เราสรุปว่าเหตุที่เจ้าแสบทั้งสองยังสามารถกระโดดข้ามรั้วมาฝั่งมนุษย์ได้ ก็เพราะ รั้วที่ทำขึ้นมานั้น เตี้ย ไปหน่อย แถมยังมีคานให้กระโดดเกาะได้ง่ายอีกด้วย
...แบบนี้ต้องเพิ่มเติมความสูงของแนวรั้วขึ้นไปอีก!
ขณะเดียวกันก็เกิดปัญหาใหม่ขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่งค่ะ.... คือรั้วไม้ที่ทำขึ้นมานั้น ไปขวางแนวรางสำหรับประตูเหล็กหน้าบ้านที่ใช้เลื่อนเปิดปิด คุณพ่อบ้านแก้ปัญหาโดยการทำรั้วส่วนนั้นให้เป็นประตูเล็กๆสำหรับเข้าออก พอจะเลื่อนประตูหน้าบ้านก็ต้องเปิดประตูรั้วเล็กนี้ก่อน เมื่อปิดประตูหน้าบ้านเสร็จก็ปิดประตูเล็กนี้อีกครั้งหนึ่ง
คราวนี้เดือดร้อนพี่เม่ยแล้วค่ะ เพราะมีหน้าที่เปิดปิดประตูบ้านนี่คะ จากเดิมที่ต้องเลื่อนประตูเปิด...รอรถเข้า/ออก... แล้วก็เลื่อนประตูปิด...
ก็ต้องเพิ่มขั้นตอนมากขึ้นคือ....
- เลื่อนเปิดแง้มให้เราเข้ามาได้...
- เดินมาเปิดประตูรั้วเล็ก...
- เปิดประตูเหล็กให้กว้างได้
- หลังจากนั้นก็ยืนรอรถเข้า/ออก...
- เสร็จเรียบร้อยก็เลื่อนประตูเหล็กให้พ้นแนวรั้วไม้...
- ปิดประตูเล็กให้เรียบร้อย...
- เลื่อนประตูเหล็กปิดให้สนิท...
ทำอย่างนี้อยู่ได้ประมาณสองสัปดาห์ พี่เม่ยก็บ่นราวกับว่าทำมาแล้วสองปี คุณพ่อบ้านคิดว่าไหนๆก็ต้องซื้อไม้มาเพิ่มเพื่อทำแนวรั้วให้สูงขึ้นอยู่แล้ว... เพื่ออำนวยความสะดวกให้พนักงานเปิดปิดประตูประจำบ้าน ท่านจึงขยับแนวรั้วเข้าไปอีก เพื่อไม่ให้ขวางแนวรางประตูเหล็กหน้าบ้าน
รั้วที่ผ่านการปรับปรุงแก้ไขเสร็จเรียบร้อยก็มีหน้าตาแบบนี้ค่ะ
ระหว่างที่พี่เม่ยเขียนบันทึกอยู่นี้ เจ้าแสบทั้งสองตัวยังไม่สามารถหาวิธีเล็ดลอดมายังฝั่งมนุษย์ได้ ดูเหมือนว่าคราวนี้วิธีการแก้ปัญหาของเราจะสำเร็จสมบูรณ์เสียทีค่ะ
win win ทั้งสองฝ่าย...เราก็ไม่หงุดหงิดกับเรื่องข้าวของเสียหาย ส่วนเจ้าสองแสบก็ยังมีบริเวณให้วิ่งเล่นมากพอสมควร ส่วนของเล่นก็เป็นของเก่าๆที่มันทำพังไปแล้วนั่นแหละค่ะ โยนไปให้แทะเล่นให้หนำใจไปเลย
ครอบครัวเราเลือกแล้วค่ะ ว่าวิธีนี้เป็นสันติวิธีที่สุด ที่เรา (คนกับหมา)จะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข
และพี่เม่ยก็ได้เรียนรู้จากกิจกรรมในบ้าน ครั้งนี้ว่า...
ความสำเร็จ... มักจะไม่ได้มาโดยง่าย...
จะต้องฟันฝ่าอุปสรรค ประสบปัญหา และมีการปรับปรุงแก้ไขอยู่ตลอดเวลา