แคลอรี กับน้ำหนัก


อาหารมีผลต่อโรคอ้วนประมาณ 60% การออกกำลังกายมีผลประมาณ 10%

เราๆ ท่านๆ คงจะได้ยินเรื่องแคลอรี่กับน้ำหนักมาแล้วไม่มากก็น้อย...

จดหมายข่าววารสาร AARP ทางอินเตอร์เน็ต (สม้ครได้ฟรี > มีลิ้งค์เชื่อมโยงท้ายบทความ) มีเรื่องน่าสนใจคือ ความเข้าใจผิดกับแคลอรี่ ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังดังต่อไปนี้...         

แคลอรี่เป็นหน่วยที่บอกว่า อาหาร 1 กรัมให้พลังงานมากหรือน้อยเพียงใด

  • แป้งและน้ำตาล(คาร์โบไฮเดรต) 1 กรัมให้พลังงาน 4 แคลอรี่
  • โปรตีน เช่น เนื้อ ถั่ว ฯลฯ 1 กรัมให้พลังงาน 4 แคลอรี่
  • ไขมัน 1 กรัมให้พลังงาน 9 แคลอรี่ หรือประมาณ 2 เท่าของแป้งและน้ำตาล         

แอลกอฮอล์(เหล้า เบียร์ ไวน์...) 1 กรัมให้พลังงาน 7 แคลอรี่ และเป็นแหล่งพลังงานที่แย่ที่สุด เนื่องจากมีพิษต่อตับ เป็นสารเสพติด และเป็นสารก่อมะเร็ง         

การกินอาหารที่ให้พลังงานมากเกิน (ไม่ว่าจะเป็นแป้ง น้ำตาล โปรตีน หรือไขมัน) มีส่วนทำให้อ้วนได้ทั้งนั้น          

การลดน้ำหนัก 1 ปอนด์ (0.454 กก.) ต่อสัปดาห์จะต้องลดแคลอรี่รวมลงประมาณ 3,500 แคลอรี่

การควบคุมน้ำหนักที่ดีควรใช้วิธีควบคุมอาหาร ออกกำลัง และใช้แรงในชีวิตประจำวันให้มากขึ้นร่วมกัน

คนที่หนัก 70 กก. (155 ปอนด์) และเดินวันละ 2,000 ก้าว จะใช้พลังงานประมาณ 100-105 แคลอรี่

ถ้าเดินให้ได้วันละอย่างน้อย 10,000 ก้าว จะใช้พลังงานได้ประมาณ 500 แคลอรี่ สัปดาห์หนึ่งจะได้พลังงานจากการเดิน 3,500 แคลอรี่ หรือเทียบเท่าน้ำหนักไขมัน 1 ปอนด์ (0.454 กก.)         

การเดินให้ได้วันละ 10,000 ก้าวขึ้นไปร่วมกับการควบคุมอาหารมีส่วนช่วยควบคุมน้ำหนัก และป้องกันโรคอ้วนในระยะยาว         

การใช้แรงในชีวิตประจำวันมีส่วนช่วยเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน สมมติคนหนัก 70 กก. ทำกิจกรรมต่อไปนี้จะเห็นว่า ใช้พลังงานไม่เท่ากันดังตาราง(ตารางที่ 1)

ตารางที่ 1: แสดงอัตราการใช้พลังงาน(หน่วยแคลอรี่)ต่อชั่วโมง

  
กิจกรรม แคลอรี่/ชั่วโมง
เลี้ยงเด็ก 211
ทำงานบ้าน 246
งานบริหาร 106
เลขานุการ 162
ครูพลศึกษา 282

การใช้แรงในชีวิตประจำวัน เช่น เลี้ยงเด็ก ทำงานบ้าน ฯลฯ ใช้กำลังงานมากกว่างานสำนักงาน(งานบริหาร และเลขานุการ) และใช้กำลังงานเกือบเท่าการสอนพลศึกษาในเวลาเท่าๆ กันทีเดียว         

ความเข้าใจผิดในเรื่องแคลอรี่กับการควบคุมน้ำหนักที่สำคัญ 9 ข้อได้แก่

1.  ไม่คิดแคลอรี่:                                             

คนส่วนใหญ่มีแนวโน้มจะประเมินแคลอรี่อาหารต่ำกว่าจริง และประเมินแคลอรี่การออกกำลังเกินจริง ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

การปรึกษานักโภชนาการ นักกำหนดอาหาร หรือการดูฉลากอาหารมีส่วนช่วยลดการรับประทานอาหารแคลอรี่สูงได้

2. งดมื้อเช้า:                                                  

คนที่ไม่กินอาหารมื้อเช้ามีแนวโน้มจะหิวตอนสายๆ และเสี่ยงต่อการกินชดเชยมากเกิน

อาหารเช้าดีๆ เช่น ข้าวกล้องพร้อมกับข้าวง่ายๆ นมไขมันต่ำหรือนมไม่มีไขมัน ข้าวโอ๊ต ผลไม้ ฯลฯ ช่วยป้องกันภาวะหิวเกิน และโมโหหิวได้

3. งดของว่าง:                                                

คนเราจะอ้วนหรือไม่ขึ้นอยู่กับผลรวมแคลอรี่อาหารทั้งวันมากกว่าจำนวนครั้งของมื้ออาหาร จึงไม่จำเป็นต้องงดของว่าง

ของว่างที่ดีควรเป็นของว่างที่มีคุณค่าทางอาหาร และมีแคลอรี่ต่ำหน่อย โดยเฉพาะผลไม้ที่ไม่หวานจัด แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มีแคลอรี่ไม่สูงมาก และช่วยให้อิ่มได้ค่อนข้างนาน

ท่านที่ชอบโยเกิร์ตควรเลือกชนิดไขมันต่ำ และหวานน้อย... การรับประทานโยเกิร์ตกับแอปเปิ้ล หรือผัก เช่น แครอท ฯลฯ มีส่วนช่วยให้อิ่มได้นาน

4. ไม่กินแป้งและน้ำตาล:                                   

แป้งและน้ำตาล(คาร์โบไฮเดรต)มีส่วนช่วยเผาผลาญไขมัน ธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังสีรำ(โฮลวีท) ฯลฯ มีเส้นใย(ไฟเบอร์)ช่วยให้อิ่มนาน มีแร่ธาตุ วิตะมิน และสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) มาก

การกินแป้งและน้ำตาลพอประมาณมีส่วนช่วยป้องกันภาวะโคเลสเตอรอลสูงจากการกินไขมันในสัดส่วนสูงเกิน 27-30% ของอาหารที่ให้พลังงานทั้งหมด

5. ไม่กินไขมัน:                                             

การกินอาหารไขมันต่ำมากเกิน หรือไม่กินไขมันเลยทำให้อิ่มได้ไม่นาน และหิวง่าย ทำให้เสี่ยงต่อภาวะ ตบะแตกและรับประทานชดเชยมากเกิน

การกินอาหารไขมันต่ำ(ไม่ใช่ไม่มีไขมัน)ช่วยให้อิ่มได้นานมากกว่า
อย่างไรก็ตาม... ควรลดไขมันสัตว์ลง และใช้น้ำมันพืชที่มีไขมันอิ่มตัวต่ำหน่อย(น้ำมันพืชที่ไม่ใช่กะทิ และน้ำมันปาล์ม)

6.  งดขนม:                                                    

เราสามารถปรับเปลี่ยนขนม หรือเครื่องดื่มให้มีแคลอรี่ต่ำลงได้ เพื่อช่วยป้องกันภาวะหิวมากเกิน เช่น ชงกาแฟเองแทนซื้อกาแฟสำเร็จรูป ใช้น้ำตาลเทียมแทนน้ำตาลแท้ ฯลฯ

ยิ่งถ้าเสริมผักผลไม้แทนขนม เช่น แอปเปิ้ล ฯลฯ หรือเสริมธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวโอ๊ตผสมนมไขมันต่ำ หรือนมไม่มีไขมัน ฯลฯ ได้ยิ่งดีใหญ่เลย การกินข้าวโอ๊ตกับแอปเปิ้ลช่วยให้อิ่มได้นาน

7. ออกกำลังลูกเดียว:                                        

การออกกำลังโดยไม่ควบคุมอาหารมีส่วนช่วยควบคุมน้ำหนักได้น้อย

อาหารมีผลต่อโรคอ้วนประมาณ 60% การออกกำลังกายมีผลประมาณ 10% ที่เหลือเป็นปัจจัยอื่นๆ เช่น พันธุกรรม ธรรมชาติการเผาผลาญอาหารของแต่ละคน ฯลฯ

8.  ไม่ชั่งน้ำหนัก: 

การลดความอ้วนโดยไม่ชั่งน้ำหนักทำให้ขาดการประเมินผล เปรียบคล้ายผู้บริหารที่แวดล้อมไปด้วยคนสอพลอ ขาดคนเที่ยงธรรมท้วงติง ทำให้เหลิงลอยคล้ายลูกโป่งอัดแก๊ส อีกไม่นาน... แก๊สอัดก็จะเกิดการรั่วซึม ทำให้ลูกโป่งตกต่ำ

ทางที่ดีกว่าคือ ชั่งน้ำหนักทุกสัปดาห์ บันทึกไว้ และแก้ไขปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นในระยะยาว

9. งดอาหารเย็น: 

การงดอาหารเย็นหรืองดอาหารค่ำไม่ได้ช่วยลดน้ำหนัก และอาจทำให้เพลีย หรือโมโหหิวได้ง่าย ดีไม่ดี... เลยกินชดเชยใหญ่เลย

ความจริงคือ จะกินอาหารเวลาใดก็มีผลต่อน้ำหนักไม่ต่างกันเท่าไหร่ ปัญหาใหญ่อยู่ที่ว่า กิน(แคลอรี่)มากหรือน้อยต่างหาก ทางที่ดีคือ กินวันละ 3 มื้อ และไม่ปล่อยให้หิวมากเกินจนทนไม่ไหว

แนะนำให้อ่าน                                                  

  • รวมเรื่องสุขภาพ > "ลดความอ้วน"
  • [ Click - Click ]

    แหล่งที่มา:                                      

  • ขอขอบคุณ > AARP. Eating well > Calories: Know your numbers. > [ Click - Click ] > http://www.aarp.org/ health/ staying_healthy/ eating/ calories_know_your_numbers.html > October 10, 2006. (แทรกเว้นวรรคในลิ้งค์ เพื่อให้สะดวกในการจัดหน้า) 
  • ท่านที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนนำข้อมูลไปใช้.
  • นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ > ๑๒ ตุลาคม ๔๙.
หมายเลขบันทึก: 54314เขียนเมื่อ 12 ตุลาคม 2006 12:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

ขอบคุณอาจารย์หมอวัลลภค่ะ

อยากจะแนะนำอาหารเพื่อสุขภาพที่อาจจะพอเป็นแนวทางให้ผู้อ่านค่ะ 

มื้อเช้าของดิฉันส่วนใหญ่จะเป็นนมไม่มีไขมันค่ะ และจะใส่รำข้าวสาลีเข้าไปด้วย อร่อยดีนะค่ะ ไม่แพงและได้ประโยชน์ค่ะ วิตามินสูง

ส่วนมื้อเที่ยงและเย็น จะเป็นข้าวกล้องที่มักจะพยายามถั่วเขียวซีกและข้าวบาร์เลย์หรือบางทีก็ลูกเดือยค่ะ

แต่เนื่องจากว่าช่วงนี้นิสัยไม่ค่อยดี ไม่ได้ออกกำลังกายให้เป็นปกติเหมือนที่ผ่านๆ มาค่ะ ทำให้น้ำเพิ่มขึ้นมาอีก 1 กก. ค่ะ เป็นคนอ้วนง่ายค่ะเพราะเป็นทางพันธุกรรมค่ะ จึงต้องพยายามดูแลร่างกายค่อนข้างดีหน่อยค่ะ 

สรุปว่า แม้จะกินดีแต่ถ้าไม่ออกกำลังกายก็จะเผาผลาญแคลอรี่ได้ไม่เพียงพอ ซึ่งจะทำให้เกิดการสะสมน้ำหนักส่วนเกินค่ะ

ขอขอบคุณท่านอาจารย์จันทวรรณ และท่านผู้อ่านทุกท่าน... 

  • เรียนเสนอให้ท่านผู้อ่านท่านอื่นๆ นำสูตรอาหารของอาจารย์จันทวรรณไปใช้ต่อ + อย่าลืมออกกำลังแบบที่อาจารย์แนะนำด้วย

เมืองไทยปลูกข้าวมาก > ถ้ามีการวิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไปนี้ได้น่าจะดีมาก...

  • (1). จมูกข้าวเป็นอาหารเสริม หรือ...
  • (2). รำข้าว > เป็นเส้นใยสำหรับเติมในอาหาร
  • น่าดีใจที่เมืองไทยพัฒนาน้ำมันรำข้าวดีๆ ชนิดบีบด้วยความร้อนต่ำ (โอรีซานอลสูง 4,000 ppm) แล้ว

ขอให้อาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข มีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ...







อาจารย์ค่ะ รำข้าวและข้าวบาร์เลย์มีขายเป็นซองๆ ซองละประมาณ 20 บาทค่ะที่ร้านโครงการส่วนพระองค์ค่ะ

ขอบคุณค่ะอาจารย์หมอวัลลภ ช่วยเตือนสติเรื่องน้ำหนักได้ดีมากเลยค่ะ..ยิ่งอายุมากขึ้นยิ่งรู้สึกว่าน้ำหนักจะเพิ่มง่ายค่ะ

ขออนุญาตสนับสนุนจากประสบการณ์ตรงค่ะ ในข้อ 6 ที่ว่ากินข้าวโอ๊ตกับแอบเปิ้ลช่วยให้อิ่มนาน

ข้าวโอ๊ต 5 ช้อนชาชงน้ำร้อนเติมน้ำผึ้งหนึ่งช้อนชา อยู่ได้แบบไม่หิว3 ชั่วโมงครึ่งค่ะ ถ้ามีแอบเปิ้ลน่าจะได้นานกว่า ..

ขอขอบคุณอาจารย์จันทวรรณ ท่านผู้อ่าน+ลปรร. ทุกท่าน...

  • ขอขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ครับ > เรียนเชิญท่านผู้อ่านซื้อหาข้าวบาร์เลย์ + รำข้าวได้ที่โครงการส่วนพระองค์...
  • ราคาไม่แพงเลยสำหรับสุขภาพ + เป็นการช่วยอุดหนุนคนไทย (ดีกว่าซื้อของนอกเยอะเลย)...

ขอขอบคุณอาจารย์จันทรรัตน์ ท่านผู้อ่าน+ลปรร.ทุกท่าน...

  • ข้าวโอ๊ต + แอปเปิล > แคลอรี่ค่อนข้างต่ำ + เส้นใย(ไฟเบอร์)สูง + วิตะมิน เช่น B2 ฯลฯ สูง + แร่ธาตุสูง + สารต้านอนุมูลอิสระสูง
  • สูตรนี้จะอิ่มได้ค่อนข้างนานครับ

ถ้าต้องการให้อิ่มนานขึ้น > เติมนมไม่มีไขมัน หรือนมไขมันต่ำลงไปหน่อย > เพิ่มโปรตีน > ทำให้อิ่มได้นาน

  • สาเหตุที่ข้าวโอ๊ต + แอปเปิลทำให้อิ่มได้นาน > อยู่ที่เส้นใยชนิดละลายน้ำ (soluble fiber) สูง
  • เส้นใยชนิดนี้มีลักษณะเป็นเมือก (gel) > ทำให้อยู่ในกระเพาะอาหารได้นาน...

เส้นใยละลายน้ำมีมากในผัก ผลไม้ที่มีเมือก (gel) เช่น ผักปั๋ง(ทางเหนือ) มะเขือเทศ ฯลฯ

  • สงสัยว่าครูภาษาอังกฤษใช้พลังน้อยกว่าครูพละครับ
  • ขอบคุณมากครับผม

ขอขอบคุณอาจารย์ขจิต และท่านผู้อ่าน+ลปรร.ทุกท่าน...

  • ครูภาษาอังกฤษอาจจะใช้แรงกายน้อยกว่าครูพละ
  • ทว่า... ถ้าครูภาษาอังกฤษเดินมากหน่อย + เดินขึ้นลงบันได + ให้นักเรียนมีส่วนร่วม หรือทำกิจกรรมอื่นๆ + สอนหลายแห่ง > อาจใช้พลังงานมากกว่าครูพละก็ได้

ขอให้อาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข + มีสุขภาพดี + มีเวลาออกกำลังครับ...

ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ สำหรับความรู้ด้านสุขภาพ

ขอขอบคุณอาจารย์ปารินุช และท่านผู้อ่าน+ลปรร.ทุกท่าน... > ขอให้อาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข ความเจริญ และมีสุขภาพดีครับ
บันทึกนี้มีประโยชน์ดีจังนะคะ อ่านแล้วเริ่มหิวแล้วค่ะ
ขอขอบคุณอาจารย์ใบบุญ และท่านผู้อ่าน + ลปรร.ทุกท่าน... ขอให้อาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข มีสุขภาพดี และได้แคลอรี่แบบพอดีๆ ไปนานๆ ครับ

ขอขอบคุณค่ะ เป็นข้อมูลที่ดีมาก หากนำไปใช้จะต้องมีสุขภาพที่ดีแน่นอนค่ะ

ผมอยากทราบว่าตัวเลขที่แสดงอยู่ข้างสินค้า หรือข้างกล่องที่บอกว่า ให้พลังงานทั้งหมดเท่านั้นเท่านี้และพลังงานจากไขมันเท่านั้นเท่านี้ เค้าบอกเราใช่ไมครับว่าถ้าเราทานอาหารนั้นหรือสินค้าชิ้นนั้นจะได้พลังงานตามที่เค้าบอก และผมอยากทราบอีกอย่างว่าผมเป็นคนชอบรับประทานส้มมากกินมื้อไหนตกประมาณ3-4ลูกได้จะมีผลทำให้อ้วนไหมครับ ไม่เว้นแต่ส้ใผลไม้ชนิดอื่นก็กินเยอะเหมือนกันต่อมื้อ มันจะส่งผมทำให้อ้วน หรือ นน.เพิ่มขึ้นไมครับ อีกข้อละกัน ที่เค้าบอกว่าเวลาออกกำลังกายเสร็จห้ามกินอะไรทันที ไม่อย่างนั้นมันจะไปหยุดกระบวนการเผาผลานไขมันจริงไมครับ ถ้าจริงควรทิ้งระยะประมาณเท่าไรถึงจะเริ่มรับประทานได้ วานผู้ที่มีความรู้หรือพอรู้ช่วยชี้แนะให้คำปรึกษทีครับ ขอบพระคุณล่วงหน้า
  • ขอบพระคุณข้อมูลดีๆ ค่ะ
  • ตอนนี้ดิฉันใช้ความพยายามอย่างหนักค่ะ ในการลดน้ำหนัก ที่เกินมาในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ค่ะ

ขอขอบคุณ... คุณอรไทและท่านผู้อ่านทุกท่าน

  • ขอขอบคุณสำหรับการแวะมาเยี่ยมเยียน + ให้กำลังใจ
  • ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข และมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ

ขอขอบคุณ... คุณวีรพลและท่านผู้อ่านทุกท่าน

  • ป้ายอาหาร / ฉลากอาหาร (food label) บอกให้เรารู้ว่า อาหารนั้นๆ มีคุณค่า หรือมีความเสี่ยงอย่างไร

ส่วนที่ควรเน้นมากๆ คือ

  • (1). กำลังงาน (แคลอรี)... ผู้ใหญ่ใช้กำลังงานวันละประมาณ 2,000 แคลอรี มื้อหนึ่งไม่ควรกินเกิน 600-700 แคลอรี
  • (2). ไขมัน... ให้ระวังที่ไขมันอิ่มตัว มื้อหนึ่งไม่ควรเกิน 30% ของขีดจำกัดใน 1 วัน
  • (3). เกลือ
  • (4). น้ำตาล

ส้ม...

  • ส้มเป็นผลไม้ที่ดีมากๆ ทว่า... ให้กำลังงานจากน้ำตาลอยู่บ้างเหมือนกัน
  • ของที่มีแป้ง น้ำตาล ไขมัน และโปรตีนทุกชนิดทำให้อ้วนได้... ถ้ากินมากเกิน
  • ถ้าน้ำหนักพอดี + ไม่มีเบาหวาน + ไม่มีโรคไขมันในเลือดสูง > ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ดีกว่ากินขนม หรือของหวานเยอะแยะเลย

ออกกำลัง...

  • ถ้าเป็นไปได้... ควรกินข้าวก่อนออกกำลังอย่างน้อย 2 ชั่วโมง และกินข้าวหลังออกกำลังอย่างน้อย 30 นาที
  • ถ้าเราอุ่นเครื่อง (warm up) ก่อนออกกำลัง และเบาเครื่อง (cool down) หลังออกกำลังมากพอ เช่น เดินเร็ว 10 นาทีก่อนวิ่ง หรือหลังวิ่ง ฯลฯ และหิวมากก็คงจะกินมื้อเบาๆ ได้ครับ...

ขอขอบคุณ... คุณ Bright Lily และท่านผู้อ่านทุกท่าน

  • ขอให้ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักครับ...
  • เชียร์ เชียร์ และเชียร์

หนูเป็นคนอ้วนง่ายๆๆๆเลยคะคือ ถ้ากินของหวาน หรือ ขนมอย่างเลย์  ถ้ากินเยอะ แค่2 วันน้ำหนักกตัวก็ขึ้นแล้วคะ รู้ตัวว่าเราเป่นคนขึ้นง่ายเกินไป หนูเลยลองไปตรวจค่าระบบเผาพลาญ กับอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเกณฑ์ ทำยังไงให้ระบบเผาพลาญเราดีขึ้นหรือเพิ่มมากขึ้นอะคะ เพราะเครียดมากเวลาอยากทานไรก้อทานไม่ได้ ขอบคุนคะ

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท