ขอคำแนะนำค่ะ



วันนี้อึ้งมาก กับสิ่งที่ต้องรับรู้  เกี่ยวกับหมวยน้อย  จนทำให้รู้สึกสับสน เริ่มคิดวกวนว่าเราทำอะไรที่ขาดไปหรือ 

  เรื่องมีอยู่ว่า วันนี้หมวยน้อย ถือปากกาเมจิก ด้ามสวยสีชมพูและสีแดงมา ขอให้ป๊าหากระดาษจะเอามาวาดรูป  แม่สังเกตเห็นแม่ไม่เคยซื้อของแบบนี้ให้ แล้วไปเอามาจากไหน ?  จึงถามหมวยน้อยว่า  เอามาจากไหน   บอก  คุณครูให้ยืม  ชลัญคิดในใจ  ไม่มีทางแน่  จึงบอกหมวยน้อยว่าเอ้างั้นแม่โทร.ถามคุณครู หมวยน้อยโวยวาย   ไม่ให้โทร.ชลัญเริ่มเอ๊ะใจ  จึงคาดคั้น ได้ความว่า หยิบของคุณครูมาเฉยๆ เพราะเห็นสวยดี  ชลัญรู้สึกใจหายแว๊บ  เริ่มไปค้นกระเป๋า  พบดินสอสี อีก 3 แท่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง คาดคั้น หมวยน้อยบอกเอาของเพื่อนมาเพราะของตัวเองมันสั้นแล้ว  ชลัญเข่าอ่อนเลย นี่เราเลี้ยงลูกขาดอะไร ดินสอสีที่อยู่ที่บ้านนั้น ยังมีอีกที่ยังไม่ได้ใช้ และแม่ก็ไม่เคยหวงใช้  แล้วทำไมลูกถึงหยิบของเพื่อนมา  นี่เกิดอะไรขึ้น  ชลัญมองหน้าลูก ซึ่งนั่งก้มหน้าน้ำตาไหล  แล้ว  ก็กลั้นน้ำตาไว้  สงสัยและโทษตัวเองว่า ชลัญขาดตรงไหนที่ให้ลูก เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ได้อย่างไร  ชลัญไม่ได้ตีลูก แต่สอนเขา  ใหม่  เขารับปากจะไม่ทำอีก  พร้อมจะไปขอโทษคุณครูที่โรงเรียนกับแม่ ในเช้านี้  แต่ชลัญอดคิดต่อไม่ได้ ว่าชลัญต้องทำอย่างไรต่อไปในเรื่องนี้  จึงมาบันทึกเพื่อขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ดีๆ ทุกท่าน เพื่อนำมาปรับใช้ให้เหมาะสม  ชลัญมีลูกคนเดียว  และหลานคนอื่นๆที่เราเลี้ยงดูมาก็ไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้  ช่วยชลัญคิดหน่อยนะค่ะ

  ขอบคุณมากมายล่วงหน้าสำหรับคำแนะนำ

ชลัญธร


คำสำคัญ (Tags): #ไจ่ไจ๋
หมายเลขบันทึก: 542611เขียนเมื่อ 17 กรกฎาคม 2013 04:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 กรกฎาคม 2013 04:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

* ป้าใหญ่เชื่อว่า หมวยน้อยทำผิดไปเพราะความไม่รู้ เพียงสนองความอยากได้อยากมี..ซึ่งเป็นวิสัยธรรมดาของเด็กๆ

* ตามประสบการณ์ที่เคยมีมา ได้รับการปลูกฝังในเรื่องศีลธรรมผิดชอบชั่วดีจากพ่อแม่และครู มากกว่าการเฆี่ยนตี..หรือได้รับสิ่งของชดเชย...ทำให้สำนึกว่า ของๆใครๆก็หวง ใครมาหยิบเอาไปโดยไม่ขอ เราย่อมเป็นทุกข์เหมือนกัน..

* หลานไจ่ไจ๋น้ำตาไหลเมื่อแม่ทัก สะท้อนว่าจิตใจไม่แข็งกระด้าง เป็นไม้อ่อนดัดง่าย..ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ

เห็นด้วยกับป้าใหญ่คะ

น้องอาจไม่ได้ตั้งใจ เห็นว่าสวย เลยหยิบมา

คุณสามีฝากบอกว่า "ปล่อยไปอย่าพูดเรื่องนี้อีก เดี๋ยวย้ำคิดย้ำทำ อาจยกตัวอย่างพฤติกรรมดีๆที่เกี่ยวข้องให้น้องทราบ ไม่ควรพูดตรงๆคะ"

เป็นกำลังใจให้นะคะ

มอบกำลังใจให้มากๆนะคะ เห็นด้วยกับคุณพี่ใหญ่ค่ะ ค่อยๆสอนบ่อยๆ แล้วช่วงนี้แอบตรวจกระเป๋าลูกทุกวันไม่ให้ลูกเห็นนะคะ ถ้าพบคุณแม่คุณพ่อต้องไม่ทำหน้าท่าทางโกรธ ค่อยๆพูดสอนลูกแล้วปกติต่อไปก่อน จนลูกไม่นำมาอีกก็สอนได้ผลลูกเข้าใจแล้ว หรือยกตัวอย่างผลดีผลเสีย นิทาน เรื่องจริงให้ลูกทราบค่ะ อย่าคิดมากหรือวิตกกังวลมากไปนะคะ

หมวยน้อยเห็นสิ่งสวยงาม สิ่งใหม่ๆ ก็เพียงอยากได้หรืออาจจะขอยืม เพียงแต่ยังไม่กล้าจะพูดอย่างไร ค่อยๆสอนหมวยน้อยไปครับ

เป็นกำลังใจให้หมวยน้อยและคุณชลัญธรครับ

ต้องบอกเขาให้เข้าใจว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้องหรือไม่และอย่าทำโทษเขาเด็ดขาดนะคะ เด็กจะฝังใจ แนะนำในสิ่งที่ถูกต้อง รู้จักยอมรับความจริงและการขอโทษนะคะ

ดีแล้วที่สอนหมวยน้อย

สรุปว่าจะส่งมาเป็นลูกศิษย์ผมไหมครับ

ใจเย็นๆ ค่ะ เด็กๆ ค่อยๆ สอน

เห็นด้วยพี่ใหญ่นะครับ สอนให้เห็นถึงความรู้สึกของผู้ที่เราให้เขาเดือดร้อนก่อนว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร หมวยน้อยจะระมัดระวังและเรียนรู้มากขึ้นครับ

สู้ สู้ ;)...

ข้อแนะนำ

๑. อ่านซ้ำที่พี่ใหญ่แนะนำ อีก ๒ รอบ

๒. ปฏิบัติตามข้อ ๑

๓. ทำตามความคิดที่อยากทำ

๔. ทำข้อ ๓ หรือยัง....

๕. ใจเย็น

๖. เย็นหรือยัง

๗. หมวยน้อยไม่มีปัญหาแล้วนะ เชื่อเถอะ

๘. เหลือแต่แม่หมวยน้อย..ที่จะต้องเข้าใจลูก..ค่อยๆสอน เธอจะค่อยๆเข้าใจเอง

สวัสดีค่ะคุณชลัญธร...ไม่มีลูก...และไม่เคยเลี้ยงหลานนะคะ...แต่มีประสบการณ์การสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษานะคะ...ก็มีแนวคิดมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้เป็นตัวอย่างที่หยิบยกมานะคะ...การที่เป็นลูกคนเดียวอยู่บ้านหยิบของได้ทุกอย่างที่ชอบใจ..และพ่อแม่ทำให้ทุกอย่าง...แม้แต่ไปโรงเรียนก็ไม่เคยจัดกระเป๋าเองทำให้ไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างในกระเป๋าจะใช้อะไรก็หยิบบนโต๊ะของเพื่อนของครูมาใช้เพราะไม่รู้ว่าของตัวเองก็มี หรือบางคนของหายทุกวันก็มีเพราะหยิบออกมาใช้แล้วไม่เก็บใส่กระเป๋า ...วิธีแก้ก็ควรฝึกให้รู้จักความเป็นเจ้าของสิ่งของต่างๆของตัวเอง เช่นมีตู้เสื้อผ้าเฉพาะฝึกให้เก็บเสื้อผ้าไว้ในตู้ของตัวเองฝึกหยิบเสื้อผ้าที่ชอบออกมาแต่งตัวเอง...มีกล่องใส่ของเล่นฝึกการหยิบของออกมาเล่นและเก็บของเมื่อเล่นเสร็จแล้ว...ฝึกให้หยิบของใช้ประจำตัวทุกอย่างของตัวเองแล้วเก็บเข้าที่...ฯลฯ เมื่อเด็กปฏิบัติได้ดีก็ให้คำชม เมื่อไปซื้อของใช้หรือของเล่นควรให้เด็กเลือกเองและพ่อแม่คอยแนะนำ ...จากนั้นก็ฝึกให้รู้จักของใช้ของคนในบ้านโดยวิธีง่ายๆเช่นให้ไปหยิบปากกาให้แม่...แล้วเอาไปเก็บที่ ตอนหยิบมาให้ก็สอนได้เช่นบอกว่านี่ปากกาของแม่นะเอาไว้เขียนหนังสือเขียนเสร็จก็ต้องเก็บที่เดิมนะคะ ส่วนของหนูก็เป็นดินสอนะคะ...เวลาที่เขียนผิดจะลบออกได้ง่ายนะคะ...อะไรประมาณนี้...

คำแนะนำจากทุกท่านเป็นสิ่งที่น่าทำทุกอย่างเลยค่ะ พี่โอ๋ขอสนับสนุน แต่ขออีกอย่างคือ แม่โจ้ต้องคุยกับน้องหมวยน้อยด้วยว่า ลูกคิดยังไงถึงไปหยิบของคุณครูมา ลูกคิดอะไรไหมตอนที่ทำอย่างนั้น คุยให้เหมือนเพื่อนๆที่พร้อมจะรับฟังความคิดของลูก ซึ่งจะเหมือนเป็นการทำความเข้าใจความคิดของเขา เราจะได้ปรับได้ถูก อย่าเอาแต่สอนฝ่ายเดียวค่ะ และอย่าคุยเหมือนจะจับผิด คุยให้เหมือนเวลาเราทำอะไรผิดแล้วเราอยากอธิบาย ต้องอย่าลืมคิดว่าถ้าเราเป็นลูก เราอยากให้แม่ทำอย่างไรกับเราด้วยค่ะ เพราะเรานี่แหละที่จะเข้าใจเขามากที่สุด (มากกว่าตัวลูกเองเสียอีก เพราะฉะนั้นอย่าทิ้งเขาในยามที่เขาต้องการความเข้าใจค่ะ) บางทีเขาก็อาจจะมีความคิดอะไรที่เรานึกไม่ถึงก็ได้นะคะ ที่สำคัญคืออย่าสอน อย่าบอกเฉยๆ ให้ฟังลูกด้วย เพราะน้องร้องไห้ตอนที่เรารู้เรื่อง แสดงว่าเขารู้ว่าเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบ ไม่ควรทำ แต่เมื่อทำไปแล้วแก้ไขยังไง ลูกเห็นว่าควรทำยังไงบ้าง ถามเขาด้วย เพื่อให้เขาถามเรากลับ เป็นการปรึกษากัน ไม่ใช่เราสั่งสอนอย่างเดียวค่ะ สรุปคือเราต้องให้เกียรติลูกนั่นเอง แล้วเขาก็จะให้เกียรติตัวเองและคนอื่นได้ในที่สุดค่ะ

คุณ อัญชลี ครับ ผมก็เคยมีประสบการณ์เช่นนี้ครับ ....เรื่องมีอยู่ว่า ผม ภรรยา ลูกอีก 1 คน อายุลูกขณะนั้นประมาณ 7 ขวบ เป็นเด็กชายมีนิสัยน่ารัก พูดเก่ง.. ครับ มาวันทนึ่ง ผม ภรรยา ลูก พากันไปshopping ที่ โลตัส โดยให้เงินลูกไป 500 บาท บอกว่าลูกจะซื้ออะไร ก็ให้ซื้อในสิ่งที่มีประโยชน์นะ ลูก แม่ ผม เดินแยกกัน shopping ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วจึงเดินออก จาก โลตัส โดยลูกเดิน ตามมาที่หลัง ประมาณ 1-2 นาที ปรากฏว่า เสียงสัณญาณประตูดัง พนักงานรักษาความปลอดภัย จึงขออนุญาต ค้นตัวลูกชาย พบ ของเล่นราคาประมาณ 150 บาท ในกระเป๋า พนักงานรักษาความปลอดภัยจึงพาผม ภรรยา ลูก ไปห้องรักษาความปลอดภัย และสอบถามความเป็นมา จึงรู้ว่าเป็นความอยากได้ของเด็กเอง พ่อแม่ไม่มีส่วนรู้เห็น จึงให้ซื้อของที่โลตัสจำนวน 3000 บาท และนำใบเสร็จ มาให้เจ้าหน้าที่... เป็นอันเลิกแล้วกันไป

ผมและภรรยา จึงบอกลูกว่า การทำแบบนี้เป็นความผิดถือเป็นการลักขโมย ถ้าตามกฎหมายหากลูกถูกดำเนินคดี อาจต้องไปสถานพินิจ เป็นสถานที่ฝึกอบรมเด็กที่ทำผิด ต้องจากพ่อแม่ ฉะนั้นเราไม่ควรเอาของคนอื่น มาเป็นของเราโดยไม่ได้รับอนุญาตอีก....ลูกรับปากว่าจะไม่ทำอีก... ผม ภรรยา ก็ไม่พูดเรื่องนั้นกับลูกอีก...ให้ความเชื่อใจ... ตอนนี้ลูก อายุลูกผมอายุ 27 ปี ยังไม่มีพฤคิกรรมเช่นนั้นอีกแม้แต่ครั้งเดียว ครับ...

ขอโทษครับ... คูณ อัญชลัญธร ผมเขียนชื่อคุณผิด เป็น คุณอัญชลี

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท