขั้วไปอีกด้าน คนจนก็จะมากขึ้นได้ ในระยะยาวการขยายตัวก็ไม่ดี คล้ายกับเรื่อยๆ ตอนนี้ไปลำบากตอนหน้า ก็ไม่ถูกเหมือนกัน
พูดอย่างรวมๆ คือ ระบบตลาดจะทำให้การพัฒนาพอประมาณก็ต้องทำให้เป้าหมายทางเศรษฐกิจทั้งด้านการขยายตัว เสถียรภาพ การกระจายรายได้สมดุลกัน ไม่ไปทางทางหนึ่ง
หากเราทำอะไรไม่วางแผน ไม่มองระยะยาว เช่นจะทำเมกะโปร์เจ็คต์ โดยไม่ได้ใช้หลักวิชาการวิเคราะห์ความคุ้มค่าของโครงการ ดูให้ชัดว่ามีประโยชน์สุทธิต่อสังคมจริงหรือไม่แล้วจึงลงมือทำ ก็แสดงว่าไม่ตรงหลักความมีเหตุมีผล ตัวอย่างอันขมขื่นของการขาดหลักการนี้คือการลงทุนอย่างไม่ลืมหูลืมตาของภาคเอกชนจนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540
ในเรื่องภูมิคุ้มกัน ก็คือ การมีสัมพันธ์กับภายนอกไม่ว่าระดับใด เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึง เช่น ความผันผวนของราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน หรือความเข้มข้นของการแข่งขัน ทำให้เราต้องปรับเปลี่ยนกิจการหรืองานที่ทำ ต้องคิดว่าหากมีอะไรที่ร้ายๆ มา มีอะไรรองรับไหม ใช้หลักนี้ เราก็จะตัดสินใจโดยคำนึงถึงความเสี่ยง
ในแง่นโยบายตามหลักรัฐก็ต้องสร้างระบบที่เรียกกันว่า social safety net เป็นภูมิคุ้มกันช่วยในยามยากด้วย
นักเศรษฐศาสตร์รู้มานานแล้วว่า ระบบตลาดเป็นระบบที่มือที่มองไม่เห็นทำให้เกิดการผลิต การแลกเปลี่ยนมีประสิทธิภาพจัดระบบเศรษฐกิจในสังคมได้ดี หลักฐานพิสูจน์ว่าเป็นระบบที่ดีกว่าสังคมนิยมหรือเผด็จการทางเศรษฐกิจ
แต่เศรษฐศาสตร์ก็บอกด้วยว่าระบบตลาดมีความล้มเหลวที่ทำไม่ได้ตามวัตถุประสงค์ได้ และระบบตลาดก็ยังไม่ได้มองทุกมิติให้สังคม ที่จะทำให้การพัฒนาไม่ยั่งยืน ถ้าไม่มีกลไกมาจัดสรร ระบบตลาดเสรีจึงไม่เพียงพอที่จะเป็นหลักในการบริหารประเทศ
ปรัชญานี้จึงชี้นำให้จัดการระบบตลาดให้ดี คำนึงถึงทุกด้านของการพัฒนา ทั้งเศรษฐกิจ ชุมชน สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และนำไปสู่สังคมที่มีความสมดุล มีความเจริญอย่างแข็งแรง เป็นการก้าวไกลกว่าระบบตลาด หรือเกินกว่าทฤษฎีเศรษฐศาสตร์
แต่ไม่ได้หมายความแม้แต่น้อยว่า จะต้องเลือกระหว่างระบบตลาดหรือปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
การทำธุรกิจตามหลักของปรัชญาก็ต้องมีการทำกำไรต่อไป เพราะถ้าไม่มีกำไรธุรกิจก็ไม่มีความพอเพียงที่จะทำธุรกิจอย่างยั่งยืน การทำกำไรก็คงต้องมีการลงทุน การกู้ยืม หลักความพอเพียงในการทำธุรกิจจึงชี้ว่าการกู้ยืมต่างๆ ทำได้
แต่การทำธุรกิจตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คงจะต่างกับแบบดั้งเดิม และดีกว่า เพราะให้ทำธุรกิจอย่างรอบคอบ มองระยะยาว นึกถึงความเสี่ยง ซึ่งกรอบนี้เหมาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน เพราะการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ เศรษฐกิจ สังคม เปลี่ยนแปลงเร็วกว่าในอดีตมาก จะทำอะไรบุ่มบ่ามอย่างในอดีต ที่กู้เงินเป็นกว่าสิบเท่าของทุน ลงทุนแบบผลตอบแทนสูงรับความเสี่ยงสูงมาก โอกาสที่วิกฤตจะถามหาเร็วขึ้นกว่าในอดีต
ปรัชญาบอกด้วยว่าธุรกิจจะใช้ประโยชน์จากโลกาภิวัตน์ ต้องมีคุณธรรม และความรู้ ดังนั้น จึงต้องการวางระเบียบและดำเนินการตามบรรษัทภิบาลที่ดี และต้องมีการจัดการความรู้จะใช้ประสบการณ์เดิมทำธุรกิจในสภาพที่สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไปไม่ได้
คงจะเห็นได้ว่า ปรัชญาช่วยนำให้ธุรกิจมีความเจริญที่มั่นคง และสมดุล มีการประเมินความเสี่ยงที่เหมาะสม เป็นประโยชน์ทั้งผู้ถือหุ้น ผู้บริหาร พนักงาน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ ธุรกิจสมัยใหม่ก็ให้ความสนใจเรื่อง การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) การจัดการความรู้ (Knowledge Management) ความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ดีในการสร้างความพอเพียงของธุรกิจ โดยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นองค์รวมที่ทำให้มีแนวทางที่เป็นองค์รวมในการพัฒนาที่ยั่งยืนและสมดุล
ดังนั้น ผู้ที่จะใช้ปรัชญาไม่ว่าจะในระดับตัวเอง ครัวเรือน องค์กร หรือนโยบาย จึงควรดูว่าการตัดสินใจหรือพฤติกรรมของตน เป็นไปตามสามห่วง สองเงื่อนไขของปรัชญาหรือไม่ แล้วก็ปรับตามสภาพที่มีให้มีความสมบูรณ์ ปรัชญานี้ประยุกต์ใช้ได้ในทุกระดับ โดยทุกคนหรือองค์กรไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน เพราะสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกอาจต่างกัน
(ขั้นที่ 1) ครอบครัวพอเพียง (ขั้นที่ 2) ชุมชนพอเพียง (ขั้นที่ 3) เศรษฐกิจของชาติพอเพียง |
เศรษฐกิจพอเพียงให้เป็นรูปธรรมระดับภาพรวมในประเทศหรือระดับสากลอย่างยั่งยืน(โลกาภิวัตน์ และ Inovation)
|
สรุปเป็น 4 พ.ได้ ดังนี้
|
ทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 1 : ผลิตอาหารบริโภคเองเหลือขาย ทำให้มีกินอิ่ม ไม่ติดหนี้ มีเงินออม ทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 2 : รวมตัวกันเป็นองค์กรชุมชน ทำเศรษฐกิจชุมชนในรูปแบบต่างๆ เช่น เกษตร หัตถกรรม อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ทำธุรกิจปั๊มน้ำมัน ขายอาหาร ขายสมุนไพร ตั้งศูนย์การแพทย์แผนไทย จัดการท่องเที่ยวชุมชน มีกองทุนชุมชนหรือธนาคารหมู่บ้าน ทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 3 : เชื่อมโยงกับบริษัททำธุรกิจขนาดใหญ่ รวมทั้งการส่งออกสามขั้นตอนเป็นรูปธรรมที่สามารถเชื่อมโยงกับนามธรรมแนวคิด “เศรษฐกิจพอเพียง” ได้อย่างสอดคล้องกลมกลืนคือ ครอบครัวพอเพียง
|
สารคดีสั้นชุดเศรษฐกิจพอเพียง กับโลกาภิวัตน์ ที่แพร่ภาพทางช่อง 11ในรายการ มุมใหม่..ไทยแลนด์ เวลา ประมาณ 4 ทุ่มครึ่งครับ เป็นรายการที่น่าสนใจและน่าติดตาม ซึ่งดิฉันจะติดตามเพื่อที่จะได้มี WISDOM ไปสอนหนังสือให้น.ศ.ได้เกิดTHINK + KNOLEDGE ประกอบการเรียนการสอนในวิชาพฤติกรรมมนุษย์และการพัฒนาตนและวิชาการคิดและการตัดสินใจ ที่ดิฉันได้สอนใน ม.ราชภัฎ ซึ่งเป็นม. ของคนที่เป็นของพระราชา รายการ TV ช่อง 11 19 – 10 – 49 ทำไมต้องเป็นเศรษฐกิจพอเพียงกับโลกาภิวัตน์ดำเนินรายการโดยดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ดิฉันขอแสดงความคิดเห็นให้ศ.ดร.จีระ และสวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน ดังนึ้ค่ะ
ทบ.ใหม่ + เศรฐกิจพอเพียง สัมพันธ์กันดังนี้ ทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 1 : ผลิตอาหารบริโภคเอง เหลือขาย ทำให้มีกินอิ่ม ไม่ติดหนี้ มีเงินออม (ขั้นที่ 1) ครอบครัวพอเพียง ทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 2 : รวมตัวกันเป็นองค์กรชุมชน ทำเศรษฐกิจชุมชนในรูปแบบต่างๆ เช่น เกษตร หัตถกรรม อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ทำธุรกิจปั๊มน้ำมัน ขายอาหาร ขายสมุนไพร ตั้งศูนย์การแพทย์แผนไทย จัดการท่องเที่ยวชุมชน มีกองทุนชุมชนหรือธนาคารหมู่บ้าน (ขั้นที่ 2) ชุมชนพอเพียง ทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 3 : เชื่อมโยงกับบริษัททำธุรกิจขนาดใหญ่ รวมทั้งการส่งออกสามขั้นตอนเป็นรูปธรรมที่สามารถเชื่อมโยงกับนามธรรมแนวคิด “เศรษฐกิจพอเพียง” ได้อย่างสอดคล้องกลมกลืนคือ ครอบครัวพอเพียง
(ขั้นที่ 3) เศรษฐกิจของชาติพอเพียง สามารถสรุปเป็น 4 พ.ได้ ดังนี้1. พึ่งตนเอง (Self sufficiency)2. เพิ่มความรู้ ( knowledge)3. พอประมาณ (มัชชิมาปฎิปทา)4. พัฒนาอย่างยั่งยืน (Long life developmentเศรษฐกิจพอเพียงให้เป็นรูปธรรมระดับภาพรวมในประเทศหรือระดับสากลซึ่งเป็นการนำไปสู่ การพัฒนาอย่างยั่งยืน (โลกาภิวัตน์ และ Innovation รวมถึงการเป็น Coop –Petition ร่วมมือแข่งขันในยุค net –work ) ก็จะนำความสุขมาสู่มวลมนุษยชาติต่อไปค่ะ
ด้วยความเคารพอย่างสูง
Lotus
นศ.ปริญญาเอก รปศ. รุ่น 3 ม.อุบลราชธานี
ควรรับฟังข้อคิดเห็นอดีตนายกฯชวน[1]
เวลาผ่านไปแล้ว 5 สัปดาห์ เหตุการณ์ต่าง ๆ ได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและคาดไม่ถึง หลายอย่างดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็มีปัจจัยหรือมีข้อมูลใหม่ๆเพิ่มเติมเสมอ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี ต้องใช้นโยบาย
Listen and Learn อย่างมาก และต้องมีความอดกลั้น ที่จะต้องรับฟัง หากมีประโยชน์จึงนำไปปฏิบัติ
ผมคิดว่า ความคิดและข้อเสนอแนะของอดีตนายกฯ ชวน หลีกภัยที่ติงการทำงานของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ น่าสนใจ คือจะต้องอธิบายจุดอันตรายของ "ระบบทักษิณ" ให้ประชาชนได้รับทราบและเข้าใจอย่างแท้จริง เพราะใน 5 ปีที่ผ่านมา ประชาชนที่ยากจนอาจจะคิดไม่ครบถ้วน และไม่เข้าใจ ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นจะต้องทำ ควรอธิบายด้วยข้อมูลและข้อเท็จจริง อาจจะต้องดึงเอาภาคประชาสังคมที่เป็นกลาง มาช่วยอธิบายเพื่อเสริมรัฐบาลและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติเพื่อให้ทั่วถึง
ผมหวังว่า งานดังกล่าวจะก้าวไปด้วยดี และสร้างความเข้าใจได้ถูกต้อง
ระยะนี้ ยังมีข่าวความไม่สงบหรือคลื่นใต้น้ำอยู่ ซึ่งคงจะไม่ใช่ของแปลกอะไร เพราะมีผู้เสียผลประโยชน์มาก คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติจะต้องบริหารและจัดการสิ่งเหล่านี้อย่างรอบคอบ เหมาะสมและสมานฉันท์
ดูเหมือนว่า นายกฯสุรยุทธ์ จุลานนท์ ทำหน้าที่เหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ได้เชิญหัวหน้าพรรคการเมืองมามีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญ การยกย่องให้เกียรติทุกกลุ่มในสังคมเป็นเรื่องที่ดีและเหมาะสม
ส่วนกลุ่มพันธมิตรก็เช่นกัน คงจะต้องอดทนและมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นเหมือนเดิม ขออย่าท้อใจ ถึงกับจะลาออกจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งไม่เป็นผลดี คงจะต้องช่วยกันตรวจสอบต่อไป
สำหรับผม ถึงแม้ว่าจะไม่เกี่ยวกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็จะทำหน้าที่ต่อไปในฐานะประชาชนคนหนึ่ง เป็นส่วนหนึ่งของการให้ความรู้ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในระยะนี้ ท่านผู้อ่านอาจจะใช้สื่อทางวิทยุมากขึ้น เพราะสื่อทางโทรทัศน์ยังไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก
ในขณะที่สื่อวิทยุ เช่น FM 96.5 MHz. ทั้ง 24 ชั่วโมง มีความคิดดี ๆ ออกมาจากผู้เชี่ยวชาญหลายด้าน ทันเหตุการณ์ ผมยังต้องติดตามใกล้ชิด
สัปดาห์ที่ผ่านมาผมมีงาน 3 เรื่องที่จะเล่าให้ฟัง
เรื่องแรก ซึ่งทำเป็นประจำทุกปี คือ ค่ายผู้นำเยาวชน Knowledge camping ให้แก่นักเรียนเทพศิรินทร์และโรงเรียนในเครือทั้ง 7 โรงเรียน จำนวน 120 คน ครั้งนี้เป็นปีที่ 8 แล้ว ในปีนี้เน้นในพระอัจฉริยภาพด้านต่าง ๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่น ภาวะผู้นำ เศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น มีวิทยากรรับเชิญซึ่งเป็นนักเรียนเก่าที่มีชื่อเสียงหลายท่านมาร่วมแบ่งปันความรู้ เช่น
- หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวง เป็นองค์ประธานในพิธีและปาฐกถาพิเศษเรื่อง "โครงการหลวง"
- ฯพณฯ พล.อ.ต.กำธน สินธวานนท์ บรรยายเรื่อง "พระอัจฉริยภาพด้านพลังงาน"
- ดร.ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ บรรยายเรื่อง "พระอัจฉริยภาพด้านศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรีและกีฬา"
- ศ.ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน บรรยายเรื่อง "พระอัจฉริยภาพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ"
ค่าย Knowledge camping นี้เป็นค่ายที่สร้างและพัฒนาภาวะผู้นำให้กับนักเรียน ให้เด็กมีความคิดกว้างไกล คิดเป็น กล้าแสดงออก เด็กจะได้รับการพัฒนาความคิดจากโจทย์ "ประเทศไทยในอีก 20 ปีข้างหน้า" ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมที่จะเติบโตเป็นผู้นำของชาติในอนาคต
อีกงานหนึ่งเป็นงาน India-Thai Business Forum ซึ่งเป็นชมรมนักธุรกิจชั้นนำของอินเดียในประเทศไทย ผมภูมิใจที่เขาสนใจงาน HRD ของ APEC ของผม แต่แทนที่จะมองเฉพาะ APEC เขามองถึงความร่วมมือระหว่างอินเดียกับ APEC ในอนาคต
ผมคิดว่าเรื่อง HRD กับอินเดียน่าจะมี 3 เรื่อง
1. การแลกเปลี่ยนครูทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และ IT โดยให้อินเดียส่งครูมาช่วย
2. การส่งครูไทยไปสอนเรื่อง การบริการ Service sector และการท่องเที่ยว
3. จัดให้เกิดธุรกิจร่วมกัน เช่น E-learning
ผมคิดว่ารัฐบาลของนายกฯสุรยุทธ์ ยังคงสนับสนุนแนวคิดการจัดตั้ง ACD HRD Center ขึ้น เพื่อให้เอเชีย ซึ่งมีอินเดีย จีน ญึ่ปุ่น ไทย และประเทศในตะวันออกกลางรวย ๆ เช่น โอมาน คูเวต มาพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของคนเอเชียด้วยกัน แทนที่จะไปเรียนจากตะวันตก ซึ่งผมได้รับมอบหมายจากรัฐบาลชุดที่แล้วให้ดำเนินการ และได้รับการเห็นชอบในหลักการแล้ว
เอเชียต้องมีฐานความรู้ของตัวเอง ร่วมมือกับตะวันตกได้ โดยไม่ลอกความคิดของตะวันตกอย่างเดียว
นอกจากนี้ ผมได้รับเชิญจากมูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย ไปบรรยายเรื่อง คิดแบบ CEO ในยุคสมัยใหม่ ผมชอบหัวข้อที่เขาตั้ง เพราะ CEO ต้องคิดเป็นถึงจะสำเร็จ จึงแนะนำวิธีการคิดไป 3 วิธีคือ
- ทฤษฎี 4 L's ของผม
- 5 Disciplines ของ Peter Senge
- และ 6 Thinking hats ของ Edward de Bono
เน้นว่าแต่ละแบบสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้โดยมองจากสถานการณ์ความจริงของแต่ละองค์กร มีจุดที่น่าสนใจคือ ยุคใหม่ CEO ต้องไม่เก่งคิดคนเดียว ต้องให้ผู้ร่วมงานคิดเป็นด้วย
คำถามคือ จะทำอย่างไร ในประเทศไทย เราเสียเปรียบตั้งแต่ระบบการศึกษา เพราะเราไม่มีการกระตุ้นให้นักเรียนสนใจที่จะแลกเปลี่ยนความรู้ เราให้นักเรียนลอกความคิดของอาจารย์
ผมโชคดีได้เปลี่ยนแนวการสอนมากว่า 10 ปีแล้ว ไม่ว่าจะสอนที่ไหน จะให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้และสรุปร่วมกัน ทุกวันนี้มีคนสนใจเรื่องนี้มากขึ้น ล่าสุดองค์กรบริหารส่วนตำบล ซึ่งจะนำเศรษฐกิจพอเพียงไปให้เขาคิด เช่นเดียวกับข้าราชการระดับ C7 , C8 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของรองปลัดสุทธิพร จีระพันธุ ซึ่งเป็นผู้สนใจวิธีการเรียนแบบใหม่
จีระ หงส์ลดารมภ์
สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ และท่านผู้อ่านทุกท่าน
เช้านี้ วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ผมมีกิจกรรม สัมมนา ภาวะผู้นำโลก(Seminar on Global Leadership) ต้องออกเดินทางแต่เช้า จึงส่งข้อควานี้มาช้ากว่าปกติที่เคยทำ
อย่างไรก็ตาม ผมหาความรู้ ทาง internet และค้นหาอ่านบทความ “บทเรียนจากความจริง กับ ศ.ดร.จีระ” ซึ่งสัปดาห์นี้อาจารย์ใช้ชื่อเรื่องว่า ในบทความนี้ ศ.ดร. จีระ เขียนเรื่อง ควรรับฟังข้อคิดเห็นอดีตนายกฯชวน ผมแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม โดยใช้ข้อความข้างล่างนี้ แถบสีน้ำเงินคือข้อความที่ผมคัดลอกมาบางส่วนจากบทความที่อาจารย์เขียน ส่วนสีดำเป็นความเห็นของผม ซึ่งมีดังนี้ ครับ
Can we fix! Broken Government? Can we fix! The national disunity?
ประชาชนทุกส่วน ควรต้องสมานทฉันท์ ช่วยเหลือกันและกัน เพื่อชาติจริง ๆ ร่วมมือกันช่วยรัฐบาลในการพัฒนาประเทศให้สำเร็จ ยุติความขัดแย้ง หันมาแก้ปัญหาประชาธิปไตยด้วยความสงบสุข เคารพในศักดิ์ศรี ในศักยภาพของคนทุกคน ต้องเชื่อว่าคนทุกคนมีคุณค่าทั้งสิ้น ไม่มองใครต่ำ ใครสูง
อีกงานหนึ่งเป็นงาน India-Thai Business Forum ซึ่งเป็นชมรมนักธุรกิจชั้นนำของอินเดียในประเทศไทย ผมภูมิใจที่เขาสนใจงาน HRD ของ APEC ของผม แต่แทนที่จะมองเฉพาะ APEC เขามองถึงความร่วมมือระหว่างอินเดียกับ APEC ในอนาคต
ผมคิดว่าเรื่อง HRD กับอินเดียน่าจะมี 3 เรื่อง
1. การแลกเปลี่ยนครูทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และ IT โดยให้อินเดียส่งครูมาช่วย
2. การส่งครูไทยไปสอนเรื่อง การบริการ Service sector และการท่องเที่ยว
3. จัดให้เกิดธุรกิจร่วมกัน เช่น E-learning
ผมคิดว่า เอาแนวคิดของ ศ.ดร.จีระ มาเป็นส่วนหนึ่งในการปฏิรูปการเรียนการสอน การศึกษาของบ้านเราโดยเร็ว ผมสังเกตเห็นอาจารย์ทำแล้วได้ผล อาจารย์สามารถขุดความสามารถของนักเรียน นักศึกษาได้ อาจารย์ทำให้คนที่ไม่ค่อยพูดซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนเก่ง ได้มีโอกาสได้เก่งขึ้น ได้แชร์ความรู้ ได้ปะทะกันทางปัญญา เหมือนพระสนทนาธรรม เหมือนจอมยุทธ์ได้ปะลองฝีมือ ฝีมือย่อมพัฒนาขึ้นได้แน่นอน
วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ผมมีกิจกรรม สัมมนา ภาวะผู้นำโลก(Seminar on Global Leadership) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอน ในหลักสูตร ป.เอก ผมออกเดินทางแต่เช้า เพื่อจะไปร่วม สภากาแฟก่อนมีการสัมมนา จึงส่งข้อควานี้มาช้ากว่าปกติที่เคยทำ หลังจากเขียนเสร็จแล้ว รู้สึกว่า บรรยากาศรอบตัวมีผลต่อการเขียนมาก ไม่ค่อยมีสมาธิเหมือนเขียนเงียบ ๆ ในมุมธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม ผมอ่านบทความ “บทเรียนจากความจริง กับ ศ.ดร.จีระ” จาก Interent ซึ่งสัปดาห์นี้อาจารย์ใช้ชื่อเรื่องว่า ในบทความนี้ ศ.ดร. จีระ เขียนเรื่อง ควรรับฟังข้อคิดเห็นอดีตนายกฯชวน ผมแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม โดยใช้ข้อความข้างล่างนี้ แถบสีน้ำเงินคือข้อความที่ผมคัดลอกมาบางส่วนจากบทความที่อาจารย์เขียน ส่วนสีดำเป็นความเห็นของผม ซึ่งมีดังนี้ ครับ
ในอดีต การสรรหา คัดเลือกผู้นำ CEO ในองค์กร มักจะแสวงหาผู้นำที่มีความสามารถในการทำงาน ถือว่าเก่ง ครับ แต่ในยุคปัจจุบันและอนาคตแนวคิดนั้นได้เปลี่ยนมาแสวงหาผู้นำที่มีความสามารถในการ Link, Listen and Learn เพื่อต้องการหาผู้นำที่สามารถบริหารการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผมคิดว่า ความคิดและข้อเสนอแนะของอดีตนายกฯ ชวน หลีกภัยที่ติงการทำงานของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ น่าสนใจ คือจะต้องอธิบายจุดอันตรายของ "ระบบทักษิณ" ให้ประชาชนได้รับทราบและเข้าใจอย่างแท้จริง เพราะใน 5 ปีที่ผ่านมา ประชาชนที่ยากจนอาจจะคิดไม่ครบถ้วน และไม่เข้าใจ ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นจะต้องทำ ควรอธิบายด้วยข้อมูลและข้อเท็จจริง อาจจะต้องดึงเอาภาคประชาสังคมที่เป็นกลาง มาช่วยอธิบายเพื่อเสริมรัฐบาลและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติเพื่อให้ทั่วถึง ระยะนี้ ยังมีข่าวความไม่สงบหรือคลื่นใต้น้ำอยู่ ซึ่งคงจะไม่ใช่ของแปลกอะไร เพราะมีผู้เสียผลประโยชน์มาก คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติจะต้องบริหารและจัดการสิ่งเหล่านี้อย่างรอบคอบ เหมาะสมและสมานฉันท์
ดูเหมือนว่า นายกฯสุรยุทธ์ จุลานนท์ ทำหน้าที่เหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ได้เชิญหัวหน้าพรรคการเมืองมามีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญ การยกย่องให้เกียรติทุกกลุ่มในสังคมเป็นเรื่องที่ดีและเหมาะสม
ส่วนกลุ่มพันธมิตรก็เช่นกัน คงจะต้องอดทนและมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นเหมือนเดิม ขออย่าท้อใจ ถึงกับจะลาออกจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งไม่เป็นผลดี คงจะต้องช่วยกันตรวจสอบต่อไป
Can we fix! Broken Government?
Can we fix! The national disunity?
เป็นสิ่งที่คนไทยจะต้องสมานฉันท์ ร่วมมือกัน ผมเชื่อว่า ปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นในบ้านของเรา ย่อมแก้ไขได้ด้วยคนในบ้านของเราเช่นกัน
ที่สำคัญที่สุดเราหนีไม่พ้นที่จะต้องแข่งขันกับโลก การศึกษาสำคัญที่สุดควรจะต้องรีบเร่งแก้ไขปรับปรุง
การลงทุนภาคเอกชน ชะลอการลงทุนเกือบถึงขั้นหยุดชะงักมาหลายปี(Reluctance) แนวโน้มจะมีมากขึ้นหรือน้อยลง ผมไม่แน่ใจ
ประชาชนทุกส่วน ควรเพิ่มและส่งเสริมความสมานทฉันท์ ช่วยเหลือกันและกัน เพื่อชาติจริง ๆ ร่วมมือกันช่วยรัฐบาลในการพัฒนาประเทศให้สำเร็จ ยุติความขัดแย้ง หันมาแก้ปัญหาประชาธิปไตยด้วยความสงบสุข เคารพในศักดิ์ศรี ในศักยภาพของคนทุกคน ต้องเชื่อว่าคนทุกคนมีคุณค่าทั้งสิ้น ไม่มองใครต่ำ ใครสูง
อีกงานหนึ่งเป็นงาน India-Thai Business Forum ซึ่งเป็นชมรมนักธุรกิจชั้นนำของอินเดียในประเทศไทย ผมภูมิใจที่เขาสนใจงาน HRD ของ APEC ของผม แต่แทนที่จะมองเฉพาะ APEC เขามองถึงความร่วมมือระหว่างอินเดียกับ APEC ในอนาคต
ผมคิดว่าเรื่อง HRD กับอินเดียน่าจะมี 3 เรื่อง
1. การแลกเปลี่ยนครูทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และ IT โดยให้อินเดียส่งครูมาช่วย
2. การส่งครูไทยไปสอนเรื่อง การบริการ Service sector และการท่องเที่ยว
3. จัดให้เกิดธุรกิจร่วมกัน เช่น E-learning
ผมคิดว่า การปฏิรูปการเรียนการสอน การศึกษาของบ้านเรา น่าจะนำแนวคิด แนวปฏิบัติ ของ ศ.ดร.จีระ มาเป็นส่วนหนึ่งใน
ในการพัฒนาระบบการศึกษา
ผมสังเกตเห็นว่า อาจารย์ทำแล้วได้ผล อาจารย์สามารถขุดความสามารถของนักเรียน นักศึกษาได้ อาจารย์ทำให้นักเรียน นักศึกษาจำนวนมาก (ในเวลาที่จำกัด) ที่ไม่ค่อยพูดซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนเก่ง ได้มีโอกาสได้แสดงความเก่งขึ้นมาอย่างน่าทึ่ง ให้นักเรียน นักศึกษาได้แชร์ความรู้ ได้ปะทะกันทางปัญญา เหมือนพระสนทนาธรรม เหมือนจอมยุทธ์ได้ปะลองฝีมือ ปัญญาย่อมเกิด ฝีมือย่อมพัฒนาขึ้นได้แน่นอน
ซึ่งแม้กระทั่งฝรั่งมังค่า อย่างมาร์ติน มีลเลอร์ ชาวอังกฤษที่มาลงหลักปักฐาน ลงมือนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้อย่างเอาจริงเอาจังในจังหวัดขอนแก่น ก็เข้าใจอย่างถ่องแท้กับระบบเศรษฐกิจพอเพียง สำหรับโดยส่วนตัวผมมีความเห็นว่า หลักเศรษฐกิจพอเพียงนั้น หาใช่การแบ่งแยกระหว่าง “คนจน”กับ “คนรวย” ไม่ หาใช่การหยุดความเจริญก้าวหน้า การพัฒนา รวมทั้งการแข่งขันไม่ หากแต่ “หลักเศรษฐกิจพอเพียง” นั้น เป็นการนำหลักการบริหารที่เรา ๆ ท่าน ๆ ได้ยินอยู่เนือง ๆ และปฏิบัติเป็นประจำก็คือ P-D-C-A คือ
P=Plan คือการวางแผนอย่างเป็นระบบ โดยวิเคราะห์ปัจจัยภายในและภายนอกของตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศ ที่เราเรียกว่า “SWOT Analysis” หรือเป็นการตรวจสอบตนเองจน “รู้เขา รู้เรา” นั่นเอง แล้วจึงตัดสินใจเลือกเส้นทางการเดินของตนเองอย่างรอบคอบ ก็คือ D = Do การลงมือปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรมสำเร็จตามเป้าหมายที่ไม่เกินตัว ไม่ไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง หรืออาจจะเทียบได้กับภาษิตที่ว่า “เห็นช้างขี้ อย่าขี้ตามช้าง” นั่นเอง รวมทั้งหมั่นตรวจสอบผลการทำงานของตนเอง (C=Check) อยู่เสมอ ๆ โดยไม่ต้องให้ใครมาคอยติดตามตรวจสอบเพื่อให้สามารถประคองตนเองให้เข้มแข็ง อยู่รอดและเติบโตได้ภายใต้ความโปร่งใส มีคุณธรรม จริยธรรม (Good Governance) ในการอยู่ร่วมกัน และหากมีมื่อพบว่าสถานการณ์ใด ๆ เกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งทางการบริหารหรือการประกอบสัมมาอาชีพของตนเองไม่ว่าในภาคเกษตร ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาคมโลกก็ตาม เราก็สามารถปรับเปลี่ยนแผนการทำงาน โดยวิเคราะห์เพื่อหาสาเหตุหรือผลกระทบที่แท้จริง ถ้าใช้หลักวิชาการหน่อยก็อาจวิเคราะห์โดยใช้ผังก้างปลา (Fish Bone Diagram) ไม่ว่าเป็นก้าง 4 M คือ Man Machine Money หรือ Method หลักนี้ก็ยังใช้ได้อยู่ ถ้าเราเข้าใจและนำมาใช้อย่างจริงจัง เมื่อเรารู้ว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร ตัวเราเป็นเช่นไรแล้ว และทิศทางต่อไปของเราเป็นเช่นไร เราก็สามารถดำเนินการ (A=Act) ต่อไปได้อย่างรอบคอบ และเราจะอยู่รวดและเติบโตได้อย่างมั่นคง ซึ่งผมแม้ว่าหลายท่านอาจไม่เห็นด้วยกับทัศนะของผม ท่านผู้ทุกท่านอาจกำหนดแนวคิด ทิศทางของตนเองขึ้นมาได้ภายใต้ความหมายของ “ทางสายกลาง คำนึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตัดสินใจ และการกระทำ” นั่นแหละคือสิ่งซึ่งเรานำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิตอย่างสมบูรณ์
สุดท้ายขอเชิญชวนทุกท่านได้ติดตามเรื่องราว "เศรษฐกิจพอเพียงกับโกภิวัฒน์" ต่อไปและร่วมแบ่งปันความรู้ต่อไปด้วยครับด้วยความปราถนาดีและเคารพยิ่งประจวบ ไกรขาวนักศึกษาปริญญาเอก รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตโทร. 08 1390 2390ประจวบ ไกรขาว
นักศึกษาปริญญาเอก รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต
สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ น้องประจวบ และท่านผู้อ่านทุกท่าน
ผมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการ เศรษฐกิจพอเพียง กับ โลกาภิวัตน์ เพิ่มเติม ดังนี้ ครับ
ภาพรวมของการเผยแพร่ความรู้ “เศรษฐกิจพอเพียง กับ โลกาภิวัตน์ (Unit over View) : ควรเน้นการดำรงชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน ทุกสาขาอาชีพ นักศึกษา ประชาชนทั่วไป ให้มีความรู้ มีทัศนคติ มีความคิด มีความเข้าใจว่า ถ้าจะให้มีความสุข ความยั่งยืน จำเป็นต้องมีความรู้ ความเข้าใจในปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนการปฏิบัติตนตามแนวทางของเศรษฐกิจพอเพียง อย่างไร
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นกระบวนทัศน์ใหม่ของการพัฒนาที่คำนึงถึงทุกสิ่งทุกอย่าง และจะช่วยให้รอดพ้นวิกฤตในปัจจุบัน คำถามที่อาจจะใช้เป็นแนวทางในการจัดรายการ· "เราจะดำรงชีวิตในโลกนี้ได้อย่างไรจึงมีความสุข ความยั่งยืน?"
· อะไรเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต?
· เศรษฐกิจพอเพียงมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตอย่างไร ?
· เศรษฐกิจพอเพียงปลูกฝังให้คนไทยเรียนรู้ตั้งแต่ประถมศึกษา ใช่หรือไม่หรือ ควรจะบรรจุหลักสูตรเศรษฐกิจพอเพียงเฉพาะในมหาวิทยาลัยหรือไม่ เพราะอะไร ?
· เห็นด้วยหรือไม่ว่าน่าจะสร้างหลักสูตร เศรษฐศาสตร์บัณฑิต( เศรษฐกิจพอเพียง) ?
· เศรษฐกิจพอเพียง เด็กไทยได้อะไร อย่างไร ?
· รูปแบบการเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ เศรษฐกิจพอเพียงให้เยาวชน คนไทย รูปแบบในบ้าน รูปแบบในโรงเรียน รูปแบบในสถานประกอบการ รูปแบบในชุมชน ใน กทม…..มีอย่างไร?
· บทบาทของนักบริหารในการนำเศรษฐกิจพอเพียงไปเผยแพร่ให้ลูกจ้างได้เรียนรู้ ใช่หรือไม่ ผู้บริหารควรทำอย่างไร?
· “การปฏิรูปการศึกษา วัฒนธรรม บนฐานรากปรัชญาพอเพียง ควรทำหรือไม่ อย่างไร”
แต่ละคำถาม เชิญผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มีประสบการณ์หลากหลาย ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ร่วมเสวนากัน พร้อมกับใช้ภาพสารคดีที่เกี่ยวข้องประกอบให้มาก ๆ และเปิดโอกาสให้ผู้สนใจ แสดงความคิดเห็นมาที่รายการ และมาที่ blog นี้ ครับ สวัสดี ยมผมใคร่ขอเชิญชวนผู้อ่านทุกท่านติดตาม หาความรู้ เกี่ยวกับ "หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน และหากเราจะร่วมกันเดินทางเพื่อเสาะหาความรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้ก็จะเป็นสิ่งที่ดีมากนะครับ ผมชอบ
ด้วยความเคารพประจวบ ไกรขาวนักศึกษาปริญญาเอก รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตวันนี้ (6/11/06) ผมได้เดินทางไปถวายข้าวสารอาหารแห้งแด่พระสงฆ์ ที่วัดสุทธาวาส วิปัสสนา อ. ลาดบัวหลวง จ. ปทุมธานี ซึ่งประสบอุทกภัย ซึ่งน้ำท่วมสูงมาก ต้องจอดรถและนั่งเรือต่อไปยังวัดอีกประมาณ 4.5 กิโล ใช้เวลาประมาณ 25 นาที ซึ่งชาวบ้านประสบความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก หากสังเกตุจากภาวะแวดล้อมแล้ว คาดว่าชาวบ้านแถบนั้น อาจจะต้องทนทุกข์ไปอีกหลายสัปดาห์ และที่น่าเป็นห่วงก็คือ เราจะช่วยพวกเขาเหล่านั้น ฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่และการทำมาหากินหลังน้ำท่วมอย่างไร ให้เขากลับสู่สภาพเดิมให้เร็วที่สุด ร่วมด้วยช่วยกันนะครับ
และเมื่อวันศุกร์-เสาร์ที่ผ่านมา (3-4 พ.ย.49) ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมวิชาการเฉลิมพระเกียรติฯ ณ ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งจัดโดยสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือที่เรียกย่อ ๆ ว่า สมศ. ในฐานะ ผู้ประเมินภายนอกซึ่งเนื้อหาวันแรกเป็นเรื่องเกี่ยวกับการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ในวงการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหัวใจของหลักเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งถ่ายทอดโดย ดร. จิรายุ อิศรางกูรฯ โดยกล่าวถึง “ 3 ห่วง 2 เงื่อน” คือ ต้องมี 3 หลัก 2 เงื่อนไข หมายความถึงหลักการ 3 ประการคือ1) ความพอประมาณ 2) ความมีเหตุมีผล และ3) มีภูมิคุ้มกันและเงื่อนไข 2 ประการคือ1) ความรอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง2) คุณธรรม จริยธรรม ซื่อสัตย์สุจริต ความเพียร การใช้สติปัญญา เพื่อให้ตนเองมั่นคงและแบ่งปัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกันต่อจากนั้นก็เป็นการเสวนา เรื่องตามรอยพ่อ วิถีแห่งการพัฒนาชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นการประยุกต์หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกับการศึกษาในระดับประถมศึกษาถึงระดับมัธยมศึกษา โดย ดร. ปรียานุช พิบูลสราวุธ อาจารย์พริ้มพราย สุพโปฎก อาจารย์กรรณิการ์ มาบุญมี อาจารย์กัญพิมา เชื่อมชิต และดำเนินรายการโดยคุณศิริบูรณ์ ณัฐพันธ์ ซึ่งกล่าวถึงการจัดหลักสูตรเศรษฐกิจพอเพียง การสร้างสรรผลงาน/นวัตกรรมตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง การปูพื้นฐานความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักปรัชญาให้เด็กนักเรียนตั้งแต่วัยประถม/มัธยม
และที่สำคัญในช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ 3 มีการจัด Symposium นำเสนอผลงานวิจัยเกี่ยวกับพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อม ๆ กับการเสวนา เรื่อง ตามรอยพ่อ วิถีแห่งการพัฒนาคน พัฒนาชาติ กล่าวถึงการนำเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้นั้น จะต้องร่วมมือกันของทุก ๆ ฝ่าย ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง โดยแบ่งเป็น 8 กลุ่มด้วยกันคือ 1) กลุ่มผู้นำทางความคิด 2) นักวิชาการ 3) สถาบันทางการเมือง 4) สถาบันการศึกษา 5) สื่อมวลชน 6) ประชาสังคม ผู้นำชุมชน 7) องค์กรภาครัฐ และ 8) องค์กรภาคเอกชน ซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ดีมากที่หน่วยงานทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมและนำปรัชญาไปใช้อย่างจริงจัง ที่สำคัญคือ ทำอย่างไรให้เกิดกระจายตัวสู้ชุมชนและท้องถิ่นชนบทให้เข้าใจและประยุกต์ใช้ได้อย่างแท้จริง
โดยส่วนตัวผมคิดว่า วิธีอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยเสริมได้ก็คือ อาจจะนำหลักการบริหารธุรกิจ MLM หรือธุรกิจลูกโซ่มาใช้ในการขับเคลื่อน โดยมีผู้คอยให้คำแนะนำติดตามช่วยเหลือจนปฏิบัติเป็นกิจวัตร ไม่ใช่แค่เพียงประชาสัมพันธ์ผ่านสื่ออย่างเดียว ในแต่ละท้องถิ่นอาจจะมีการคัดเลือก Role Model หรือแบบอย่างของการนำหลักปรัชญามาใช้ในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัดและระดับประเทศ เป็นต้น หรือจัดให้อาสาสมัครที่เข้าไปร่วมขับเคลื่อนจากกลุ่มชมรมนักศึกษาตามมหาวิทยาลัย ชมรมอิสระต่าง ๆ ก็จะทำให้พลังขับเคลื่อนรุดหน้าไปได้รวดเร็วและยั่งยืนด้วยความเคารพประจวบ ไกรขาวนักศึกษาปริญญาเอก รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตและตื่นขึ้นมาเห็นความเป็นจริงว่า การใช้ชีวิตอย่างพอเพียงเป็นของ “ยั่งยืน” สำหรับคนไทยมากกว่า”ลมพิษปรัชญานิยม”ที่ตอนพัดมาก็เย็นดี แต่เพียงวูบเดียวก็ปวดแสบปวดร้อนกันไปทั่ว
- ถึงตรงนี้ หลายคนก็ยังสับสนกับความหมายของเศรษฐกิจพอเพียงเอาแบบง่ายๆ เลยนะคะ เวลาเราพูดคำว่าเศรษฐกิจพอเพียงนั้น เราหมายถึง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งได้รับพระราชทานมาจากองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2542 ทุกคนก็จะสงสัยว่ากระบวนการได้มาซึ่งคำนิยามมันเป็นอย่างไง ก็อยากจะให้ทราบว่าจริง ๆ แล้ว พระองค์ท่านได้ทรงมีพระราชดำรัสเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงครั้งแรก ปี 2540 พอปี 2541 พระองค์ท่านก็ทรงมีพระราชดำรัสเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง แต่พระองค์ท่านบอกว่าต้องมาพูดอีกเพราะไม่เข้าใจจากนั้นพอปี 2542 ขณะที่ดิฉันอยู่ที่สภาพัฒน์ และตอนนั้นเราก็เพิ่งเจอวิกฤติเศรษฐกิจมา เข้าสู่แผนฟื้นฟูของ ไอเอ็มเอฟ อยู่ เราก็บอกว่า เอ๊ะ เราน่าจะมานั่งศึกษาเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงกันไหม ว่าจริงๆแล้วมีความหมายว่าอะไร และจะสามารถทำมาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศได้อย่างไร ก็เลยได้มีการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายสาขาประมาณสิบกว่าท่าน มาประชุมอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหกเดือน ต่อมาหลังการประมวลพระราชดำรัสที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาต่างๆ มา ก็ออก มาเป็นนิยามของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จากนั้นก็เลยมีกระบวนการที่จะขอพระบรมราชานุญาต และพระบรมราชวินิจฉัยว่าถูกต้องหรือไม่ จะได้นำไปเผยแพร่ในสาธารณชนวงกว้างได้นำไปใช้ในการดำเนินชีวิต ที่สุดก็ได้รับพระบรมราชานุญาตเมื่อ พฤศจิกายน 2542 ทีนี้เมื่อเราได้ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง เราก็มาดูก่อนว่าเป้าหมายเพื่ออะไร เป้าหมายก็เพื่อให้เกิดการสมดุลและพร้อมรับต่อความเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ด้านไหนบ้าง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านวัฒนธรรม
- ไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจอย่างเดียวใช่ค่ะ และตรงนี้ถ้าเราสามารถสร้างความพอเพียงให้เกิดขึ้น ทำอะไรก็ทำอย่างพอเพียง คิดอย่างพอเพียง พูดอย่างพอเพียง ตามพระราชดำรัส จะทำให้ชีวิตเราสมดุล มันก็จะทำให้เราพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงทำไมต้องเน้นเรื่องความสมดุล และพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงเรามาคิดภาพง่าย ๆ ว่า สมมุติมีอะไรมากระทบต่อระบบ เช่น เทปของคุณที่ตั้งอยู่นี่ มันสมดุลใช่ไหม ถ้าเกิดการเปลี่ยนเราไปกระทบมันขึ้นมา มันก็ล้ม เรื่องจริงเลย ทุกอย่างจะตั้งอยู่ได้มันต้องสมดุล ชีวิตเราจะต้องสมดุลไหม สมดุลระหว่างร่างกายและจิตใจ สมดุลระหว่างชีวิติทำงานและครอบครัว สมดุลระหว่างความเป็นตัวของเรา กับตัวของเราในชุมชน สมดุลระหว่างรายได้รายจ่าย กับการใช้ชีวิตในสังคม สมดุลไหมในการใช้ชีวิตในบ้านของเรา รักษาสิ่งแวดล้อม สมดุลไหมระหว่างความเป็นคนไทยกับการอยู่ในกระแสโลกาภิวัฒน์ เห็นได้ว่าความสมดุลจะทำให้เราอยู่ได้ที่นี้ความสมดุลจะเสียเมื่อไร เราจะเสียศูนย์ เสียสมดุล ก็เมื่อมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น มันสัมพันธ์กัน การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นที่พระองค์ท่านทรงพระราชทานคำนิยามมาก็คือว่า เปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ รายได้ รายจ่ายไม่สมดุลแล้ว ทำยังไง เราก็ใช้หลักพอเพียงเพื่อรักษาความสมดุลและพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลง เสียดุลด้านสังคม เราอยู่ในครอบครัว ครอบครัวอบอุ่น ชุมชนเข้มแข็ง กลุ่มที่เราอยู่อาจจะเป็นกลุ่มแม่บ้าน หรืออย่างบริษัท ต่างๆ มีความสามัคคีกัน ความสันติสุขในสังคม เสียสมดุลเมื่อไหร่เกิดปัญหาแตกสามัคคีขึ้นมาทันที เพราะฉะนั้นหลักความพอเพียง เพื่อจะทำให้ชีวิตของคนทุกระดับ ระดับบุคคล ระดับชุมชน องค์กร ระดับสังคมวงกว้าง ระดับประเทศ สามารถรักษาสมดุลได้อย่างยั่งยืน ก็คือต้องพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ
- ฟังดูดีมาก แต่จะนำไปใช้ได้ยังไงคะมีหลักง่ายๆ ว่าสามห่วงสองเงื่อนสามห่วงคือ พอประมาณ มีเหตุมีผล ปละภูมิคุ้มกัน เรื่องที่หนึ่งพอประมาณ ยกตัวอย่างเช่น ใช้จ่ายเงินพอประมาณกับรายได้ไหม ใช้เกินไป เป็นหนี้เป็นสินจนล้มละลายไหมทั้งระดับบุคคล ชุมชน กลุ่มองค์กร แม้แต่บริษัทธุรกิจใช้จ่ายเงินยังไงก็ต้องรักษาสมดุลให้ได้ ระดับประเทศก็เหมือนกัน รายได้จากการส่งออก การท่องเที่ยว จากการที่คนไทยในต่างประเทศส่งเงินเข้ามาในประเทศ รายจ่ายเกิดจากอะไร สินค้านำเข้า พลังงาน อันนี้ปัญหาใหญ่เพราะฉะนั้นประเทศชาติเองก็ต้องรักษาสมดุลให้ได้ ถ้าขาดดุลไปต่อเนื่องมันก็มีปัญหา เพราะฉะนั้นการใช้จ่ายอะไรคิดระดับตัวเองก่อนมันก็ต้องพอประมาณ ข้อสอง ต้องมีเหตุผล เช่นใช้จ่ายสิ่งที่จำเป็นหรือเปล่า ถ้าฟุ่มเฟือยไม่จำเป็นก็แสดงว่าไม่พอเพียงแล้ว เท่านั้นยังไม่พอยังมีหลักข้อที่สาม ก็คือต้องมีภูมิคุ้มกัน คือต้องคำนึงถึงความเสี่ยงตลอดเวลา พูดง่ายๆ ระดับบุคคล เราต้องมีประกันชีวิต เราต้องมีประกันความเสี่ยง เพราะอะไรคะ เพราะถ้าเกิดป่วยขึ้นมา เราได้เตรียมความพร้อมไว้สำหรับตรงนี้ไหม ลูกหลานตอนเปิดเทอมเตรียมไว้เงินไว้สำหรับจ่ายค่าเทอมลูกหรือเปล่า ไม่ใช่ทุกปีพอต้องจ่ายค่าเทอมลูก ต้องเอาของในบ้านไปจำนำอันนี้พูดถึงชีวิตแบบคนทั่ว ๆ ไป เลยนะคะ ไม่ได้พูดถึงคนที่มีรายได้มากมายอะไรทุกคนก็ประสบปัญหาแบบนี้ เพราะฉะนั้นตรงนี้ ถ้าเราใช้ชีวิตอย่างนี้ไปต่อเนื่อง มันก็จะพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลง เพราะเราจะคำนึงถึงอยู่ตลอดเวลาว่า เอ๊ะ มันอาจจะมีปัญหาอะไรไหมในครอบครัวของเรา เราก็ต้องป้องกันเอาไว้ก่อน เรื่องสิ่งแวดล้อมก็เหมือนกัน ถ้าเราใช้ทรัพยากรพอประมาณ ไม่มากเกินไป โอเคไม่น้อยเกินไป สมมุติว่าจะตัดไม้มาใช้ทั้งในการพัฒนาประเทศ หรือในชุมชนก็ตามแต่ก็ตัดแต่พอประมาณ ตามความจำเป็นและการมีเหตุมีผลก็ต้องคิดว่าตัดไม้นี้มาเพื่ออะไร ไม่ใช่เพื่อตอบสนองความโลภพอมาถึงการสร้างภูมิคุ้มกันเราก็ต้องคำนึงด้วยว่าเอ๊ะ เราต้องปลูกต้นไม้มาทดแทนหรือเปล่า ถ้าเราทำอย่างนี้ไปอย่างต่อเนื่องสิ่งแวดล้อมก็สมดุลตลอดเวลา มันก็ยั่งยืนใช่ไหมค่ะ ด้านวัฒนธรรมอันนี้จำเป็นมากเลยวัฒนธรรมมันมีสองด้าน คือ ด้านศิลปะประเพณี กับด้านค่านิยมของไทย คนไทยเราค่านิยมที่เรารู้สึกเลยว่าเป็นคนไทยก็คือมีน้ำใจ เอื้อเฟ้อเผื่อแผ่ ตรงนี้จะรักษาสมดุลอย่างไร เราอยู่ในโลกของโลกาภิวัฒน์มีค่านิยมต่าง ๆ เข้ามามากมาย แต่เรามีประเพณีของเราเอง เราจะรักษาสมดุลอย่างไร เราก็ต้องดูแล้วว่ามันพอประมาณกับกาละเทศะไหม มีเหตุมีผล ทำไมเราต้องรักษาของไทย ทำไมวันนี้เราจะต้องแต่งตัวสากล มีภูมิคุ้มกัน เราต้องมีจิตสำนึกสืบสานอนุรักษ์ สิ่งที่เป็นภูมิปัญญาไทยหรือเปล่า เศรษฐกิจพอเพียงบอกว่าจำเป็นเพราะสมดุลในความเป็นไทยภายใต้กระแสโลกาภิวัฒน์ ถ้าไม่ทำ เราจะมีชาติอยู่ไปเพื่ออะไร แล้วที่คนเขาสงสัยว่า โอ้โฮ แล้วพอเพียงนะ มันจะทำได้อย่างไร บอกเลยว่าเงื่อนไขก็ 2 อย่าง คือความรู้ กับ คุณธรรม เศรษฐกิจพอเพียงนี้เป็นเรื่องคุณธรรมนำความรู้เลย เช่น เมื่อเราพูดกันถึงวัฒนธรรม เราต้องตั้งสติ ต้องมีปัญญาว่า เอ๊ะ เราเป็นใครในโลกนี้ ไม่ใช่อะไรเข้ามาก็รับหมด ตั้งสติว่า เราเป็นคนไทยจะรับอะไรเข้ามา เอามาต่อยอดภูมิปัญญาดั้งเดิมได้ไหม จะรักษาสมดุลอย่างไร ตั้งสติในการใช้จ่าย ตั้งสติในการอยู่ในสังคม ตั้งสติในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นไหมคะว่าคุณธรรมข้อตั้งสติก็สามารถรักษาสมดุลทั้งหมดได้แล้วนอกจากนี้พระองค์ท่านยังบอกว่า ใช้ปัญญาใช้ความรอบคอบในการใช้วิทยาการอันนี้สำคัญมาก เพราะที่ผ่านมาในบางครั้งที่มีปัญหา เพราะเราไปรับความรู้วิชาการต่างประเทศเข้ามาแต่เราใช้อย่างไม่รอบคอบ เราไม่ดูก่อนว่ามันสอดคล้องหรือไม่กับประเทศไทย อย่างการนำพืชบางอย่างมาปลูกโดยไม่คำนึงอย่างรอบคอบว่ามันจะทำลายพืชพันธ์เดิม ทำลายความสมดุลทางสิ่งแวดล้อมหรือเปล่า เพราะฉะนั้นจะใช้ความรู้ก็ต้องใช้อย่างรอบรู้รอบคอบระมัดระวัง นอกจากนี้แล้วพระองค์ท่านบอกว่าต้องขยัน หมั่นเพียร อดทน
- ไม่ใช่แค่การพูดถึงเรื่องการประหยัดมัธยัสถ์ หรือทำแล้วจะจนอย่างที่หลายคนกังวนใช่ค่ะ หลายคนบอกว่าการใช้ชีวิตพอเพียงเป็นการถอยหลังเข้าคลอง ไม่ใช่เลยถามว่าถ้าคุณขยัน คุณอดทนในการทำมาหากิน ตรงนี้มันก็จะไปได้ ดังนั้นตรงนี้แหละที่ทำให้เราต้องมีคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่ง ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นประธาน เพราะว่าคนก็จะนิยามว่า ประหยัดมัธยัสถ์ไม่ซื้อของต่างประเทศ แต่มันไม่ใช่จากที่กล่าวมาความหมายมันกว้างกว่านั้น ทุกเรื่องเลยแล้วถามว่าถ้าคุณตั้งสติใช้ชีวิตรักษาสมดุลในด้านต่างๆ อย่างที่กล่าวมา เรามีแต่จะก้าวหน้าไป เป็นก้าวหน้าอย่างมั่นคงและก็ยั่งยืนด้วย ประเทศชาติก็เหมือนกัน คนไทยเราต้องดูแลให้เกิดความสมดุลก่อน หลังจากนั้นก็ค่อยก้าวหน้าไปทีละขั้นตอน เช่นเราบอกว่า จะเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาแล้วนะคนในชาติส่วนใหญ่พร้อมรับหรือยังเศรษฐกิจพอเพียงบอกว่า ทุกคนจะต้องค่อยก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆกัน นั้นเพราะว่าคนกระจุกเดียวเท่านั้นที่พุ่งไปข้างหน้าเลย แต่คนส่วนใหญ่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง อันนี้มันก็เกิดความก้าวกระโดด คนส่วนใหญ่ในประเทศเราต้องดูว่าเขาได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีคุณภาพหรือยัง โครงสร้างพื้นฐานไปสู่คนส่วนใหญ่แล้วหรือยัง และพอเพียงพอประมาณกับสถานภาพ สิ่งแวดล้อมนั้นหรือไม่ เราไม่จำเป็นต้องเอา 8 เลน ไปทุกหมู่บ้านหรอก ขอแต่เพียงว่าทุกหมู่บ้านสามารถเชื่อมต่อกับตลาด เชื่อมต่อกับหมู่บ้านอื่นๆ ได้ จะเป็นราดยางก็ได้ แต่ไม่ใช่ลูกรัง บางพื้นที่โอ้โฮ เขามีถนน 10 เลน แต่บางแห่งตายแล้วยังไปไม่ถึงเลย ซึ่งดิฉันคิดว่าตรงนี้เรามีการเขย่งกันอยู่ในสังคมสังคมมันก็ไปด้วยกันไม่ไว้ ดั้งนั้น ตรงนี้เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเรื่องของการพัฒนาคนล้วนๆ เลยเพราะเป็นหลักคิดการใช้ชีวิตอย่างพอเพียงถึงบอกว่าการพัฒนาประเทศตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ต้องเริ่มต้นที่ไหน ก็กลับไปว่ากันที่ต้องเริ่มต้นที่การพัฒนาคนทำอย่างไรให้คนมีจิตสำนึกพอเพียง และเข้าใจว่าจะใช้ชีวิตพอเพียงอย่างไร เช่นการทำบัญชีรายรับ รายจ่าย แต่ก่อนเขาบอกว่ารายรับลบรายจ่ายเป็นเงินออม เดี๋ยวนี้เขาไม่ทำแล้ว แต่เขาพลิกวิธีคิดเป็นรายรับลบเงินออมเป็นรายจ่าย เห็นไหมค่ะตรงนี้คนก็จะคิดว่า เอ๊ะ เราต้องออมเท่าไหร่ แล้วถึงจะไปจ่ายไม่อย่างนั้นเราไม่มีเงินออมเหลือเลยนะคะดิฉันคิดว่า สิ่งที่ผ่านไปเราก็ต้องยอมรับนะคะว่า เราอยู่ในประชาธิปไตย คนไทยเราเลือกรัฐบาลมา เพราะฉะนั้นมีอะไรเกิดขึ้น เศรษฐกิจพอเพียงบอกว่ากลับมาโทษตัวเอง เราอาจจะหลงไปตามกระแส เราอย่าโทษใคร เราต้องโทษตัวเอง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เมื่อเราเห็นปัญหาจากความไม่พอเพียง เราต้องกลับมาตั้งสติอย่างที่บอกไปแล้ว ตอนนี้ล่ะเป็นช่วงเวลาที่เราต้องตั้งสติ และสำรวจรอบตัวเราก่อนว่า ที่ผ่านมาเราใช้ชีวิตไม่พอเพียงอย่างไรบ้างตรงนี้เราถึงจะแก้ปัญหาได้ อย่าไปบอกให้คนอื่นมาแก้ปัญหาให้เรา เพราะเศรษฐกิจพอเพียงบอกว่า คุณต้องพึ่งตัวเองได้ก่อน ถ้าช่วงที่ผ่านมากระแสมันทำให้เราใช้บัตรเครดิตเกินตัว ติดหนี้สินตั้งสติสิ มาสำรวจดูว่าเราใช้ชีวิตไม่พอเพียงอย่างไร มาแก้ที่ตัวเราเอง
- หมายความว่าอย่าไปโทษว่ารัฐบาลเก่าทำไม่ถูกค่ะ เราอย่าไปโทษ เพราะอะไร เพราะเราเป็นคนเลือกเขามาตรงนี้ถึงจะเริ่มแก้ปัญหาได้นโยบายของรัฐบาลชุดเก่าถึงแม้ว่าจะเป็นประชานิยม แต่จริงๆแล้ว มันอยู่ที่การนำมาใช้ คือเศรษฐกิจพอเพียง มันสร้างความเข็มแข็งให้กับบุคคล เช่นถ้าเราสอนเด็กนักเรียนว่าใช้เงินต้องคำนึงถึงประโยชน์ของอาหารที่เด็กซื้อว่าพอประมาณไหม จำเป็นไหม แล้วก็มีภูมิคุ้มกันไหม ทานแล้วทำลายสุขภาพหรือเปล่าอย่างน้ำอัดลมกินแล้วอ้วน ฟันผุ มันไม่ได้ผิดที่คนขายน้ำอัดลม มันผิดที่เราต่างหากไม่ได้สอนเด็กให้รู้ว่าอะไรจำเป็นกับชีวิตเรา อะไรเป็นประโยชน์กับตัวเรา เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงต้องสร้างความรู้ให้ทันคน ให้รู้ว่าชีวิตที่พอเพียงมีประโยชน์อย่างไรชีวิตที่ไม่พอเพียงมีโทษอย่างไร
- ถ้ารัฐบาลใหม่จะนำเอาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้จริงๆ อาจารย์มองว่าจะเริ่มตรงไหนก็อย่างที่บอกว่าต้องรีบเร่งพัฒนาคนระดับผู้บริหารให้เห็นความสำคัญของเศรษฐกิจพอเพียง แล้วเอาไปใช้ในการจัดการ มันไม่เกี่ยวกับเรื่องงบประมาณบางคนบอกว่าเศรษฐกิจพอเพียงต้องมีงบประมาณมาให้ ไม่ใช่นะคะ เป็นเรื่องปรับความคิดของคน งบประมาณคุณมีเท่าเดิม แต่ใช้งบประมาณอย่างไรที่จะสร้างความพอเพียงให้เกิดขึ้นในด้านต่างๆ ตามที่พูดมา อย่างชุมชน อบต. เขาบอกว่า เขาได้กองทุนหมู่บ้านละหนึ่งล้านบาทมา ตั้งสติ ถ้าคุณจะรับนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ คุณต้องตั้งสติสำรวจดูว่าที่ผ่านมากองทุนหมู่บ้านของเรารั่วไหลไปบ้างหรือเปล่า การให้กู้เป็นไปอย่างสุจริตไหม แต่ละคนที่กู้ไปเอาเงินไปใช้อย่างพอเพียงหรือไม่ เราต้องแก้ปัญหาที่คนเพราะฉะนั้นสำรวจตัวเองก่อนแล้วดูว่ารัฐบาลที่ผ่านมา เราหลงละเลย และลืมไปบ้างหรือเปล่า ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีอยู่เราเอามาใช้ต่อยอดสืบสานบ้างหรือเปล่าซึ่งตรงนี้ถ้าแต่ละคนรับนโยบายมา แล้วร่วมกันสร้าง ครอบครัวพอเพียง สร้างหมู่บ้านพอเพียง สร้างตำบลพอเพียง สร้างชุมชนพอเพียง อันนี้แหละเป็นการสนองนโยบายรับบาล - คนไทยโดยเฉพาะชนบทที่ผ่านมาอินกับประชานิยมโดยรัฐบาลชุดก่อนมากแล้วอยู่ ๆ รัฐบาลใหม่ประกาศใช้เศรษฐกิจพอเพียงเลย คนจะรับได้ขนาดไหนดิฉันคิดว่าจริง ๆ นโยบายตรงนี้ เป็นนโยบายที่จะป้องกันวิกฤติไม่ให้เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ถ้าในระดับรากหญ้าไม่ตระหนักถึง โทษของการใช้ชีวิตที่ไม่พอเพียง ดิฉัน คิดว่าวิกฤติมันก็อาจจะมาก็ได้ เพราะฉะนั้นตรงนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมมากเลยที่ทุกคนในประเทศไทย ทุกชุมชน ทุกตำบล ทุกอำเภอ ต้องมาตั้งสติแล้ว ถ้าที่ผ่านมาคุณไม่มีปัญหา คุณพอเพียงอยู่แล้วก็ดี เราชื่นชมแต่ถ้าไม่พอเพียง คุณต้องรู้ว่าคุณมีภูมิคุ้มกันหรือเปล่า ถ้าบางแห่ง เช่นในหมู่บ้าน คนเป็นหนี้สินกันมาก คุณอย่าปล่อยให้ถึงจุดล้มละลายสิ คุณมาตั้งสำรวจก่อนว่าที่ผ่านมาปัญหามันเกิดขึ้นตอนไหน
- ถึงจะเคยชินกับการถูกป้อนให้มาช่วงหนึ่งก็ยังทันการณ์ถ้าคิดจะเปลี่ยนทันคะ ทันคะ เพราะอะไรคะ เพราะว่าตอนที่ประชานิยมมา ตอนที่เรายังไม่รู้จักประชานิยม ทำไมเรารับเข้ามาได้ล่ะ(หัวเราะ) ใช่ไหมค่ะ ดิฉันคิดอย่างนี้ แต่ถ้าไม่ทำตอนนี้สิค่ะเรื่องใหญ่ เพราะฉะนั้นตรงนี้ เศรษฐกิจพอเพียงของรัฐบาลใหม่ที่เข้ามาตอนนี้ ดิฉันบอกได้เลยว่าจำเป็นมากเลย จะเป็นอะไรที่มาป้องกันไม่ให้สังคมไทยเกิดวิกฤติที่ร้ายแรงเหมือนปี 2540
- แสดงว่าอาจารย์เห็นด้วยกับนโยบายนี้(ยิ้ม) ดิฉันบอกได้เลยว่าเห็นด้วยเต็มที่ค่ะ แล้วก็มีความศรัทธาอย่างมาก เป็นคุณูปการอย่างยิ่งเลยสำหรับประเทศชาติไทย เพราะอย่างที่เรียนให้ทราบว่านักเศรษฐศาสตร์หลายท่านออกมาเตือนแล้วว่าจะเกิดวิกฤติในระดับรากแก้ว เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจพอเพียงเท่านั้นที่จะแก้ไข ไม่ใช่แก้ไขสิ แต่ป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นดิฉันไม่อยากให้เรามาเจ็บอีก เจ็บคราวที่แล้ว(วิกฤติเศรษฐกิจปี 40) เจ็บระดับคนเมือง เจ็บระดับสูง ถ้าเจ็บคราวนี้จะเป็นระดับรากแก้ว หมดเลย
- ส่วนตัวคิดว่ารัฐบาลชุดนี้จะผลักดันไปได้ขนาดไหนดิฉันตั้งความหวังค่ะ และเชื่อว่าพลังศรัทธาของคนไทยที่มีต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงของรัฐบาลลุล่วงไปได้ด้วยดี คนไทยศรัทธาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่มาก เพราะฉะนั้นตรงนี้ประกาศออกมา ทุกคนพร้อมรับ แต่เพียงเขาอาจจะยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงเท่านั้นเอง
- แล้วด้วยพื้นฐานนิสัยคนไทยจะไปได้ไหมค่ะ จริง ๆ เราอยู่อย่างพอเพียงมาตั้งนานแล้วแต่ที่ผ่านมาเอาเป็นว่าอาจจะหลงไปแป๊บหนึ่ง เหมือนดูหนังแล้วคิดว่าหนังเป็นชีวิตของเรา แต่ตอนนี้กลับสู่ชีวิตจริงจริงๆที่ผ่านมาดิฉันเชื่อว่าเขาไม่ได้มีความสุขที่แท้จริงหรอกในเมื่อใช้เงินไปมากๆ ถึงจุดหนึ่งจะรู้ว่าเงินไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิตดิฉันคิดว่าคนเริ่มตระหนักแล้วถึงปัญหาความไม่พอเพียง เพราะฉะนั้นเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ตอนนี้เหมาะเจาะที่สุดเลย(ต่อ)
- มีอะไรที่เป็นห่วงบ้าง ที่ห่วงนิดเดียวก็คือว่าการบริหารการจัดการที่เกิดขึ้น มันจะทำได้แค่ไหน เพราะถ้าคนยังไม่เข้าใจก็จะไม่สามารถเอาไปใช้ได้ ดิฉันจึงขอฝากว่าน่าจะมีการอบรมผู้บริหารระดับพื้นที่ ให้สามารถนำเศรษฐกิจพอเพียงประยุกต์ใช้ได้จริง ตรงนี้ต้องรีบสร้าง ต้องเริ่มตนที่พัฒนาคนและต้องเริ่มต้นที่ผู้บริหารในพื้นที่ นายอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน ครู พวกนี้ต้องไปด้วยกันหมด เพียงแต่ประกาศเป็นนโยบายไปถ้าคนไม่ทำก็ไม่ได้ มันก็ลอยๆ เพราะฉะนั้นในพื้นที่ ต้องอบรมเขาให้เข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้จริงจึงจะสามารถขับเคลื่อนไปได้ถ้าเกิดนายอำเภอ อบต. ผู้นำ ทุกคนเลย ผู้ใหญ่บ้าน ครู ข้าราชการ มานั่งเรียนรู้ร่วมกันเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง มาทำแผนการพัฒนาอำเภอตามเศรษฐกิจพอเพียงอันนี้ไปได้แน่นอน ตรงนี้แหละที่อยากให้ลงไปถึง เพราะเราไม่ได้พัฒนาลงแผ่นกระดาษ ไม่ได้พัฒนาในทำเนียบ แต่ต้องลงไปในพื้นที่ๆ คนไทยอยู่ตามตำบล ตามหมู่บ้าน ตามอำเภอ แล้วที่กลัวคือครูก็ไปทำส่วนครู พัฒนาชุมชนก็ทำแต่พัฒนาชุมชนสังคมสงเคราะห์ก็ทำแต่สังคมสงเคราะห์ต่างคนต่างทำ มันเปลืองพลังนะ ทำยังไงเราจะรวมพลังกันได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถึงมีพระราชดำริว่า ต้องให้คนดีมาบริหาร ตอนนี้เรามีคนดีมาแล้วนะในระดับพื้นที่ ดิฉันคิดว่าคนดียังมีอยู่เยอะแต่ยังไม่ได้รับโอกาสให้แสดง ศักยภาพ เพราะฉะนั้นตรงนี้จะทำยังไงให้เกิดการขับเคลื่อนในพื้นที่ได้
- แต่พอผ่านหนึ่งปีไป มีการเลือกตั้งใหม่เข้ามา น่ากลัวว่าประชานิยมจะกลับมาอีกมันอยู่ที่ความเข้มแข็งอย่าง เอาง่ายๆ จากที่เล่ามา คุณรู้สึกอยากนำเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ไหม คุณรู้สึกว่ามันดีใช่ไหมเพราะฉะนั้นตรงนี้ถ้าเขาเข้าใจอย่างถูกต้องแล้วเขาทดลองใช้หนึ่งปี คุณว่าเขาจะกลับไปเป็นแบบเดิมไหม เพราะฉะนั้นหนึ่งปีนี้มีคุณค่ามากเลย ทำยังไงจะให้ลงไปในระดับพื้นที่ได้ ให้เขาได้ลองมีการพัฒนาพื้นที่ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงด้านๆ ถามว่าถ้าเขาทดลองใช้แล้ว เขาจะกลับไปเหมือนเดิมไหม เพราะฉะนั้นดิฉันถึงย้ำว่าต้องรีบลงไปในระดับพื้นที่ แล้วถ้าเขาทำได้ไม่ว่านโยบายไหนเข้ามา เขาก็พอเพียงหมดแหละ เพราะว่าได้ปลูกฝังเอาไว้แล้ว อย่างเราแปลงฟันหลังอาหาร มันดีต่อสุขภาพปากและฟัน แล้วอยู่มาบอกให้เลิกแปลงฟัน ใครจะเลิกคะ
- ฟังดูแล้วมันอุดมคติ ไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้แต่ทำได้ค่ะ เพราะอะไรคะ ลองถามตัวเอง เราจะทำได้ไหม พยายามใช้เงินอย่างจำเป็นเท่านั้น มีเงินออมบ้าง แบ่งปันบ้าง บริจาคบ้าง ทำได้แต่ต้องมีวินัย ต้องมีศรัทธา และเห็นว่ามีประโยชน์จริง ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือว่า คนจะรอให้วิกฤติก่อน ล้มก่อน ถึงจะนึกถึงความพอเพียง อันนี้ดิฉันกลัวมากเลย เพราะฉะนั้นอยากให้คนเห็นประโยชน์ก่อน แล้วก็เห็นโทษที่เคยเกิดขึ้นเหมือนเราสอนเด็ก ทำไมเราต้องรอให้ลูกเราถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวกก่อน ถึงจะบอกเขาว่าเห็นไหมอย่าไปเล่นน้ำร้อน
- ช่วยเล่าถึงส่วนที่อาจารย์ทำอยู่ปัจจุบันโอ้โฮ ตรงนี้พอดีดิฉันอยู่กับการศึกษาล้วนๆ เลยกับประชาชน และ กศน. (การศึกษานอกโรงเรียน) งานหลักก็คือว่า ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ อย่างล่าสุดที่เพิ่มเสร็จกลับมาชลบุรี ก็ไปช่วยกันพัฒนาหลักสูตร สาระเศรษฐกิจพอเพียงในโรงเรียนตั้งแต่ประถม 1 ถึงมัธยม. 6 อาชีวศึกษาและ กศน. ด้วย โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของครูบาอาจารย์จากทั่วประเทศมาช่วยกันคิดหลักสูตรจะสอนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงให้กับเด็กเหล่านั้น สอนเป็นวิชาหลักแล้วก็บรูณาการ ยกตัวอย่างเด็กประถม 2 ครูพละศึกษา จะสอนวิ่งเปี้ยววิ่งเปี้ยวอย่างไรให้พอเพียง (ยิ้ม)โอ้โฮทำยังไง ก่อนอื่นก็ต้องบอกว่านี่หนูเธอจะวิ่ง เธอก็ต้องวิ่งเต็มความสามารถนะ แต่ก็ไม่ใช่วิ่งจนกระทั่งหกล้ม ก็ต้องระมัดระวังด้วย พอประมาณ มีเหตุมีผล เวลาวิ่งไปก็ต้องดูด้วยนะ เจอก้อนหินหรือเปล่า มีภูมิคุ้มกัน ก่อนจะมาวิ่งเปี้ยว ก็ต้องออกกำลังกายนิดหน่อย เตรียมความพร้อมเท่านี้ยังไม่พอ เสริมสร้างคุณธรรมด้วยเด็กบ้างคนพอไปแตะเพื่อนได้ ก็เอาผ้าตีๆๆ เพื่อน เราก็สอนเขาว่า นี่ ครูเห็นแล้วเธอจับเพื่อนได้แล้วทำไมไม่ยื่นมือไปดึงเพื่อนขึ้นมาล่ะ เห็นไหมสอนเศรษฐกิจพอเพียงให้เด็ก ป. 2 ในวิชาวิ่งเปี้ยว ต่อไปเราจะสอนแบบนี้เด็กม.ปลาย เรียนเคมี เรียนชีวะ ให้เขามีคุณธรรมนำวิชาการ เธอจะเรียนชีววิทยาไป เธอก็ต้องสนใจว่า เอ๊ะ มันพอประมาณกับประเทศไทยหรือเปล่า ศึกษาสมุนไพรไทยดีไหม อย่าไปศึกษาอะไรก็ไม่รู้ที่ประเทศไทยเราไม่มี มีเหตุมีผล ก็คิดถึงความจำเป็นว่าอันนี้เราจะพัฒนาไปใช้ยังไง ทำผลิตภัณฑ์ ต่างๆได้ไหม มีภูมิคุ้มกันเช่น พืชอันนี้ เวลาเราไปตัดออกมา เราจะปลูกทดแทนอย่างไร ทำยังไงที่จะรักษาให้เขาอยู่ได้อย่างยั่งยืน มั่นคง มีคุณธรรมเธออย่าไปใช้ความรู้นี้ทำร้ายสังคม อย่าไปทำลายสิ่งแวดล้อม ต่อไปเด็กก็จะเรียนชีววิทยาอย่างมีคุณธรรมนำชีวะ เพราะฉะนั้นตรงนี้จะปลูกฝังตั้งแต่เด็กประถมถึงมัธยมปลายคุณเห็นภาพไหมค่ะว่าต่อไปถ้าตรงนี้เข้าสู่หลักสูตรทั้งหมด ประเทศไทยจะเปลี่ยนไป เราต้องไปปลูกฝังตั้งแต่นั้นเลย
- สอดแทรกเข้าไปในทุกวิชาได้เลยหรือคะ
(ยิ้ม) อ้าว อย่างวิชาภาษาไทย ม. ปลายเขาเรียนขุนช้างขุนแผน แล้วเศรษฐกิจพอเพียงจะเข้าไปสอดแทรกได้อย่างไร ก็ต้องไปวิเคราะห์กันว่าขุนแผนใช้ชีวิตพอเพียงไหม มีภรรยาพอประมาณหรือเปล่า จำเป็นต้องมีภรรยา 5 คนไหม มีภูมิคุ้มกันไหม หรือมีคุณธรรมไหมเนี่ย เป็นการวิเคราะห์แบบสอดแทรกความพอเพียงเข้าไป
- ได้บรรจุเข้าไปในหลักสูตรแล้วหรือยังยังค่ะ ยัง อันนี้เพิ่งทำหลักสูตรเสร็จโดยกระบวนการการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยเทอมหน้าจะให้โรงเรียนต่างๆ ที่สนใจสมัครเข้ามาเป็นโรงเรียนอาสาสมัครเป็นเครือข่ายทดลองใช้ แล้วต้องมีการวิจัยเชิงปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วม คือบางครั้ง กทม. เขาอาจจะบอกว่ามันใช้อยากนะ สำหรับเด็ก ป. 4 มันยากเกินไป เราก็ต้องมีการทดลองใช้ก่อน หลังจากนั้นเปิดเทอมปีหน้าถึงจะประกาศใช้ อันนี้ก็รวมถึง กศน. และอาชีวศึกษาด้วย ซึ่งวิธีการเราไม่ได้สอนให้เด็กจำแล้วไปทำ แต่เราสอนให้เด็กคิด วิเคราะห์ แล้วเอาไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตจริง อย่างนี้ เด็กไทยถึงจะเข้มแข็งสามารถอยู่ในโลกโลกาภิวัฒน์ได้
- เรียกว่าให้คำว่าพอเพียงฝังในหัวกันตั้งแต่เด็กเลย ใช่ เพราะอะไรก็ตามที่เราสอนให้เด็กเขาคิดเขาเข้าใจ มันจะอยู่กับเข้าตลอดไปอย่างเด็ก ป. 1 ฝึกให้เขาดูแลตัวเองได้ เช่นกินข้าวหมดจาน จัดหนังสือใส่กระเป๋าได้ด้วยตนเอง คุณคิดว่าดีไหมล่ะ ม.5 ก็จะมีสอนวิเคราะห์แผนการพัฒนาด้านต่างๆ ระดับประเทศ เด็กเขาอาจจะบอกว่า เออ เอาแผนการพัฒนาลุ่มน้ำมาวิเคราะห์ดูไหมว่ามันพอเพียงหรือเปล่าเพราะฉะนั้นถ้าทำได้ เด็กจบออกมา เขาก็จะเข้าใจโลก เขาจะวิเคราะห์เป็น เขาจะรู้ว่า เออ อันนี้พอเพียงไม่พอเพียง เราก็เพิ่งเริ่มนะคะ อีก 12 ปี เด็ก ป. 1 ปีหน้าก็จะเรียนจบออกมา ตรงนี้เราจึงต้องปูพื้นแบบนี้ ประเทศชาติถึงจะอยู่ได้ - ทราบว่าอาจารย์เป็นนักเรียนทุนด้วยใช่ ก็ทั้งหมดที่ทำมาทุกวันนี้คือการใช้หนี้แผ่นดินนี่แหละ แต่ความที่เป็นนักเรียนไปอยู่เมืองนอก ครึ่งหนึ่งชีวิต เรารู้เลยว่าเราจะอยู่ในโลกได้ ต้องมีเอกลักษณ์ จะคิดถึงเลยว่า ความเป็นไทยคืออะไร เพราะว่าเราอยู่กับเพื่อนต่างชาติ ฝรั่ง จีน มาเลย์ แล้วความเป็นไทยเราอยู่ต้องไหนเพราะฉะนั้นตรงนี้ดิฉันจึงเห็นคุณค่ามากเลยว่าเราจะอยู่ภายใต้กระแสโลกาภิวัฒน์ ได้ เราต้องมีจุดยืน จุดยืนนั้นก็คือความเป็นไทย เพราะฉะนั้นความพอเพียงทางด้านวัฒนธรรม สำคัญมากเลย เพราะฉะนั้นพัฒนาไป ๆ สุดท้ายความเป็นไทยคืออะไร กินแม็คโดนัลด์มันอาจไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ความเป็นไทยมันต้องอยู่ในใจด้วย เราถึงจะดำรงความเป็นชาติได้ ภายใต้กระแสโลกาภิวัฒน์ เศรษฐกิจพอเพียงจะช่วยเราได้
- เริ่มเห็นคุณค่าของเศรษฐกิจพอเพียงตั้งแต่ตอนไหนก็พอเริ่มศึกษาตั้งแต่ปี 2544 ก็เห็นคุณค่าเลย แล้วเราปฏิบัติธรรมด้วยก็เลยรู้เพราะมันสอดคล้องกับหลักธรรมะ คำสั่งสอนทุกอย่างเลย ก็เลยไปด้วยกันได้
สวัสดีค่ะ
ดิฉันได้ชมรายการเศรษฐกิจพอเพียงกับโลกาภิวัตน์มาได้ 2-3 ตอนแล้วค่ะ มีความรู้สึกว่าเป็นรายการที่มีประโยชน์มากทำให้รู้ว่าเศรษฐกิจพอเพียงใช้ได้จริงในทุกๆส่วน โดยเฉพาะตอนความพอเพียงทางเศรษฐกิจที่มี ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล เป็นแขกรับเชิญ ทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าเศรษฐกิจพอเพียงนำมาประยุกต์ใช้ได้ในการวางนโยบายระดับประเทศ ดิฉันจะติดตามรายการตอนต่อๆไปค่ะ
6.นางสาวศิรประภา สนามชัย
กลุ่มที่ 5
สรุปประเด็นหลักที่สำคัญต่อเศรษฐกิจพอเพียง มุ่งเน้นความสมดุล รอบคอบ ภายใต้ความเหมาะสมปลอดภัย เป้าหมายคือความสุขในชีวิตยั่งยืน ประโยชน์ แผนสำรอง มีการป้องกัแก้ไขสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ผลกระทบ- ทำให้เรารู้จักการนำทรัพยากรมาใช้ให้เป็นประโยชน์- ถ้าเราปฏิบัติตามเศรษฐกิจพอเพียง จะทำให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างไม่เดือดร้อน- อันดับแรกเราต้องมองตัวเอง มองสภาพความเป็นจริงของครอบครัว ให้ดำเนินชีวิตให้เหมาะสมไม่สูงโต่งเกินไปอยู่อย่างพอเพียง อยู่อย่างพอเหมาะ และจะทำให้เรารู้จักการวางแผน และพัฒนาให้เหมาะสมเพื่อให้เกิดความสุขและไม่เดือดร้อน ถ้าเราทำให้ตนเองดีแล้วก็จะส่งผลต่อครอบครัวในทางที่ดีไม่เดือดร้อนกราบเรียน อ. จีระ พวกหนูมีความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวคิดที่ อาจารย์ได้กล่าวไว้ ดังนี้
หนูมีความเห็นเกี่ยวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงว่า เป็นหลักที่ทุกๆคนสามรถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่มีอายุเท่าไหร่หรือบุคคลที่ทำอาชีพอะไร ก็สามารถที่จะนำหลักเศรษฐกิจมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันเช่นกัน สำหรับตัวหนูเองที่เป็นนักศึกษาอยู่สามารถที่จะนำหลักปรัชญามาใช้ในชีวิตประจำวันได้คือ การใช้เงิน เงินที่ได้มาในแต่ละวันนั้นเราสามารถที่จะเก็บออมได้ไม่มากก็น้อยตามสัดส่วน รู้จักที่จะประหยัดและใช้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด หนูจะนำหลักปรัชญามาใช้กับทุกคนรวมทั้งคนในครอบครัวด้วย
น.ส.อุมาวรรณ ศรีโรจน์นพคุณ 0879951748
ลูกศิษย์ อ. สุดาภรณ์ อรุณดี
หนูมีความคิดเห็นว่าการที่เรานำหลักปรัชญามาใช้ในชีวิต สามารถทำให้เราอยู่ได้อย่างมีความสุข ไม่เดือดร้อน หนูได้ติดตามรายการของ อ. ทางช่อง 11 และอ่านหนังสือ ตรงที่ อ. ได้เขียนเป็นคอลัมน์ไว้ หนูอ่านแล้วได้ความรู้มากมายเกี่ยวกับการดำรงชีวิตโดยมีหลักปรัชญาเศรษฐกิพอเพียงเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในสังคมไทย และหนูก็จะปลูกฝังสิ่งที่ดีนี้ให้แก่บุคคลในครอบครัวด้วยค่ะ
น.ส.กฤติยาณี เทียบแก้ว 0891049967
ลูกศิษย์ อ. สุดาภรณ์ อรุณดี
หนูมีความคิดว่าเศษฐกิจพอเพียงคือการนำมาปรับปรุงเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันและสามารถที่จะทำให้คนสามารถมัการดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาท ทุกวันนี้มีการแข่งขัน จะทำอะไรก็ต้องใฝ่ร้ใฝ่เรียนอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้กิดประโยชน์ต่อตัวเราเอง ถ้าเราไม่พัฒนาตนเอง จะทำให้เราเสียโอกาสที่ดี
น.ส.แสงเพรช ผลจันทร์ 0847113173
ลูกศิษย์ อ. สุดาภรณ์ อรุณดี
ด้วยความเคารพอย่างสูง
กราบเรียน ศ.คร.จีระ หงษ์ลดารมณ์
ดิฉันนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา(ศูนย์การศึกษาดรุณพิทยา) สาขาบริหารธุรกิจ(การตลาด)หลักสูตร 4ปี
ดิฉันได้รู้จัก ดร.จีระ เนื่องจากอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยได้สอนวิชาการคิดและการตัดสินใจ ได้ให้ศึกษาประวัติของท่าน และให้ติดตามรายการทั้งโทรทัศน์ช่อง11 รายการวิทยุ96.5FM หนังสือพิมพ์แนวหน้า และก็ให้ศึกษาแนวความคิดของท่าน ซึ่งตอนที่อาจารย์สั่งงานให้ทำพวกดิฉันคิดว่าทำไมสั่งเยอะจังแล้วทำไมต้องเป็นของดร.จีระด้วย อาทิตย์แรกก็ทำส่งๆไป แต่พออาทิตย์ที่สองรู้สึกว่าน่าสนใจ พอศึกษามาอาจารย์ก็นำมาสอนด้วย ทั้งสอนทั้งยกตัวอย่างทำให้รู้สึกไม่เบื่อวิชาของอาจารย์คนนี้ และก็ได้ความรู้จากที่ศึกษาแล้วอาจารย์ยังยกตัวอย่างทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นด้วย ก่อนหน้านี้ดิฉันมีความคิดที่อยากจะมีเงินเก็บ แต่ทำยังไงก็เก็บไม่ได้ พอมาได้ศึกษาเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง จึงทำให้ดิฉันมีความคิดและอยากนำมาปรับใช้บ้าง อะไรที่เหมาะสมก็จะซื้ออะไรที่ไม่เหมาะสมก็จะไม่ซื้อ เพราะเรายังเป็นวัยที่ศึกษายังหาเงินเองไม่ได้ยังต้องขอพ่อแม่ยิ่งเราไม่รู้จักว่าอะไรควรไม่ควรเรายิ่งทำให้พ่อแม่ลำบาก ต้องขอบคุณอาจารย์ที่สอนพวกดิฉันที่ทำให้ได้รู้จักกับ ดร.จีระ ทำให้ได้ความรู้และความคิดใหม่ๆนี้ขอบคุณค่ะ
ด้วยความเคารพอย่างสูง
นางสาว กฤติยา เภาสาลี 49473130114 (084-7855058)
นางสาว ภาวิณี กิตติอุดม 49473130142 (087-6955578)
ลูกศิษย์ อาจารย์ สุดาภรณ์ อรุณดี (Lotus)
กราบเรียน ศ.ดร.จีระ ที่เคารพค่ะ หลังจากที่พวกหนูได้ดูรายการเศรษฐกิจพอเพียงกับโลกภิวัฒน์พวกหนูอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ค่ะว่าสองคำนี้ลงตัวกันได้อย่างไรค่ะและหลังจากที่พวกหนูได้ดูรายการที่ออกอาศทุกวันจันทร์-ศุกร์แล้วพวกหนูยังคอยติดตามข่าวไม่ว่าจะเป็น หนังสือพิมพ์แนวหน้า จากเมื่อก่อนที่พวกหนูไม่เคยรู้มาก่อนเพราะอ.สุดาภรณ์ เป็นคนสั่งงานที่เกี่ยวกับ ดร.จีระทั้งหมด อ.สุดาภรณ์บอกว่าอยากให้นักศึกษาใช้เศรษฐกิจพอเพียงให้เกิดประโยชน์และพวกหนูก็ยินดีที่จะทำตามทฤษฎีของดร.จีระค่ะ
ด้วยความเคารพอย่างสูง
น.ส.หนึ่งฤทัย เกิดสวัสดิ์ 0897635575
น.ส.อริยา ชัยชาญ 0847592980
น.ส.พรทิพย์ ร่มเกษแก้ว 0865465876
กราบเรียน ศ.ดร.จีระที่เคารพค่ะ
พวกหนูเป็นลูกศิษย์ของอ.สุดาภรณ์ เรียนวิชา การคิดและการตัดสินใจจากที่พวกหนูได้ดูรายการเศรษฐกิจพอเพียงกับโลกาภิวัฒน์ พวกหนูสงสัยว่าเศรษฐกิจพอเพียงกับโลกาภิวัฒน์เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันอย่างไร และเท่าที่พวกหนูได้ดูมาทำให้เข้าใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงหลังจากเมื่อก่อนก็ได้แค่ฟังพอผ่าน ๆ ไม่ได้สนใจความหมายเท่าไหร่และรายการของดร.จีระดีมากเลยค่ะให้ความรู้สอนให้รู้จัดคิดและตัดสินใจด้วยตนเองและสามารถนำเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิตในการเป็นนักศึกษา
ด้วยความเคารพอย่างสูง
น.ส.วารีวรรณ โฉมศรี 0860544945
น.ส.จรัสแสง โคมเปือย 0858026051
น.ส.สุกลัยา เชื้อทหาร 0840740079
เรียนท่าน ดร.จีระ
เรื่องขอความคิดเห็นเกียวกับการใช้เศรษฐกิจพอเพียงนั้น สามารถใช้กับนักเรียนนักศึกษาได้อย่างไร เพราะว่าทุกวันนี้การที่เทคโนโลยีมีมาเยอะมาก เช่นโทรศัพท์มือถือ ซึ่งนักศึกษาคนไหนมีอำนาจซื้อจะซื้อโดยขาดการตัดสินใจและอีกอย่างการใช้ของเกินความจำเป็นของนักศึกษา จะนับจากทุกวันนี้เศรษฐกิจพอเพียงสามารถใช้ได้กับคนทุกกลุ่ม แต่กับนักศึกษาการใช้เศรษฐกิจพอเพียงยังเป็นเรื่องที่นักศึกษาไม่ค่อยให้ความสำคัญ แต่จะให้ความสำคัญกับความสะดวกกับตัวเองมากกว่า และส่วนมากกลุ่มนักศึกษาจะใช้จ่ายโดยความชอบและตามเพื่อน จะขอเรียนถามท่าน ดร.จีจะ ว่าจะทำยังไงให้นักศึกษาให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจพอเพียงมากขึ้นหนึ่งในนั้นก็คือผมที่ใช้ความคิดชอบมากกว่าเหตุผล ขอแสดงความนับถือครับ
นาย พิพัฒน์ อัคฮาด 49473130182
โทร 0841148229
- การเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของโลกและการเปลี่ยนแปลงไปตามค่านิยมของสมัยนั้นๆ
- การใช่จ่ายที่ฟุ่มเฟื่อย
- ทำให้ผู้คนมีวิจารณญาณในการดำรงชีวิต
- ทำให้คนในโลกโลกาภิวัตน์มีวัฒนธรรมที่เปลี่ยนไป
จุดแข็ง คือ
- ทำให้มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ซึ่งกันและกัน
- สิ่งที่เปลี่ยน มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
- การเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
- เป็นการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาอย่างรวดเร็ว
จุดอ่อน คือ
- ทำให้คนในโลกาภิวัตน์ลืมรากเง่าตัวเอง
- ทำให้วัฒนธรรมของชาติเปลี่ยนไป
จุดแข็ง คือ
- ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมซึ่งกัน และกัน
- ทำให้การศึกษาพัฒนาขึ้น
- สามารถทำให้เทคโนโลยีมาใช้ได้ทุกระบบงาน
- ทำให้การเดินทางสะดวก
2. เศรษฐกิจพอเพียงช่วงพัฒนาและรู้เท่าทันโลกาภิวัตน์ได้อย่างไร
- ทำให้รู้จักบริหารเงิน และการจัดการ
1. โลกาภิวัตน์คือ จุดอ่อน จุดแข็งคืออะไร
2. เศรษฐกิจพอเพียงช่วงพัฒนาและรู้เท่าทันโลกาภิวัตน์ได้อย่างไร
ด.ญ. จินดาหรา มูลเฟื่อง ชั้น ม. 3/9 เลขที่ 19
สามารถ นำเทคโนโลยีมาใช้ได้ทุกระบบงาน
สามารถ นำเทคโนโลยีมาใช้ได้ทุกระบบงาน
2. เศรษฐกิจพอเพียงช่วยพัฒนา เเละเท่าทันโลกาภิวัตน์ได้อย่างไร
ตอบ ทำให้รู้จักบริหารเงินและการจัดการอย่างเป็นระบบ และทำให้โลกมีความก้าวไกลทางเทคโนโลยีในด้านการศึกษาสื่อสาร และรู้เท่าทัน รู้ทัน รู้จักการเดินสายกลาง และค่านิยม
นายสุบิณ บัวศรี ม. 3/9 เลขที่ 11
จุดแข็ง คือ ทำให้มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ซึ่งกันและกัน สามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ได้ทุกระบบงาน
2. เศรษฐกิจพอเพียงช่วยพัฒนา เเละเท่าทันโลกาภิวัตน์ได้อย่างไร
ด.ญ. อรวรรณ ชาญเวช ม. 3/9 เลขที่ 42
1. โลกาภิวัตน์คืออะไร จุดอ่อน จุดแข็งคือ
จุดแข็ง คือ ทำให้มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ซึ่งกันและกัน สามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ได้ทุกระบบงาน
จุดแข็ง คือ ทำให้มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ซึ่งกันและกัน สามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ได้ทุกระบบงาน
ทำให้รู้จักการบริหารและการจัดการ ทำให้โลกมีความก้าวไกลตามเทคโนโลยี รู้เท่า รู้ทัน รู้จักประมาณ รู้จักสายกลาง และรู้จักค่านิยม
ด.ช. อนุชา เจมกุล ม.3/9 เลขที่ 14
จุดแข็ง คือ ทำให้มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ซึ่งกันและกัน สามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ได้ทุกระบบงาน
นายวิริยะ คงวน ม.3/9 เลขที่ 10 [email protected]
จุดแข็ง คือ ทำให้มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ซึ่งกันและกัน สามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ได้ทุกระบบงาน
(ต่อ)
ด.ญ. นิตยา ดอนเจดีย์ ม.3/9 เลขที่ 25
จุดแข็ง คือ ทำให้โลกมีความก้าวหน้าขึ้น ทำให้มีเทคโนโลยีใหม่ เข้ามาใช้ในโลกและทำให้การติกต่อเชื่อมโยง ข่าวสาร ต่าง ๆได้รวดเร็ว
ด.ญ. อุษา บุญแก้ว เลขที่ 45 ม. 3/9
1. โลกาภิวัตน์คืออะไร จุดอ่อน จุดแข็งคือ
จุดแข็ง คือ ทำให้โลกมีความก้าวหน้าขึ้น ทำให้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาในโลก และทำให้การติดต่อเชื่อมโยงข่าวสารต่างๆ ได้รวดเร็ว
นายธิติ ครองระวน ม.3/9 เลขที่ 6
จุดแข็ง คือ ทำให้มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ซึ่งกันและกัน สามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ได้ทุกระบบงาน
ด.ช.เกียรติศักดา พาลานนท์ ม. 3/9 เลขที่ 2 [email protected]
จุดแข็ง คือ ทำให้โลกมีความก้าวหน้าขึ้น ทำให้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาในโลก และทำให้การติดต่อเชื่อมโยงข่าวสารต่างๆ ได้รวดเร็ว
นายฉัตรชัย เชื้อดี ม. 3/9 เลขที่ 4
จุดแข็ง คือ ทำให้โลกมีความก้าวหน้าขึ้น ทำให้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาในโลก และทำให้การติดต่อเชื่อมโยงข่าวสารต่างๆ ได้รวดเร็ว
ด.ช.อานนท์ เยียวยา ม.3/9 เลขที่ 13 [email protected]
จุดแข็ง คือ ทำให้โลกมีความก้าวหน้าขึ้น ทำให้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาในโลก และทำให้การติดต่อเชื่อมโยงข่าวสารต่างๆ ได้รวดเร็ว
นายปิยวิทย์ พงคะเชน ม.3/9 เลขที่ 8
จุดแข็ง คือ ทำให้โลกมีความก้าวหน้าขึ้น ทำให้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาในโลก และทำให้การติดต่อเชื่อมโยงข่าวสารต่างๆ ได้รวดเร็ว
น.ส.ภัสสร พรหมมา ม.3/9 เลขที่ 31
จุดแข็ง คือ ทำให้โลกมีความก้าวหน้าขึ้น ทำให้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาในโลก และทำให้การติดต่อเชื่อมโยงข่าวสารต่างๆ ได้รวดเร็ว
จุดแข็ง คือ ทำให้โลกมีความก้าวหน้าขึ้น ทำให้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาในโลก และทำให้การติดต่อเชื่อมโยงข่าวสารต่างๆ ได้รวดเร็ว
ด.ญ.นิภาพร สมงาม ม.3/9 เลขที่ 26
จุดแข็ง คือ ทำให้โลกมีความก้าวหน้าขึ้น ทำให้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาในโลก และทำให้การติดต่อเชื่อมโยงข่าวสารต่างๆ ได้รวดเร็ว
นายวรวิทย์ ประยูรมหิศร ม.3/9 เลขที่ 9
จุดแข็ง คือ ทำให้โลกมีความก้าวหน้าขึ้น ทำให้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาในโลก และทำให้การติดต่อเชื่อมโยงข่าวสารต่างๆ ได้รวดเร็ว
ด.ญ.วันดี ประนอมศิลป์ ม. 3/9 เลขที 38
จุดแข็ง คือ ทำให้โลกมีความก้าวหน้าขึ้น ทำให้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาในโลก และทำให้การติดต่อเชื่อมโยงข่าวสารต่างๆ ได้รวดเร็ว
จุดแข็ง คือ ทำให้โลกมีความก้าวหน้าขึ้น ทำให้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาในโลก และทำให้การติดต่อเชื่อมโยงข่าวสารต่างๆ ได้รวดเร็ว
ด.ญ.ชุติมา จานแก้ว ม.3/9 เลขที่ 21
จุดแข็ง คือ ทำให้โลกมีความก้าวหน้าขึ้น ทำให้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาในโลก และทำให้การติดต่อเชื่อมโยงข่าวสารต่างๆ ได้รวดเร็ว
จุดแข็ง คือ การที่เทคโนโลยีสามารถไปถึงทุกที่และก้าวนำสมัย ไปในสิ่งต่าง ๆ
ด.ญ.สิริลักษณ์ พุทธสุวรรณ ม.3/9 เลขที่ 39
จุดแข็ง คือ การที่เทคโนโลยีสามารถไปถึงทุกที่และก้าวนำสมัย ไปในสิ่งต่าง ๆ
ด.ญ.ทัศนีย์ เซียงฉี ม.3/9 เลขที่ 22
จุดแข็ง คือ การที่เทคโนโลยีสามารถไปถึงทุกที่และก้าวนำสมัย ไปในสิ่งต่าง ๆ
ด.ญ.มุกดา ฐิตะสิริรัชต ม.3/9 เลขที่ 33
จุดแข็ง คือ การที่เทคโนโลยีสามารถไปถึงทุกหนทุกแห่งและก้าวนำสมัย ไปในสิ่งต่าง ๆ
จุดแข็ง คือ การที่เทคโนโลยีสามารถไปถึงทุกที่และก้าวนำสมัย ไปในสิ่งต่าง ๆ
ด.ญ.ชลธิชา กาญจนไพสิฐ ม.3/9 เลขที่ 20
จุดแข็ง คือ การที่เทคโนโลยีสามารถไปถึงทุกที่และก้าวนำสมัย ไปในสิ่งต่าง ๆ
ด.ญ.เพชรรินทร์ วงศ์ประเสริฐ ม.3/9 เลขที่ 29
จุดแข็ง คือ การที่เทคโนโลยีสามารถไปถึงทุกที่และก้าวนำสมัย ไปในสิ่งต่าง ๆ
ด.ญ.อัญชนก เขียวดารา ม.3/9 เลขที่ 44
จุดแข็ง คือ การที่เทคโนโลยีสามารถไปถึงทุกที่และก้าวนำสมัย ไปในสิ่งต่าง ๆ
จุดแข็ง คือ การที่เทคโนโลยีสามารถไปถึงทุกที่และก้าวนำสมัย ไปในสิ่งต่าง ๆ
จุดแข็ง คือ การที่เทคโนโลยีสามารถไปถึงทุกที่และก้าวนำสมัย ไปในสิ่งต่าง ๆ
จุดแข็ง คือ การที่เทคโนโลยีสามารถไปถึงทุกที่และก้าวนำสมัย ไปในสิ่งต่าง ๆ
จุดแข็ง คือ ทำให้มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประเทศ สามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ได้ทุกระบบงาน
จุดแข็ง คือ เป็นสิ่งที่มนุษย์เปิดกว้างกับโลกมาขึ้น ทำให้มนุษย์มีศักยภาพในด้านต่าง ๆ
ไม่มีชื่อ
จุดแข็ง คือ ภาษาที่ใช้ในการสื่อสารพัฒนาขึ้น สามารถทำให้เราสื่อสารกับคนต่างชาติได้
ไม่มีชื่อ
เจริญพรคุณโยมอาจารย์ ศ.ดร.จีระ และท่านผู้อ่านทุกคน
อาตมภาพเริ่มสนใจที่จะศึกษาในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียงมาระยะหนึ่งแล้ว มีความรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจและคงต้องทำความเข้าใจกันในสังคมไทยของเรา ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบใจคุณโยมอาจารย์ โลตัส ที่กรุณาให้คำแนะนำในเรื่องของเวบไซด์นี้ ซึ่งเป็นเวบไซด์ที่ดีมากในแง่ของเวทีที่แสดงความคิดเห็นของผู้ที่สนใจ โดยเฉพาะในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นเรื่องที่พวกเราหลายคนยังมีความสับสนกันอยู่ ถึงความหมายและแนววิธีในการปฏิบัติ โดยเฉพาะในสังคมของโลกาภิวัฒน์นี้
ความจริงแล้วในส่วนของการอธิบายเชิงวิชาการนั้นอาตมภาพไม่มีความถนัด แต่ก็อยากจะแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ โดยเฉพาะคำว่า " พอเพียง" นั้นเป็นคำที่มีความหมายมาก เพราะคนคงไม่สามารถที่จะมีความสุขได้ ถ้าไม่มีความพอเพียงอยู่ในใจ ความจริงตามหลักของพุทธศาสนาก็ได้กล่าวในเรื่องของหลักธรรมที่เกี่ยวกับความพอเพียงไว้ในหลายหลักธรรมด้วยกัน ซึ่งบางครั้งก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่พวกเรานั้นไม่ค่อยได้นึกถึงกัน
ในทัศนะของอาตมภาพ เชื่อว่าการพยายามทำให้สังคมเราเข้าใจและเกิดความรู้ในเรื่องของความพอเพียงนั้น คงต้องมีการรณรงค์ และอาศัยกำลังของทุก ๆ ฝ่ายคอยเชื่อเหลือกัน ซึ่งคำว่า " ทุก ๆ ฝ่าย" ในทีนี้หมายถึง ทั้งข้าราชการบ้านเมือง สถาบันการศึกษา พระสงฆ์ ซึ่งเป็นเหมือนผู้นำในชุมชน ในชนบท ต้องร่วมมือกัน โดยอาศัยวิธีการหลาย ๆ วิธีช่วยกันเผยแผ่แนวความคิดในเรื่องของการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เช่น การรณรงค์ การปลุกจิตสำนึก การใช้กฏหมายด้านภาษีบังคับใช้ควบคุมพฤติกรรมของกลุ่มบุคคลในสังคม โดยเริ่มจาก สถาบันการศึกษา โรงเรียน และเกี่ยวโยงไปถึงชุมชน โดยขั้นแรก คงต้อง ช่วยกัน ปลุกจิตสำนึกให้เกิความรู้ในเรื่องของสิ่งที่จำเป็น และไม่จำเป็น คุณ หรือโทษ แล้วนำไปสู่กระบวนการในการดำเนินชีวิตอย่างผู้ที่รู้จักพอ และเห็นคุณค่าของความสุขทางใจมากกว่าความสุขทางวัตถุ
โดยเฉพาะปัจจุบันนี้ เด็กไทยของเราในยุคโลกาภิวัฒน์ อยู่ในลักษณะของการเรียนรู้ที่ขาดลอยจากความเป็นจริง ผู้เรียนและผู้สอนไม่ค่อยเห็นความหมายของการเรียนรู้ ในการที่จะนำไปพัฒนาตนเองและสังคม ดังนั้นผู้เรียนจึงไปแสวงหาความจากภายนอก และถูกกระแสโลกาภิวัฒน์เข้าครอบงำจิตสำนึกโดยไม่รู้ตัว สร้างค่านิยมที่ไม่ถูกต้องขึ้นมาในใจ ความรู้สึกของการพอเพียงนั้น จึงได้ถูกต้านขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ตัว ดังนั้นถ้าเราจะทำให้สังคมของวัยรุ่นรู้จักความพอเพียง คงต้องเร่งสร้างจากจิตสำนึกของเด็กก่อน ซึ่งอาตมภาพเชื่อว่าคงสามารถที่จะทำได้ ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกัน
hey,find wow gold click here
เศรษฐกิจพอเพียง เกิดขึ้นได้จากความตั้งใจ ระมัดระวังใจตนเอง ให้คิดถูกทำถูก รู้จักลด ละ วาง สิ่งที่ไม่ดีของตนเองลงบ้าง จะเกิดจากความรักในความดีเป็นภูมิคุ้มกันก่อน เมื่อรู้จักตนเองว่า เป็นอย่างไร มีแค่ไหน ต้องการอะไร ให้ใฝ่เรียน ใฝ่รู้ ตั้งใจอดออม
อดทน อดกลั้นไม่อยากได้เกินสถานภาพที่มีอยู่ และมีความพากเพียรในการทำงานหาเลี้ยงชีพอย่างถูกต้องแล้ว จะได้รับผลดี มีความก้าวหน้าในชีวิต ขึ้นเอง เหมือนมีพระเจ้าช่วย สาเหตุเพราะมีความตั้งใจทำความดี ความงาม เป็นหลักมั่นคง สม่ำเสมอ และต้องหาความรู้ตลอดเวลา ตลอดชีวิต คิดอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจทำ
<a href="http://www.wowgold3000.com">wow gold</a> cheap <a href="http://www.wowgold.hk">wow gold</a>world of warcraft gold to our loyal reliable customers.
ได้ดูแล้วสนุกมากเลยคะ
จากน้องซิลดี้
บ้านค้อ
หนองสิม
รักพี่บีทมากเลยคะ
ฉันรักเขามากเลยคะ
ไม่ดี
This is the cheapest wow gold website, and the server is excellent!
[url=http://www.world-warcraft-gold.org]World of Warcraft Gold[/url]
[url=http://www.buywowgold.org.cn]WOW Gold[/url]
[url=http://www.bankofwow.com]Cheap WOW Gold[/url]
[url=http://www.gameusd.com]WOW Gold[/url]
[url=http://www.buywowgold.org.cn]Buy WOW Gold[/url]
[url=http://www.xcelwebdesign.com]Logo Design[/url]
This is the cheapest wow gold website, and the server is excellent!
<a href="http://www.world-warcraft-gold.org">World of Warcraft Gold</a><a href="http://www.buywowgold.org.cn">WOW Gold</a><a href="http://www.bankofwow.com">cheapest wow gold</a><a href="http://www.gameusd.com">WOW Gold</a><a href="http://www.buywowgold.org.cn">Buy WOW Gold</a><a href="http://www.xcelwebdesign.com">Logo Design</a>
<a href="http://www.wowgold.hk">cheap wow gold</a> store provide cheap wow gold welcome you.
cheap wow gold store provide cheap wow gold welcome you.
เศรษกิจพอเพียงนั้นดีจิงๆนะคับ
แต่อยู่ที่ว่าใครจะสามารถทำได้ ถ้าทำได้ก็มีความสุข
อาจารย์ครับ
ผมอยากรู้เเนวคิดที่ว่า
ปรัชญาเศรษฐกิจแบบพอเพียงจะมาประยุกต์ใชในการจัดแผนการศึกษาอย่างไรบ้างครับ...
นับว่าเป็นข้อมูลที่ดีมากเลยทีเดียว จะน้อมนำเอาไปปฏิบัติได้จริงๆ และทำให้ชีวิตครอบครับมีความสุขอย่างยั่งยืน และทุกคนๆ ในประเทศไทยของเราจะได้อยู่กันอย่างพอเพียงและเพียงพอค่ะ
สิ่งที่สำคัญมากในระดับประเทศที่อยากขอฝากรัฐบาลชุดใหม่คือ การปฏิรูปการศึกษา ในหลายเรื่องที่ต้องทำคือ การปรับ Mindset ทัศนคติของผู้บริหารให้มองการศึกษาเป็นยุทธศาสตร์ในการพัฒนาเศรษฐกิจแบบยั่งยืน และอยู่ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างเร็วได้ คือ เน้น ทุนทางปัญญา ทุนทางสังคม (Networking) และเน้นทุนแห่งความยั่งยืน
ผมเห็นว่า ตราบใดก็ตาม หากคนไทยใฝ่รู้ มี Lifelong Learning มากขึ้น อยากรู้อยากเห็นมากขึ้น ( Curiosity ) ตั้งคำถามที่น่าสนใจ และคิดนอกกรอบ แทนที่จะขยันในการหาคำตอบที่ตายตัวแบบที่เป็นอยู่ ประเทศคงอยู่รอดแน่นอน
ผมคิดว่าเศรษฐกิจพอเพียง มีจุดแข็งที่ว่า จะทำอะไร รู้ให้จริง มีความคิดสร้างสรรค์ มีเหตุมีผล และนำไปสร้างนวัตกรรม ( Innovation ) แต่ที่สำคัญคือ ต้องมีคุณธรรม จริยธรรม และอยู่อย่างยั่งยืน เรื่องแรกที่จะเล่าให้ฟังคือ ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม เป็นต้นไป ผม ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ดร.ปรียานุช พิบูลสราวุธ จะนำเสนอสารคดีสั้น 5 นาทีเฉลิมพระเกียรติ เรื่อง "เศรษฐกิจพอเพียงและโลกาภิวัตน์" ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ติดต่อกัน ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 เวลา 22.40-22.45 น. เพื่อให้ผู้ชมได้รู้ว่า
- เศรษฐกิจพอเพียงคืออะไร
- โลกาภิวัตน์คืออะไร
- เศรษฐกิจพอเพียงจะช่วยคนไทยให้อยู่ในโลกาภิวัตน์ได้อย่างไร
- และให้รู้ว่าเศรษฐกิจพอเพียงช่วยทุกส่วนของสังคมไทย ไม่ใช่แค่ภาคเกษตร และทำให้เราอยู่ในโลกาภิวัตน์ได้อย่างยั่งยืน
แต่สิ่งสำคัญคือ เศรษฐกิจพอเพียงต้องเป็นสังคมการเรียนรู้ ใฝ่รู้ตลอดเวลา นอกจากมีคุณธรรมแล้ว ยังต้องคิดเป็น ทำเป็น มี Head Heart และ Hand อย่างที่คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์แนะนำไว้
สำคัญที่สุดและยังจำเป็นที่จะต้องมีความคิดที่นอกกรอบ เช่น Creativity ความคิดสร้างสรรค์ และนำ Creativity ไปสู่ Innovation นวัตกรรม แต่ต้องมีคุณธรรมและมีความรู้ที่แน่น ไม่ใช่พอเพียงแค่อยู่รอด หากรอดแล้ว ต้องไม่ประมาท หาความรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา การขยายตัวอย่างมั่นคงจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมนุษย์ต้องการความก้าวหน้า ( Progress ) ที่ยั่งยืน
มีหนังสือเล่มล่าสุดของ John Naisbitt ซึ่งเคยเขียนเรื่อง Megatrends ที่ดังมากมาแล้ว บอกว่า การที่คนยุคใหม่จะประสบความสำเร็จได้ ต้องมีวิธีการคิด และวิธีการทำงานที่ใหม่เสมอ อย่ามีวิธีคิดแบบเดิม พร้อมจะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ถ้ามีข้อมูลใหม่ ผมคิดว่า การที่จะเปลี่ยน mindset ได้ จะต้องหาความรู้ให้ทันโลกและสดใหม่อยู่เสมอ ข้ามศาสตร์ และวิเคราะห์แบบโป๊ะเชะ วิธีการหาความรู้ต้องเป็นวิธีที่ตัวเรามีส่วนร่วม ไม่ใช่ฟังข้างเดียว เราต้องวิเคราะห์เป็น และวิเคราะห์แบบทฤษฎี 2 R's คือ
- Reality มองความจริง
- และ Relevance ตรงประเด็น
เมื่อเร็ว ๆ นี้ PMAT สมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย กล้าไปจัดสัมมนาเรื่อง HRM ในภาคอิสาน ซึ่งผมได้รับเชิญด้วย เดิม PMAT อาจคิดว่ามีแต่คนในกรุงเทพฯ เท่านั้นที่สนใจ ปรากฏว่าคนในภาคอิสานตื่นตัวมาก เพราะได้แนวคิดใหม่ ๆ
สิ่งที่ ศ.ดร.จีระ ทำอยู่ ถือว่าเป็นประโยชน์กับสังคม ประเทศชาติอย่างมาก การเชื่อมโยง จุดแข็งของประเทศต่าง ๆ ที่เป็นพันธมิตร และมองประเทศไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดี มาเสริมจุดอ่อนของชาติเรา ถือว่าเป็นยุทธศาสตร์การต่างประเทศ ยุทธศาสตร์การทูต ยุทธศาสตร์การปฏิรูประบบการศึกษาที่น่าสนใจ นำไปเป็นแม่แบบ ในการกำหนดนโยบายสาธารณะ สำหรับรัฐบาลชุดนี้ และชุดต่อ ๆ ไป
ทัศนคติของผู้บริหารชุดนี้คือ ทำ ทำ และทำให้สำเร็จ พึ่งตัวเอง ทำจริง คิดนอกกรอบ นึกถึงลูกค้าคือนักเรียน
ระบบราชการของเรา อยู่ในระหว่างปฏิรูป ขั้นตอนยังคงมีมาก รอไม่ได้ ต้องคิดถึงลูกค้าคือนักเรียน ตรงนี้ เป็นตัวอย่างที่ดี น่ายกย่อง น่าศึกษา หน่วยงานราชการอื่น ๆ ทีติดขัดปัญหา ก็น่าจะลองศึกษาวิทยายุทธ์ของครูอาจารย์ ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า สมุทรปราการ ถ้าทั้งประเทศทำเช่นนี้ได้ ผมคิดว่าจะเกิดประโยชน์กับประเทศชาติ เป็นอย่างมาก
ยม
นักศึกษาปริญญาเอก
รัฐประศาสนศาสตร์ดุษฎบัณฑิต