การขับเคลื่อนงานบริการวิชาการของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ภายใต้โครงการเชิงรุก "หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน" ก่อเกิดประเด็นในเชิงชุดความรู้หลายประเด็น เช่น การบูรณาการศาสตร์การทำงานในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งประกอบด้วยการบูรณาการศาสตร์โดยใช้ศาสตร์ หรือวิชาชีพภายในคณะ และการบูรณาการศาสตร์ระหว่างคณะ
โดยในเบื้องต้น จะนำเสนอภาพรวมของการขับเคลื่อนศาสตร์ในคณะเดียวกันในพื้นที่เดียวกัน ดังนี้
คณะวิทยาการสารสนเทศ : 6 หลักสูตรในพื้นที่เดียวกัน
การบูรณาการศาสตร์ในคณะเดียวกันที่โดดเด่นที่สุด คือการทำงานของ “คณะวิทยาการสารสนเทศ” เนื่องจากทุกหลักสูตร จำนวน 6 หลักสูตรได้ลงพื้นที่ปฏิบัติการการ “เรียนรู้คู่บริการ” ในพื้นที่เดียวกัน (ชุมชนหนองบัว ต.หนองบัว อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม) นับตั้งแต่การพัฒนาโจทย์ร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การกำหนดประเด็นการขับเคลื่อน (issue Scoping) ให้สัมพันธ์กับวิชาชีพของแต่ละหลักสูตร การออกแบบกิจกรรมและจัดทำแผนกลวิธี (Strategies) การลงชุมชนแบบมีส่วนร่วม มุ่งเน้นความร่วมมือในมิติ “บวร” ที่ประกอบด้วย “วัด โรงเรียน ส่วนราชการ” อย่างครอบคลุม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงของการลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลนั้น ได้กำหนดให้นิสิตจากทุกหลักสูตรได้ลงพื้นที่พร้อมกัน เพื่อสำรวจทรัพยากรโดยรอบของชุมชน (Natural resources) ซึ่งเป็นกลวิธีหนึ่งในการสร้างโอกาสให้นิสิตต่างหลักสูตรได้ทำกิจกรรมร่วมกัน
ทั้งในเวทีชุมชนและเวทีในมหาวิทยาลัย
โดยการออกแบบกิจกรรมการศึกษาทรัพยากรชุมชน ผูกโยงไปสู่การวิเคราะห์บริบท
หรือสภาพทั่วไปของชุมชน (Context)อย่างน่าสนใจ คือ
ระยะที่ 1 มุ่งเน้นให้นิสิตได้พบปะกับ “ผู้นำชุมชน” ในพื้นที่ อบต.หนองบัว เสมือนการสร้างความคุ้นเคยกับผู้นำชุมชนรับฟังข้อมูลเบื้องต้นในองค์รวมของพื้นที่ โดยยังไม่ไห้นิสิตกระจายตัวลงพื้นที่เพื่อสัมผัสจริงเป็นรายหมู่บ้าน ซึ่งกระบวนการเช่นนี้ถือเป็น “เทคนิค” การลงชุมชนที่มุ่งให้นิสิตได้ติดต่อประสานงานกับแกนนำชุมชนเป็นอันดับแรก
ระยะที่ 2 มุ่งเน้นการแบ่งนิสิตเป็นกลุ่มตามจำนวนหมู่บ้าน และให้นิสิตลงชุมชนเพื่อเก็บข้อมูลเชิงลึกรายหมู่บ้าน โดยมีผู้นำชุมชน ทำหน้าที่คอยช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกต่อกระบวนการเก็บข้อมูล เสมือนการยกฐานะ “ผู้นำชุมชน” สู่การเป็นเสมือน “คุณอำนวย” หรือผู้อำนวยการการเรียนรู้แก่นิสิต (Facilitator) จากนั้นจึงจัดเวทีให้นิสิตร่วมกันสังเคราะห์ข้อมูล เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเตรียมความพร้อมในการคืนข้อมูลกลับให้สู่ชุมชนได้ร่วมตรวจทานความถูกต้องอีกรอบ
ระยะที่ 3 มุ่งเน้นการสังเคราะห์ข้อมูลบริบทชุมชน เพื่อจัดกระทำเป็น “ชุดความรู้” จัดเก็บเป็น “สารสนเทศ” ในรูปของเอกสารและบันทึกลงในระบบเว็บไซด์ของ อบต.หนองบัว หรือศูนย์สารสนเทศของชุมชน เพื่อให้สะดวกต่อการเผยแพร่และสืบค้นข้อมูล
นอกจากการเรียนรู้ของนิสิตในสังกัดคณะวิทยาการสารสนเทศแล้ว กระบวนการทำงานของอาจารย์ในแต่ละหลักสูตรก็เป็นในทำนองเดียวกัน กล่าวคือ มีการพบปะ พูดคุย ประชุมทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการที่เน้น “สุนทรียการสนทนา” (Dialogue) หรือ “โสเหล่” เป็นระยะๆ เพื่อให้แต่ละหลักสูตรได้รับรู้ถึงความเคลื่อนไหว หรือความคืบหน้าการทำงานร่วมกัน หรือแม้แต่การมอบหมายภารกิจนั้น บุคลากรคนใดบุคคลหนึ่งไม่สะดวกที่จะลงปฏิบัติงานในพื้นที่ ก็จะได้รับมอบหมาย หรืออาสารับช่วงภารกิจอื่นๆ แทนเป็นการหนุนเสริมการทำงานร่วมกันในอีกรูปแบบหนึ่ง
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ฯ : 3 หลักสูตรในประเด็น "ผู้สูงอายุ"
กรณีคล้ายคลึงกันนี้ปรากฏพบในการทำงานของหลักสูตร จำนวน 3 หลักสูตรจาก “คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ผังเมืองและนฤมิตศิลป์” ที่ลงปฏิบัติการงานชุมชน อบต.แกดำ (อ.แกดำ จ.มหาสารคาม) ด้วยเหมือนกัน กล่าวคือ มุ่งเน้นการเรียนรู้คู่บริการในประเด็น “ผู้สูงอายุ” ของชุมชนแกดำ เช่น ออกแบบศูนย์การเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ (สาขาสถาปัตยกรรม) การจัดทำคู่มือและการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการปรับปรุงที่พักอาศัยให้เหมาะกับผู้สูงอายุ (สาขาสถาปัตยกรรม : การก่อสร้าง) หรือการออกแบบ และพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เพื่อส่งเสริมภูมิปัญญาพืชสมุนไพร (สาขานฤมิตศิลป์) โดยบูรณาการการศึกษาผ่านภูมิปัญญาชาวบ้าน หรือปราชญ์ชาวบ้าน และกลุ่มผู้สูงอายุเป็นที่ตั้ง
ในเรื่องของการออกแบบศูนย์การเรียนรู้และการออกแบบบรรจุภัณฑ์สมุนไพรนั้น ได้บรรจุเป็น “แผนพัฒนาขององค์การบริหารส่วนตำบล” ส่วนกระบวนการเรื่องช่างชุมชนนั้น เสมือนการ “ติดตั้งชุดความรู้” ให้กับชาวบ้านเป็นรายบุคคล เพื่อสร้างเครือข่ายในการดูแลชุมชนร่วมกัน ซึ่งชาวบ้านสามารถนำไปต่อยอดในการ “ดูแลตนเอง” หรือแม้แต่การต่อยอดเพื่อ “สร้างรายได้” ที่เกี่ยวกับการปลูกสร้างและปรับปรุงที่พักอาศัยได้ด้วยเช่นกัน
คณะเทคโนโลยี : 2 หลักสูตรว่าด้วย "การผลิตดอกไม้สร้างรายได้ในระบบเกษตรอินทรีย์"
นอกจากนี้การขับเคลื่อนกระบวนการ “ผลิตดอกไม้” ของกลุ่มวิสาหกิจบ้านทุ่งนาเรา (ต.เกิ้ง อ.เมือง จ.มหาสารคาม) ของสาขาเทคโนโลยีการเกษตร และสาขาเทคโนโลยีชีวภาพ (คณะเทคโนโลยี) เป็นอีกหนึ่งพื้นที่การบูรณาการศาสตร์ในคณะเดียวกัน ซึ่งเป็นพื้นที่การต่อยอดจากงานวิจัยเดิมของบุคลากรในคณะเทคโนโลยี โดยใช้ประเด็นของการผลิตดอกไม้เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเป็นประเด็นการขับเคลื่อนร่วมกัน ผ่านกลไกการศึกษาสภาพดิน ระบบน้ำ การบำรุงรักษาดินและดอกไม้ (ดอกมะลิ ดอกดาวเรือง ดอกกุหลาบ) ด้วยระบบเกษตรอินทรีย์ รวมถึงการประสานเกษตรจังหวัดมาช่วยหนุนเสริมกระบวนการผลิตดอกไม้ด้วยระบบเกษตรอินทรีย์ เพื่อลดทอนปริมาณการผลิตดอกไม้ด้วยสารเคมีให้น้อยลง
ส่วนกรณีนิสิตนั้น พบว่าทั้งสองหลักสูตรมอบหมายให้นิสิตได้ออกแบบการเรียนรูบริบทชุมชนด้วยตนเอง ด้วยการนำองค์ความรู้จากการอบรมเรื่อง “เครื่องมือการเก็บข้อมูลชุมชน” มาประยุกต์ใช้ในชุมชนบ้านทุ่งนาเรา เพื่อให้เข้าใจสภาของชุมชนมากยิ่งขึ้น ส่วนในเรื่องการถ่ายทอดองค์ความรู้นั้น นิสิตจะมีบทบาทเป็น “ผู้ช่วยอาจารย์” มากกว่าเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้วยตนเองฯลฯ
มาชื่นชมค่ะอาจารย์
มาชื่นชมผลงานอันเป็นรุปธรรมของน้องแผ่นดินค่ะ
หายไปนานนะคะ ไม่เห็นบทบันทึกมาระยะหนึ่ง
ได้คำตอบที่ชัดเจนมาเป็นภาพผลงานในบันทึกนี้ค่ะ
ขอให้ประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไปนะคะ
มีรายละเอียดค่อนข้างมาก
ดีใจที่นิสิตได้ออกชุมชนเป็นระบบ
ไม่ได้ข่าวชุมชนแกดำนานมากๆ
นับเป็นกิจกรรมที่มีค่ายิ่งสำหรับนิสิต และชุมชนจ้ะ ชื่นชมจ้ะอาจารย์