การให้เริ่มจากตัวเอง และไม่ต้องการผลตอบแทน และ “การทำความดีในทุกวิธี ที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์"
ในวันที่ 12-13 ตุลาคม 2549 ที่ผ่านมา จ๊ะจ๋าได้มีโอกาสอีกครั้งในการเรียนรู้กับการประชุมครูผู้นำและนักกิจกรรมส่งเสริมการให้เพื่อสังคม ณ อาศรมวงศ์สนิท อ.องครักษ์ จ.นครนายก จัดโดย โครงการส่งเสริมเครือข่ายการให้เพื่อสังคม มูลนิธิกองทุนไทย และจ๊ะจ๋าได้นำเครื่องมือของการจัดการความรู้ ได้แก่ เทคนิคเรื่องเล่าเร้าพลัง (storytelling) สุนทรียะสนทนา การทบทวนหลังปฏิบัติการ (After Action Review-AAR) ไปเผยแพร่ในการประชุม ซึ่งผู้เข้าร่วมครั้งนี้ คือ ครูผู้นำกิจกรรมจาก 8 โรงเรียน จากหลายพื้นที่ ได้แก่
-
จาก กทม. ได้แก่ ร.ร.วัดใหม่ช่องลม และ ร.ร.เศรษฐบุตรบำเพ็ญ
-
จาก จ.ปทุมธานี คือ ร.ร.ประสานมิตร
-
จาก จ.สุพรรณบุรี คือ ร.ร.สองพี่น้องวิทยา และ ร.ร.บางลี่วิทยา
- จาก จ.สิงห์บุรี คือ ร.ร.วัดพรหมสาคร
-
จาก จ.สมุทรปราการ คือ ร.ร. วัดตำหรุ
-
จาก จ.นครปฐม คือ ร.ร. เพลินพัฒนา (พุทธมณฑล สาย 2)
เริ่มลงทะเบียน และนี้คือกลุ่มแรกจากร.ร.เศรษฐบุตรบำเพ็ญ ที่มาถึงอาศรมวงศ์สนิท ขอปรบมือให้คะในการตรงต่อเวลา
เป้าหมายการประชุมครั้งนี้ น่าสนใจมากคะ คือ
-
เพื่อให้คณะครูและโรงเรียนที่เข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่ายกับโครงการฯ ได้เข้าใจถึงแนวคิด ปรัชญาของโครงการฯ ตลอดจนแนวทางการทำงานส่งเสริมการให้เพื่อสังคมร่วมกันเพิ่มมากขึ้น
-
เพื่อให้คณะครูและโรงเรียนที่เข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่ายกับโครงการฯ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์และแนวทางการจัดกิจกรรมรณรงค์การให้เพื่อสังคมระหว่างโรงเรียน
- เพื่อพัฒนาแผนงาน แผนการจัดกิจกรรมการให้เพื่อสังคมในระดับโรงเรียนและระดับเครือข่าย
สำหรับการประชุมครั้งนี้ มี กำหนด 2 วัน ซึ่งจ๊ะจ๋าและทีมงานโครงการฯ รวมทั้ง วิทยากรอีกท่านคือ พระสุเทพ สุวณโณ จากวัดโสมนัส ได้ร่วมกันออกแบบกระบวนการดังนี้
วันแรกช่วงเช้า พระสุเทพ จะชวนผู้เข้าร่วมจุดประกายความคิดในหัวข้อ “การให้และการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมในโรงเรียน” และพูดคุยในบรรยากาศสบายๆ พร้อมทั้งให้ทุกคนสะท้อนในหัวข้อนี้ โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม และนำเสนอในแต่ละกลุ่ม ช่วงบ่าย จ๊ะจ๋าได้ออกแบบกระบวนการด้วยการให้ทุกคนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันโดยใช้เทคนิคเรื่องเล่าเร้าพลัง (storytelling) คือการให้คุณครูแบ่งเป็นกลุ่มย่อย 4 กลุ่ม ในกลุ่มให้ครูแต่ละคนเล่าเรื่องกิจกรรมการให้เพื่อสังคมในโรงเรียนที่ตัวเองประทับใจมากที่สุด และให้กลุ่มเลือกเรื่องที่ประทับใจมากที่สุดมาให้ตัวแทนมานำเสนอในที่ประชุมใหญ่
ผลจากการรวมกลุ่มในช่วงเช้า ได้ผลสะท้อนที่ดีมาก ซึ่งแต่ละคนสะท้อนมุมมองได้น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งได้แก่ การให้เพื่อสังคมจากมุมมองของคุณครู
-
การให้คือการมีส่วนร่วมในสังคม ไม่ว่าจะเป็นทุน การเสียสละแรงกายก็เป็นการให้เพื่อสังคม และเป็นการทำประโยชน์ให้กับส่วนรวมทั้งร่างกายและจิตใจ เราต้องให้ในสังคมไทยให้มากขึ้น เช่น การให้ผู้อื่นที่ใช้รถบนท้องถนนรู้จักการให้ช่องทางแก้ปัญหาการจราจรเมืองไทย
- เป็นการให้ที่ไม่ใช่การให้เพราะความสัมพันธ์ส่วนตัว
- เป็นการระดมทุนโดยการรับบริจาค
-
เป็นการทำดีในทุกวิถีทางที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์
- เป็นสังคมทาน เป็นทานที่ประเสริฐ ในสังคมไทยจะยึดศาสนาเป็นหลัก โดยประสานกันระหว่างบ้าน วัด โรงเรียน
-
คือการทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทน คนที่เป็นครูจะให้ความรู้คำชี้แนะในทางที่ดี
- เป็นการทำดีให้กับคนหมู่มาก เพื่อให้คนทุกคนพยายามที่จะมีโอกาสร่วมกัน ทัดเทียมกัน
- สังคมจะอยู่รอดเพราะมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
-
ต้องปูพื้นฐานให้กับเด็กด้วยคุณธรรมจริยธรรม สู่ครอบครัวให้เห็นความสำคัญของการให้
-
คือการให้เพื่อคนอื่น
- การให้ที่ยั่งยืนคือการให้ที่ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน
-
ผลของการให้ – ชุมชนเข้มแข็ง ประเทศชาติมั่นคง โลกมีสันติสุข
- การให้ในวิถีพุทธ เชื่อมโยงบ้าน-วัด-โรงเรียน เริ่มต้นที่นักเรียนให้เป็นคนดีของสังคม
- ในสังคมปัจจุบัน พ่อแม่มีเวลาให้ลูกน้อยเรื่องจากการงาน เด็กยุคนี้กระด้าง การให้ควรเริ่มจากการสร้างพื้นฐานครอบครัวให้ดีเข้มแข็ง สภาพเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมทำให้ไม่มีความสามารถในการให้
-
ต้องเริ่มเรื่องการให้จากตนเอง
เป็นไงคะ แค่เรื่องการให้เพื่อสังคม ในแง่มุมของครู เพียง 8 โรงเรียน 20 ชีวิต สามารถสะท้อนได้จากกิจกรรมการรวมกลุ่ม ช่วยกันระดมความคิดด้วยใจที่เปิด และยอมรับความคิดของเพื่อนๆ ภายในกลุ่มและภายนอกกลุ่ม เสริมด้วยบรรยากาศของความเป็นกัลยาณมิตร ได้มากมายถึงเพียงนี้ แล้วคุณละ มีมุมมองของการให้เพื่อสังคมแบบไหนคะ
ติดตามตอนต่อไปได้คะ