มาลาดอกไม้..ของยายบุญมา (Narrative medicine)


“มาลาพวงดอกไม้ มาลาพวงดอกไม้ มาตั้งไว้เพื่อบูชา มาตั้งไว้เพื่อบูชา..”


                           

             ผู้เขียน 

คุณปรานต์พนิตา  นาสูงชน  พญาบาลวิชาชีพชำนาญการ
โรงพยาบาลกุมภวาปี


ภาพจาก www.pixpros.net


     



     ห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่กว้างใหญ่นัก ภายในมีเตียงขนาดกะทัดรัดอยู่สี่เตียงรอบๆเตียงเต็มไปด้วยเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับกู้ชีพและยื้อชีวิตอยู่รายเรียง บางอันมันถูกวางนิ่งทิ้งไว้ไร้คนสนใจเพราะยังไม่ถึงเวลาใช้งาน บางอันมันถูกผูกโยงกับตัวผู้ป่วยส่งเสียงบี๊บๆร้องเตือนคนในห้องเหมือนเรียกร้องความสนใจอยู่ตลอดเวลาฉันกำลังพูดถึงห้อง ICU ห้องที่คนข้างนอกอาจจะรู้สึกว่ามันมีแต่ความวิกฤติและคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นอายแห่งความหดหู่ สูญเสีย แต่สำหรับฉันกลับรู้สึกเหมือนห้องนี้เป็นละครโรงใหญ่ ที่มีตัวละครหมุนเวียนสับเปลี่ยนกันมาอยู่ตลอดเวลา พระเอกนางเอกอาจนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียง จิตวิญญาณอาจหลุดลอยไปแล้ว แต่ถูกยื้อต่อลมหายใจด้วยเครื่องมือแพทย์เพื่อรอเวลาคนข้างหลังทำใจยอมรับ เรื่องราวของละครก็มีทั้ง สุข เศร้า มีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะและเสียงร้องไห้คร่ำครวญ เสียงเครื่องไม้เครื่องมือที่ส่งเสียงอยู่ตลอดเหมือนดนตรีประกอบ บางทีมันดังสม่ำเสมอเอื้อยเจื้อยเหมือนดนตรีขับกล่อมเป็นจังหวะ บางทีมันดังระรัวเร่งเร้าเหมือนละครเข้าสู่ช่วงเวลาตื่นเต้นเร้าอารมณ์ ตัวละครและเรื่องราวอาจต่างที่มา แต่ตอนจบของละครมักลงเอยคล้ายๆกัน คือไม่จบด้วยคราบรอยน้ำตาก็จบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หมุนเวียนอยู่อย่างนี้


     ครั้งนี้ก็เช่นกัน ตัวละครเอกในความรับผิดชอบของฉันถูกย้ายขึ้นมานอนยังเตียงสี่ ที่ร้างคนไข้มา2 วัน ยายบุญมา ผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้ายที่เพิ่งมาตรวจพบหลังจากนอน รพ.ได้ 2 สัปดาห์ ยายต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเพื่อช่วยทำงานในการแลกเปลี่ยนก๊าซแทนปอดตลอดเวลา หลายครั้งที่ยายหายใจไม่สัมพันธ์กับเครื่องไม่ว่าจะปรับ settingแบบไหน หรือให้ยานอนหลับเพื่อให้ยายได้หลับจะได้หายใจได้สบายขึ้น..แต่ให้ยาไปเท่าไหร่ยายก็ไม่หลับ ยังหายใจต้านเครื่องอยู่ตลอดเวลา ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรให้ยายดีขึ้น ได้แต่คิดในใจว่า“หมดมุขแล้วนะยาย”  แต่ก็พอรู้มาว่าก่อนยายจะป่วย..ยายเป็นผีฟ้าที่รำรักษาเวลาที่มีคนเจ็บป่วยในหมู่บ้าน ซึ่งการรักษาแบบผีฟ้าจะเป็นการร่ายรำและร้องเป็นภาษาภูไทโดยเชื่อว่าถ้าใครทำผิดจากแนวปฏิบัติผีจะทำให้เจ็บไข้ได้ป่วย ผีฟ้าคือแถนที่อยู่บนฟ้ามีอำนาจเหนือกว่าทุก ๆ ผี ที่อยู่บนโลกมนุษย์สามารถมารักษาเยียวยาอาการเจ็บไข้ได้ป่วยทางกายทางใจของมนุษย์ให้หายได้พิธีจะเริ่มจากหมอแคนเป่าแคน ครูบาลำเชิญผีฟ้าพร้อมกับเดินรอบ ๆ เครื่องบูชาเมื่อผีฟ้าลงมาเข้าสิงทุกคนจะมีอาการสั่นไม่รู้สึกตัวผีฟ้าจะบอกวิธีการปฏิบัติเพื่อให้หายจากการเจ็บป่วย จากนั้นก็จะกลับเมืองฟ้าจึงเรียกว่า รำผีฟ้า..ใช่แล้วคุณยายน่าจะคุ้นเคยกับการรำร้องเป็นแน่..“music therapy”ชั้นนึกขึ้นในใจ แต่ฉันร้องภูไทไม่ได้นี่นา เอาไงดี ..เอ๊ะ!!เดี๋ยวก่อน..ฉันพอร้องสรภัญญะเป็นบ้าง มันน่าจะใช้แทนกันได้ล่ะน่า คิดได้ดังนั้น ฉันจึงมานั่งข้างๆ จับมือยายไว้..และเริ่มร้องสรภัญญะให้ยายฟัง..“มาลาพวงดอกไม้ มาลาพวงดอกไม้ มาตั้งไว้เพื่อบูชา มาตั้งไว้เพื่อบูชา..” นานจนจบเพลง..ไม่น่าเชื่อยายจะนิ่งฟังฉัน จากนั้นยายเริ่มหายใจช้าลงสม่ำเสมอและหลับได้ในที่สุด


       และจากนั้นมา ทุกครั้งที่ฉันอยู่เวรฉันจะได้รับมอบหมายให้ดูแลยายเสมอเสียงร้องสรภัญญะจะดังแว่วออกมาจาก ICU จนเป็นเสียงที่คุ้นหูของทุกคนที่เดินเข้าออกไอซียูในช่วง 2-3 เดือนนั้น.. และก็ดูเหมือนยายจะชื่นชอบบทเพลงของฉันมาก ถึงกับขอให้ฉันเขียนเนื้อเพลงให้..ฉันจึงนั่งพิมพ์และปริ๊นมันใส่กระดาษ  A4 ให้ และแกก็เก็บมันไว้กับตัวตลอดเวลา

     แต่จากโรคที่เป็นอยู่...อาการของยายก็เริ่มแย่ลงทุกวัน ยายมีปัญหาเรื่องเสมหะอุดตันที่มาจุกอยู่ที่หลอดคอและต้องการให้ดูดเสมหะให้เกือบตลอดเวลา แม้จะมีเพียงแค่เล็กน้อยยายก็ต้องการให้ไปดูดให้ ทุก 3-5 นาทีที่ฉันต้องลุกไปดูดเสมหะให้ยาย คนอื่นยายก็ไม่เอาหากเป็นวันที่ฉันขึ้นเวร แรกๆก็รู้สึกดี แต่นานวันเข้าจากวันเป็นเดือน เป็น 2 เดือนที่ฉันต้องเป็นเจ้าของไข้ดูแลยาย ฉันเริ่มรู้สึกเบื่อ เหนื่อยล้าในขณะที่ยายก็เรียกร้องหาแต่ฉันก็มีคนไข้อื่นที่ฉันต้องดูแลด้วย ไหนจะกิจกรรมอีกมากมายใน ICU  และจากอัตรากำลังที่ไม่เพียงพอทำให้บ่อยครั้งที่ฉันต้องขึ้นเวรต่อเนื่องยาวถึง16 ชม. ฉันรู้ว่ายายรัก..แต่ความเหนื่อยล้า ความเบื่อหน่ายที่รุมเร้า มันถาโถมเข้าใส่จนฉันบอกกับตัวเองว่า ไม่ไหวแล้วนะ ฉันไม่อยากให้ยายยึดติดกับฉันมากขนาดนี้

“ฉันเหนื่อย ฉันเบื่อ ทำไมต้องเป็นฉันด้วยที่เป็นเจ้าของไข้ยายทุกวัน ..” ฉันคุยกับหัวหน้าและพยาบาลรุ่นน้องที่ขึ้นเวรด้วยกันในวันนั้น

“ก็ยายเค้ารักพี่เค้าอยากให้พี่ดูแลนี่”

“ไม่ ใครจะดูก็ดู พี่ไม่ดูแล้ว พอแล้ว..หนูขอเปลี่ยนเคสค่ะหัวหน้า”

หลังจากวันนั้นมา ฉันก็ไม่ได้รับให้เป็นผู้ดูแลยายอีกทุกครั้งที่ฉันเดินผ่านยาย สายตาของยายจะมองตามฉัน ฉันรู้ว่ายายคิด รู้สึกอะไร แต่ฉันทำเป็นมองไม่เห็น เดินผ่านก็มองเลยยายไป ไม่ทักทาย ไม่ร้องเพลง เสียงร้องสรภัญญะเริ่มเงียบหายไปจาก ICU ฉันคิดอยู่อย่างเดียวว่า ไม่อยากให้ยายมาติดกับฉันอีก แต่ยายก็ไม่ได้เอะอะไรเหมือนแรกๆอีกอาการที่ทรุดหนักลงเรื่อยๆทำให้ยายหมดฤทธิ์เดชที่จะต่อต้านกับอะไรอีกต่อไป น้องที่รับช่วงดูแลยายก็ดูแลไปตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น แล้วฉันก็ลาพักร้อนหยุดยาวไม่ได้รับรู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับยายอีก จนบ่ายวันนึงที่กลับมาทำงาน

“ปรานต์...ยายบุญมาเสียแล้วนะเมื่อวาน..ก่อนญาติขอกลับไปตายที่บ้านยายถามหาแกด้วย..ยายฝากนี่ไว้ให้แกด้วยนะ” ฉันอึ้งเงียบไป ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นสมองคิดอย่างไร น้ำตาเอ่อท้น มือค่อยๆ เอื้อมไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นที่ยายฝากไว้ให้ฉัน..

     พี่ๆ เตรียมรับใหม่ เคสผู้ป่วยหญิงไทยวัยชรามาด้วย Respiratory failure แพทย์ใส่ tube แล้วที่ ER หมอกำลังจะย้ายลงมา...เสียงน้องพยาบาลอีกคนร้องบอก เพื่อให้เตรียมที่จะรับเคสใหม่ในวันนี้..มันทำให้ฉันตื่นจากภวังค์..ฉันค่อยๆพับกระดาษแผ่นนั้นเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ.. “ให้นอนเตียง 4”

     ฉันมองหน้ายายที่ admit ลงมาใหม่ “มาลาพวงดอกไม้ มาลาพวงดอกไม้ มาตั้งไว้เพื่อบูชา มาตั้งไว้เพื่อบูชา..” เสียงร้องสรภัญญะกลับมากึกก้องในหัวใจของฉันอีกครั้ง ...ความเงียบและวังเวงเริ่มเข้ามาปกคลุม..มันไม่ใช่ความเงียบจากภายนอก..แต่มันกำลังเกิดขึ้นในใจฉัน.. นึกเสียใจว่าไม่มีโอกาสได้ร่ำลายาย และยังคงติดค้างใจมาจนทุกวันนี้ว่า สิ่งที่ฉันทำและปฏิบัติต่อยายถูกต้องแล้วหรือ…ใครก็ได้ บอกฉันที

                                               



   จากน้องถึงพี่....  

      ถึงพี่ตุ๊กกี้หรือปรานต์พนิตา ผู้หญิงร่างเล็กที่แต่งกายแสนสบายนั้น จนทำให้ผมลืมนึกถึงพี่สาวคนนี้ไป "เธอเป็นพยาบาล"  พี่สาวที่น่ารักที่เข้าร่วมการอบรม Narrative medicine ร่วมกัน เธอช่างสวยงามเหลือเกิน "หากเรามองการรักษามนุษย์เพียงแค่ชิ้นส่วน นั่นย่อมไม่สามารถสัมผัสถึงจิตใจผู้ป่วยได้" มีคนบอกว่าในบางครั้งคำพูด 1 คำในการให้กำลังใจจากหมอหรือพยาบาล เปรียบเสมือนพลังมหาศาลแม้ยาขนานเอกแบบไหนก็หาใดเทียมได้ หากจะบอกว่าพี่ตุ๊กกี้ทั้งวิธีการคิด กระบวนการเขียนและน้ำเสียงของเธอนั้นสะกดอารมณ์ทุกคนให้ตกอยู่ในภวังเหมือนต้องมนต์นั้นคงไม่แปลก....ระหว่างที่เธอกำลังเล่าเรื่องนี้ผู้เข้าร่วมอบรมทุกคนผมสังเกตได้ว่าความเงียบเข้ามาปกคลุมทั่วห้อง...เพราะอะไรนะหรือ เพราะเธอกำลังร้องเพลง “มาลาพวงดอกไม้ มาลาพวงดอกไม้ มาตั้งไว้เพื่อบูชา มาตั้งไว้เพื่อบูชา..” ผมว่านี่คือสิ่งที่แทนใจพี่สาวผม หรือมันแทนความรู้สึกของเธอเหลือเกิน...ว่าเธอรักยายบุญมามากเพียงไร...พี่ตุ๊กกี้ครับสมแล้วละครับ...ที่เป็นขวัญใจยายบุญมา


หมายเลขบันทึก: 544150เขียนเมื่อ 31 กรกฎาคม 2013 00:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 กรกฎาคม 2013 08:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

"หากเรามองการรักษามนุษย์เพียงแค่ชิ้นส่วน นั่นย่อมไม่สามารถสัมผัสถึงจิตใจผู้ป่วยได้" สวยงามทั้งรูปร่างหน้าตา และจิตใจนะคะ...ขอชื่นชมค่ะ

  พยาบาลหัวใจมนุษย์จริงๆครับ..

เป็นบันทึกที่ทำให้ผมคิดถึงแม่ที่จากผมไปเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว..ภาพการร่ายรำกับผีฟ้าของแม่ ได้ย้อนกลับมาให้คิดถึงแม่อีกครั้ง

ไม่น่าเชื่อว่า วิธีนี้ก้ยังใช้กันอยู่..

ขอบคุณบันทึกดีๆ ครับ

ชื่นชมการทำงานของพยาบาลท่านนี้มากๆค่ะ

ขอรู้สึกรักเธอด้วยคนนะคะ คุณ "ตุ๊กกี้" 

ขอบคุณคุณลูกหมูฯ ที่มองเห็นคุณค่าและช่วยกันเชิดชูคนดีค่ะ 

(ก็คุณลูกหมูฯ ก็เป็นคนดีที่หนึ่งด้วยไงค่ะ)

-สวัสดีครับ

-เป็นบันทึกที่อ่านแล้วมีความสุขและเศร้าไปพร้อม  ๆกัน

-ขอบคุณบันทึกดี ๆ และให้กำลังใจพี่พยาบาลทุกท่านนะครับ

-เห็นคุณลูกหมูบอกว่าไม่เห็นต้นบะตันขอนานแล้ว..ผมได้บันทึกเรื่อง"บะตันขอ"ไว้นานแล้ว เก็บมาฝากครับ

http://www.gotoknow.org/posts/411079

ประทับใจมากครับ....ยอกจากเยียวยาผู้อื่น...ก็ต้องเยียวยาตนเองได้ครับ....ชื่นชมมากครับ

ร้อยได้อย่างสวยงามและปราณีตมากๆ เลยครับ

แวะมาเรียนรู้ความงามของสุขภาวะในการช่วยเหลือผู้อื่นด้วยศาสตร์ทางสังคมศาสตร์การแพทย์ ขอบคุณมากครับ

มาชื่นชมหัวใจอันงดงามผ่านบันทึกนี้ค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ

มาให้กำลังใจด้วยคนครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท