พ่อกลับบ้านด่วนมีเรื่องแล้ว



6 กรกฎาคม 255

  วันนี้ขอแหกคอกหน่อย ขึ้นต้นก็ฟังแปลกๆ พวกที่ต้องยังต้องอาศัยคอกอยู่ก็คิดเอาละกัน ต้องขออภัยคุณครู อาจารย์ทุกท่าน ที่เคยสอนหรือไม่เคยสอนผมก็ตาม ขอกราบขออภัยมา ณ ที่นี้เป็นอย่างสูง ผมทราบดีว่าใน ที่นี้ มีครูอาจารย์ อยู่ประมาณ 99 %  ที่เขียนข้อความลงให้ได้อ่านหาความรู้

  ผมไม่ได้เป็นครู อาจารย์ที่ใหนทำงาน ส่งลูกเรียน ผมอ่านบทความของครูอาจารย์ หลายๆท่านที่พยายามเขียน และหาวิธีที่จะหาวิธีการสอนที่ดีๆมาสอนมาทำเป็นหลักสูตร ผมก็ได้แต่ชื่นชมที่ท่านทุ่มเทในการเตรียมการสอน และท่านทั้งหลายจะโกรธหรือสาปแช่งผมขนาดใหนก็ตาม ผมก็น้อมรับ แต่เท่าที่ผ่านมาผมก็ยังผิดหวังกับหลายๆท่านที่ผมฝากความหวังกับท่านใว้ ผมยังเจอแต่ครูที่ยังใช้เด็กเป็นบันไดใต่เต้าเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ผมก็ยังเข้าใจดีว่านานๆทีจะมีนักเรียนเก่งๆตกมาถึงมือท่าน (ไม่ได้ว่าทั้งหมดนะครับ) ที่จริงใจก็มีครับ แต่ส่วนใหญ่ที่จริงใจกับเด็กก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง บางท่านก็คนละระดับไม่ได้ดูแลเด็กไม่มีสิทธิ์เกี่ยวข้องงั้นละกัน

  ที่ผมเขียนมาแบบนี้ก็อยากจะสื่อสารให้กับท่านทราบว่าบางอย่างที่ท่านทำเป็นการเอาเปรียบเด็กเกินไป เช่น การส่งเด็กไปแข่งขันเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงของโรงเรียน วัตถุประสงค์ดีครับน่าสนับสนุน แต่...ปัญหาที่ตามมาคุณครูทั้งหลาย ไม่ได้เอามาใส่ใจเลย(ขอใช้คำนี้ครับ)ขอให้การสนันสนุนมากกว่านี้ ทั้งเวลาคำแนะนำ และอุปกรณ์ทีนี้มาดูปัญหานะครับ

1.  เด็กต้องขาดเรียนทั้งวันครับ กี่วิชาครับ คุณครูเคยทำแผนรองรับใหมว่าเด็กต้องมาตามเก็บการบ้าน ลอกสมุดShot Note ของเพื่อน (ไปหาเอาเอง  Connection ไม่ดีก็อดไป)แล้ววันต่อมาเด็กไปเรียนจะเอาเวลาใหนไปลอกงาน ตามงานที่ค้าง 8 คาบ (คิดใหมครับว่าเด็กเอาเวลาใหนทำ) ผู้ใหญ่เราๆ ขนาดทำงานแล้วหยุดไป 1 บ่นกันหัวเสียเหวี่ยงลูกน้อง สารพัด

2.  มาดูการเตรียมงานนะ จดหมายมาจากหน่วยงานต่างๆว่าจะจัดการประกวดนั่นนี่ มาตั้งแต่ไก่โห่  แล้วไงครับดองอยู่ที่ท่านเลขา 1 อาทิตย์ ท่าน ผอ.อีก 1อาทิตย์ อย่างเร็ว มาถึงฝ่าย คิดกันอีกหาใครไปแข่งดี อีก 1 อาทิตย์ อย่างน้อย 3 อาทิตย์ พอมาถึงเด็ก บอกว่า อีก 3-4 วัน เธอต้องไปแข่งเรื่อง(นวัตกรรมนำไทยไขปัญหาพาโลกให้เย็นลงภายในวันนี้สมมุติเอา) คิดดูว่า 3-4 วันกับปัญหาขนาดนี้มันจะไปอยู่กับใคร

3.  ทีนีตัดภาพมาที่บ้าน เด็กก็รับคำสั่งปากเปล่ามาแบบงงๆ ไม่รับก็เดี๋ยวโดนวีน  ถึงบ้านก็ยังไม่หายงง บอกแม่ คุณครูให้ไปแข่ง ...บราๆๆๆๆๆ ... ที่นี้ คนต่อไปที่ต้องรองรับคนสุดท้ายคือ พ่อ  ที่นี้แม่ก็จัดเต็มเลย โทรตามพ่ออยู่ใหนกลับบ้านด่วนมีเรื่องแล้ว พ่อกำลังโหนรถเม็ลอยู่รับโทรศัพท์ก็ใจไม่ดี อะไร หนอ รับสายก็บอกว่ากลับบ้านด่วนมีเรื่องแล้ว คิดไปต่างๆนาๆโทรกลับก็ไม่มีค่าโทรหมดไปแต่อาทิตย์ที่แล้วรับสายได้อย่างเดียว พอถึงบ้านเหงื่อโซกเลยรีบจ้ำเอ้าๆ ใจมันถึงตั้งแต่ที่รับโทรศัพท์แล้ว

4.  คุยได้สักหน่อยค่อยโล่งอกนึกว่าอะไรกัน คำถามก็ตามมา แล้วไปแข่งที่ใหน ในหรือนอกโรงเรียน ไปกันกี่คน ไปกันอย่างไง กินกันอย่างไง แล้วจะเอาอะไรไปแข่งกะเขา งานประดิษฐ์กรรม หรือเรียงความ ฯลฯ ลืมนับกี่ข้อแล้วเนี่ยคำตอบเดียวจากลูกคือ ไม่ทราบค่ะ กรรมแท้ๆ คุณทั้งหลายลองนึกภาพตามดูนะว่า กว่าพายุจะสงบมันต้องใช้เวลากี่ ชั่วโมง กว่าจะได้กินข้าว (ข้าวมื้อนี้ก็อร่อยมาก)กว่าจะได้นอนแถมอีกหน่อยพอเป็นกระสัย พรุ่งนี้นะไปถามครูว่ามีรายละเอียดอะไรบ้าง ข้อมูลอะไรพอจะบอกได้ขอมาให้หมด และแล้ว พายุก็สงบลง (แต่คุณครูคงหลับไปตั้งแต่ 4 ทุ่มแล้วมั๊ง หลังจากละครจบ) ครอบครัวผมหละ เกือบเที่ยงคืน

5.  หนึ่งวันผ่านไปใวเหมือนโกหก ลูกกลับมาถึงบ้านพร้อมจดหมายบอกรายละเอียดว่า จะไปแข่งโครงงาน บราๆๆๆ.. ทีนี้ ทอร์นาโดก็ค่อยๆก่อตัวขึ้นลูกเริ่มใหญ่ขึ้นๆๆๆๆแล้วงวงทอร์นาโดมันก็ฟาดไปถึงที่ทำงาน พ่อ กลับบ้านเดี๋ยวนี้ กรรมเลยทีนี้ เดี๋ยวสิยังไม่เลิกงานเลย วันนี้ 5โมงเย็นออกมาเลยนะไม่งั้น.....(ไม่อยากบอก) จ้าคำเดียวสั้นๆ เป็นคำตอบสุดท้าย พอถึงบ้าน ก็มีความรู้สึกว่าลูกตุ้มหนัก 3 ตันของปั้นจั่นมันหล่นทับ

6.  โอ้โห้ แล้ว มหาสัตบุรุษอนุรุทรานินทราชเจ้าข้าวเหนียวดำ ที่ใหนจะคิดโปรเจคนี้ทันพ่อก็หันไปหาลูกถามว่าแล้วคุณครูเขาช่วยอะไรลูกบ้างหละ  ลูกส่ายหน้าเบาๆ แล้วทั้งคิดทั้งทดลองทั้งผลิต คำถามตามมาอีก แล้วใครออกค่าวัสดุกรรม ค่าโทรศัพท์ยังไม่มีเติมเงินเลย พรุ่งนี้ไปบอกคุณครูนะว่า มีอุปกรณ์อะไรให้นักเรียนบ้าง คือนี้ดีหน่อยพ่อกะแม่หันหน้ามาผนึกกำลังกันจะทำโปรเจคอะไรดี กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไป ตี 1 (ผมกล้ารับประกันได้ 100% เลย ว่าโครงการทั้งหลายที่แข่งกัน ประกวดกันทั้งหลาย พ่อแม่ทั้งนั้นแหละเป็นคนทำ คุณครูเป็นคนสั่ง นักเรียนเป็นคน Present ) ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่คนที่ตายคือคนพูด....ผมบอกลูกว่าลูกไปทำการบ้านให้เสร็จแล้วอ่านทบทวนหนังสือที่จะสอบเถอะอันนี้มันหนักเกินที่ลูกจะทำได้ แล้วค่อยแบ่งเวลามาท่องบทที่แม่เขียนให้ Present ละกัน...

7.  เย็นของวันที่ 3 ลูกมาพร้อมกับกระดาษสี 4 แผ่น พร้อมยางหนังสะติก 1 วง กรรมแท้ๆ นี่หรอเมกะโปรเจคจะไปแข่งระดับจังหวัด (พับถุงกล้วยแขกโชว์ซะเลยดีใหม)ทีนี้ไงหละ โทรศัพท์มาถึงพ่อบอกว่าพ่อขากลับซื้อกระดาษแข็ง,กาว,ใบ Cutter, ลวด,เทปพันลวด กระดาษเลื่อมมันๆแว๊ปๆ อ้ออย่าลืมเอากระดาษหนังสือพิมพ์ที่ออฟฟิสมาด้วยนะ (เอามารองอ่างฉี่แมวมันหมดแล้ว)ปลาทูแมวด้วย กรรม ไม่ถามสักคำเลยมีตังใหม...พ่อก็ต้องยิ้มแห้งๆๆเข้าไปหาเจ้านาย พี่ครับผมขอยืมตัง สัก 500  ตังไม่พอ ต้องซื้องานฝีมือให้ลูก....โดนด่าอีกหน่อยไม่เป็นไรด่ามาเถอะขอให้ได้ตังละกัน (คุณครูจะรู้ใหมหนอ) คืนนี้หวังเถอะจะได้นอนง่ายๆ (คุณครูครับละครจบแล้วคุณครูคงหลับแล้วนะคิดถึงคุณครูจุงเบย) นอนเถอะแม่ดึกแล้วยังมีเวลาพรุ่งนี้อีกคืนนะ

8.  นาฬิกาปลุกดังลั่น พ่อลุกพรวดปลุกลูกไปอาบน้ำไปโรงเรียนแต่เช้า  พอลูกแต่งตัว พ่อก็อาบน้ำบ้าง เสร็จออกมา เตรียมแต่งตัว แม่ก็เปรยออกมาค่อยๆว่า พ่อหยุดงานสักวันช่วยลูกทำให้เสร็จได้ใหม อื้อหือ แล้วผมจะบอกเจ้านายว่าไง เมื่อวานเพิ่งขอยืมเงินมา 500 วันนี้มันทรยศขาดงานเลยเป็นการตอบแทน ความคิดทั้งหลายใหลผ่านสมองทำไงดี ก็เลยบอกแม่ว่า ไม่ได้หรอกเมื่อวานเพิ่งขอยืมเงินเจ้านายมา 500 ซื้อของมาทำงานให้ลูกขืนหยุดโดนด่าตายแน่  ...แม่ก็สวนทันที แหมงานของลูกไม่ได้มีทั้งปีซะเมื่อใหร่ช่วยลูกไม่ได้หรอ ใจผมแทบสลาย เฮ้อ หยุดก็หยุด....วันนี้ทั้งวันทำงานลูกเช้าถึงเย็น..ถึงมืด..ถึงดึกดื่นเที่ยงคืนเสร็จซะที(คุณครูครับคุณครูคงหลับตั้งแต่ละครจบละมั๊ง)

9.  ผลที่สุดเช้านี้ไปส่งลูกเอางานไปส่งคุณครู คุณครูยิ้มต้อนรับหน้าบานเห็นงานสวย สังเกตุ ท้องกับตาของพ่อบ้างใหมว่าหิวใหม ง่วงใหม ส่งลูกเสร็จเดินออกมา เจอร้านกาแฟเดินรี่เข้าไปสั่งโอยั้ว 1แก้ว 3 อึกหมด จ่ายตังแล้วเดินไปรอรถเม็ลไปออฟฟิสตามปกติ (คุณครูครับชีวิตผมเป็นปกติแล้วคุณครูอย่าทำให้ชีวิตผมผิดปกติอีกนะ)

ปล.ที่ผมเขียนมานี้อยากจะบอกคุณครูทั้งหลายด้วยความเคารพว่า 90% ที่ลูกผมเรียนจบมา ภรรยาผมเป็นคนสอนทั้งนั้น 10%ที่เหลือได้มาจากโรงเรียน (ได้เจอเพื่อนเรียนรู้สังคม รอใบประกาศจากกระทรวงว่าเรียนจบแล้ว) นี่ถ้าภรรยาผมออกใปประกาศเองได้นะ ลูกผมก็คงจะเหลือแค่ไปเรียนรู้สังคมเพื่อนเท่านั้น

ขออภัยถ้าทุกท่านที่อ่านแล้วไม่พอใจด้วยความเคารพคุณครูทุกท่านที่เคยสอนผมมาและไม่ได้สอนผม ผมยังสำนึกในบุญคุณของทุกท่านตลอดเวลา

น้าอิศ


หมายเลขบันทึก: 541636เขียนเมื่อ 7 กรกฎาคม 2013 01:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 กรกฎาคม 2013 01:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (26)

สวัสดีค่ะ

บันทึกมีประเด็นที่น่าสนใจมากค่ะ ด้วยหัวเรื่องที่น่าสนใจทำให้ติดตามอ่าน และก็อ่านจนจบ

ยิ่งน่าสนใจมากขึ้น เมื่ออ่านประวัติ เจอประโยคนี้ "ผมเองไม่ได้หวังให้ลูกเก่งที่สุด แต่หวังให้ลูกทำประโยชน์ให้ประเทศชาติมากที่สุด"


ในบทบาทของการเป็นครู ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นดังนี้ค่ะ

  • ขออนุญาตเรียนว่า คุณครูที่เป็นอย่างในบันทึกนี้มีอยู่จริง แต่คุณครูที่มิได้เป็นเช่นนี้ก็ยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะครูแถวต่างจังหวัดอย่างครูอิง
  • คุณครูหลาย ๆ ท่าน โดยเฉพาะตัวครูอิงเอง มิได้มีความประสงค์ให้เด็กเข้าแข่งขัน ประกวดโน่น นี่ นั่น แต่บางครั้งต้องเข้าใจว่า เราเป้นลูกน้อง ก็ต้องสนองนโยบายของเจ้านาย หรือหน่วยเหนือ ไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะสั่งมาเป็นทอด ๆ
  • ที่โรงเรียนครูอิง และโรงเรียนอื่น ๆ (ระดับอนุบาล-ประถม) ในละแวกนี้ หากต้องมีการแข่งขัน ประกวด หน้าที่ทุกอย่างเป็นของคุณครูค่ะ ดูแลเด็กอย่างดี รับ-ส่งถึงบ้าน แม้ว่างบประมาณส่วนใหญ่จะเป็นเงินในกระเป๋าของคุณครูก็ต้องทำค่ะ เป็นอย่างนี้จริง ๆ ผู้ปกครองมีหน้าที่คอยชื่นชมวันที่เด็ก ๆ รับรางวัลเท่านั้น เด็ก ๆ เองก็กระตือรือร้นในการเข้าแข่งขัน ผู้ปกครองก็ให้ความร่วมมือด้วยดี เพราะคุณครูกับผู้ปกครองจะติดต่อ มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน บางครั้งคุณครูเอง ก็ต้องเลี้ยงดูผู้ปกครองในเรื่องอาหารการกินด้วย (ใช้งบประมาณตัวเองทั้งนั้น)
  • อาจจะมีบ้างที่คุณครูบางท่านหวัง รางวัลเด็กเพื่อทำผลงานตนเอง(สำหรับครูอิงแล้ว รางวัลไม่ใช่เป้าหมาย จุดประสงค์หลักต้องการให้เด็กเกิดการเรียนรู้ เกิดทักษะการทำงานมากกว่าค่ะ) แต่เป็นเพียงส่วนประกอบ มีผลต่อคะแนนการประเมินไม่มากนัก เนื้องานจริง ๆ ต้องเป็นของคุณครูค่ะ เช่น งานวิจัย หรืองานการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่นำเสนอให้เห็นว่า ผลงานนั้นมีผลต่อการพัฒนาเด็ก
ในบทบาทของผู้ปกครอง ขออนุญาตแสดงความคิดเห็น ดังนี้ค่ะ
  • ครูอิงเองก็มีความคิดเหมือน คุณอิศรินทร์ค่ะ ไม่ได้หวังให้ลูกเก่งที่สุด แต่หวังให้ลูกทำประโยชน์ให้ประเทศชาติมากที่สุด เป็นคนดีของสังคม สามารถดูแลตัวเองได้ ไม่มีความแข่งแย่งแข่งขัน เน้นเสมอว่าให้ลูกแข่งกับตัวเอง คือต้องพัฒนาตัวเองให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น"
  • ครูอิงมีลูกชาย 2 คนค่ะ คนโตเรียนอยู่ ปี 1 คนน้อง เรียนชั้น ม.3 โรงเรียนเอกชนทั้งคู่ เข้าใจหัวอกของผู้ปกครองดีค่ะ งานลูกที่คุณครูสั่ง เป็นงานของแม่ด้วยเสมอ
  • ล่าสุด ลูกชายคนโตได้รับคัดเลือกให้นำโครงงานเข้าประกวดที่จังหวัดชลบุรี โครงงานที่ลูกทำ ใช้งบประมาณของแม่ไป ประมาณ 2,000 บาท ไม่รวมสิ่งของในบ้านที่ลูกนำไปใช้ทำโครงงาน
  • บอกตรง ๆ ครูอิงเองก็มีความรู้สึกเหมือนคุณอิศ นั่นแหละค่ะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้เพียงช่วยเหลือลูก เป็นกำลังใจให้ลูก คุณครูไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย โครงงานลูกก็คิดเองทำเองทั้งหมด แต่เห็นลูกมีความสุข มีความภูมิใจในผลงาน และได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ เกิดทักษะในการทำงาน แค่นี้่คนเป็นแม่ก็สุขใจ ส่วนรางวัลที่ได้ยกให้คุณครูก็แล้วกันค่ะ
  • ต้องขออภัยคุณอิศนะคะ หากข้อคิดเห็นใด ๆ ของครูอิง ไม่ถูกใจ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ ฝากชื่นชมคุณแม่ของลูกด้วยนะคะ ว่าเลี้ยงลูกได้ดีมาก ๆ หวังว่าเราคงได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอีกในบันทึกต่อ ๆ ไปนะคะ
  • ขอบพระคุณมากค่ะ

คุณครูอิงได้พูดแทนคุณครูอย่างดิฉันไปแล้วทุกประการ ขอบคุณคุณอิศที่ช่วยเป็นกระจกอีกบานให้คุณครูได้ตรวจสอบตัวเองค่ะ

ขอเทิดทูลพระคุณของครูทุกท่านอย่างสูง โดยเฉพาะคุณครูอิง คุณครูบุษรากร ผมว่าทั้งนี้และทั้งนั้นอยู่ที่การจัดการทั้งหลายในกระบวนการ เอามาจัดเรียงให้เหมาะสม มีเวลาที่เหมาะสม มีเด็กที่เหมาะสม มีผู้ปกครองที่พร้อม คงจะเรียบร้อยด้วยดี เพราะเรามีคุณครูที่เก่งอยู่แล้วครับ แต่ถ้าต้องกวนงบประมาณคุณครูก็ไม่เหมาะเหมือนกัน งั้นองค์กรควรจะเตรียมงปประมาณนี้ใว้เพราะคนแรกที่จะมีประโยชน์ร่วมในผลงานก็คือองค์กรครับ ผู้ปกครองก็มีส่วนร่วม เพราะเด็กก็ได้ผลประโยขน์อีกคน คนละครึ่งทั้งความคิด และงบประมาณก็ยังดีครับ ขอบพระคุณอีกครั้งครับ

น้าอิศ คนทำแบบ

สวัสดีค่ะคุณอิศรินทร... ขออธิบายให้เข้าใจง่ายนะคะ...เปรียบเทียบการทำงานของครูเป็นการขายสินค้า...ที่มีเด็กเป็นลูกค้า กิจกรรมการเรียนการสอนเป็นสินค้า... ผลการเรียนของเด็กเป็นทั้งกำไรที่ครูจะได้คืนกลับมา และเป็นทั้งประโยชน์ที่เด็กได้รับสินค้านั้นไป... ถ้าครูสอนไม่ดีคือสินค้าไม่ดีไม่มีคุณภาพ... เด็กหรือลูกค้าก็ไม่ได้ประโยชน์จากสินค้าที่ซื้อไป...เด็กก็จะมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ต่ำ... คนขายก็ขายสินค้าไม่ได้ก็ไม่มีกำไรจากสินค้านั้นหมายถึงครูก็ไม่มีผลงานทางวิชาการออกมาก็ไม่ผ่านการประเมิน... ลูกค้าก็ไม่ได้ประโยชน์จากสินค้า...ก็คือผลการเรียนของเด็กไม่ดี... แต่ถ้าครูสอนดีแน่นอนเด็กต้องได้วิชาความรู้นั้นไป ครูก็จะได้ผลงานทางวิชาการเพื่อเลื่อนขั้นเลื่อนระดับ...ถูกต้องไหมค่ะ จึงเป็นการเข้าใจที่ไม่ถูกต้องว่าครูจะได้ผลงานเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งโดยใช้เด็กเป็นบันไดนะคะ

สถานศึกษาทุกระดับในประเทศต้องดำเนินการจัดการเรียนการสอนให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ...ซึ่งผู้ปกครองเองก็ต้องอ่านทำความเข้าใจในพระราชบัญญัติฯด้วยเพื่อให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องและตรงกันกับโรงเรียน จะได้ช่วยกันส่งเสริม สนับสนุนลูกหลานของตนเอง ได้อย่างถูกต้อง เพราะจากการที่อ่านบันทึก ในประเด็นที่ว่า 90% ที่ลูกผมเรียนจบมา ภรรยาผมเป็นคนสอนทั้งนั้น 10%ที่เหลือได้มาจากโรงเรียน นั้นผิดอย่างมหันต์เพราะพ่อแม่ที่กลัวผลงานลูกไม่ดี ไปทำการบ้านแทนลูก เข้าตำราพ่อแม่ฆ่าฉัน จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็กไทยไม่ถึงเกณฑ์

และเหตุที่การจัดการศึกษาก็ต้องมีการแข่งขันตั้งแต่ในระดับโรงเรียน ตำบล อำเภอ จังหวัด ประเทศ และนอกประเทศ เพราะนั่นคือกลไกการขับเคลื่อนการศึกษาเพื่อพัฒนาเติมเต็มศักยภาพของนักเรียนให้มีความเจริญงอกงามทางสติปัญญาสูงสุด ซึ่งผลจากการที่ครูทุ่มเท ไม่ใช่ได้รับคำชมว่าเป็นเรือจ้าง เพราะพอขึ้นฝั่งกันแล้วก็ถีบหัวเรือส่ง เขาจึงให้ประโยชน์แก่ครูผู้สอน และสถานศึกษานั้นด้วย

จึงเป็นไปไม่ได้ที่ครูจะส่งเด็กไปแข่งขันโดยที่เด็กไม่มีความรู้ความสามารถเพราะการแข่งขันต้องไปทำให้เขาเห็นจริง มีคณะกรรมการตัดสิน ไม่ใช่ยกชิ้นงานเอาไปจากบ้าน ยิ่งต้องไปแข่งกับโรงเรียนอื่น ขืนไปทำอย่างนั้นครูคนนั้นต้องเอาปีบคลุมหัวเดินเข้าโรงเรียนแน่ๆนะคะ...

คุณอิศคะ

ขอบพระคุณนะคะที่เข้าใจคุณครู ชีวิตครูในยุคปัจจุบันไม่ได้ง่ายนะคะ เงินเดือนอย่างน้อย 10 เปอร์เซ็น เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับองค์กร สำหรับเด็ก ๆ ยังมีเด็ก ๆที่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณครูอีกเยอะมาก อย่างโรงเรียนของครูอิงนี่ คุณครูจะต้องจ่าย ค่าจ้างครูช่วยสอนอีก คนละ 200 ค่อเดือน(เพราะครูไม่ครบชั้น) ต้องช่วยกันจ่ายค่าหนังสือพิมพ์อีกคนละ 50 บาทต่อเดือน นี่เพียงหลัก ๆ ที่ต้องจ่ายประจำ ส่วนรายจ่ายขาจรอีกเยอะค่ะ ก่อนที่จะได้เด็กที่ชนะเลิศในการแข่่งขัน เราก็ต้องมีรางวัลปลอบใจให้กับเด็กคนอื่นๆ หรือ เด็กเข้าแข่งขันแล้วไม่ได้รางวัล ครูอิงก็จะต้องจัดหารางวัลให้เด็กเองค่ะ ส่วนใหญ่ค่าเดินทางก็ใช้รถส่วนตัว ค่าน้ำมันก็จ่ายเองค่ะ

ส่วนที่บอกว่าองค์กรควรจะเตรียมงบประมาณไว้นั้น ยากมากค่ะ เพราะโรงเรียนรัฐบาลไม่ได้เก็บค่าเทอม เงินรายหัวที่รัฐบาลจัดสรรก็ไม่เพียงพอค่ะ ผู้บริหารเองบางครั้งก็กดดันครูผู้สอน อย่างเช่น เวลาองค์กรต้องการผลงาน ก็จะบอกว่า

"พี่....ทำเถอะนะ ส่งประกวดเถอะนะ พี่จะได้มีผลงาน โรงเรียนก็จะได้มีผลงาน" แต่เวลาไม่ต้องการขึ้นมา เห็นครูส่งผลงานเข้าประกวด (บางครั้งเขตพื้นที่เขาโทรศัพท์มาเป็นการส่วนตัวขอให้ส่งค่ะ เพราะเขาก็ต้องการผลงานเช่นกัน) ผุ้บริหารก็จะใชคำถามว่า "จะล่ารางวัลอะไรอีกหล่ะ" นี่แค่ตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ นะคะ จริง ๆ แล้วความขมขื่นของครูยังมีอีกเยอะ แต่ไม่อยู่ในสภาพที่จะพูดได้

ขอบพระคุณคุณอิศอีกครั้ง ที่ทำให้ครูอิงได้ระบายความในใจบ้าง หวังว่าคุณอิศคงเข้าใจคุณครูมากขึ้นนะคะ

ความคิดเห็นของแต่ละท่าน ตอบโจทย์ของกระติก ที่อยู่ในฐานะผู้ปกครองได้

เข้าใจในบทบาทของคุณครูมากยิ่งขึ้น

ขอบคุณมากนะค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณอิศ
ครูนกอ่านสองรอบสำหรับ "พ่อกลับบ้านด่วนมีเรื่องแล้ว" และอ่านความเห็นของทุกๆท่านโดยเฉพาะเพื่อนครูด้วยกัน ครูนกเห็นด้วยกับครูอิงจันทร์ค่ะ พวกเราส่วนใหญ่ตั้งใจจะสอนและให้ประสบการณ์แก่ศิษย์เพื่อให้เป็นคนดี คนเก่งตามศักยภาพของเด็กๆ แต่ละคนทั้งนี้จะสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมือตั้งแต่ครูผู้สอน ผู้ปกครองและชุมชน

ครูนกขอเล่าในส่วนประสบการณ์ของตนเองการนำเด็กไปแข่งขันส่วนใหญ่งบประมาณจะมีค่าเบี้ยเลี้ยงในวันแข่งขัน ส่วนการเดินทางเพื่อความสะดวกจะใช้รถของครูซึ่งไม่มีงบประมาณเบิกค่าน้ำมันหรือใดๆ นักเรียนจะใช้วัสดุอุปกรณ์ใดๆ ครูก็ต้องจัดเตรียมให้บางส่วน อาหารเช้าถ้าเข้าเกินไปก็ต้องดูแล และที่สำคัญส่วนใหญ่ครูมักจะให้เงินค่าเบี้ยเลี้ยงตนเองสมทบไปกับเด็กๆ เพื่อให้เด็กได้มีวงเงินมากขึ้น ส่วนความภูมิใจของครูก็คือเด็กๆ ประสบความสำเร็จทั้งนี้เพื่อเป็นเกียรติประวัติของเด็ก และสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียน ส่วนครูที่จะใช้ประโยชน์จากผลงานของนักเรียนครูนกให้ไม่ถึง ๑๐ เปอร์เซนต์ สำหรับครูนกเองจจะพูดกับแม่ของตนเองบ่อยมากๆ กว่า ช่วงเวลาที่ขับรถแล้วระมัดระวังที่สุดคือ การนำลูกศิษย์ไปด้วย เพราะนั่นคือความรับผิดชอบเต็มๆ ค่าโทรศัพท์ที่ประสานกับหน่วยงานต่างๆ กับผู้ปกครอง บรรดาครูๆ ก็ไม่มีงบประมาณเบิกค่าใช้จ่ายส่วนนี้นะค่ะซึ่งโทรศัพท์ใช้ประสานได้หลากหลาย

กิจกรรมในห้องเรียนที่จัดเพื่อมุ่งสร้างประสบการณ์จากของจริง ครูนกก็มั่นใจค่ะ ว่าครูส่วนใหญ่ต้องเตรียมมาจากบ้าน และซื้อเพิ่มเติม ด้วยงบประมาณมีในวงจำกัด แต่เพื่อศิษย์คุณครูทั้งหลายก็พร้อมใจและเต็มใจค่ะ อย่างกิจกรรมชุมนุมที่ครูนกดูแล งบประมาณต่อเด็กหนึ่งคนมีเพียง ๔๔ บาท หากจะเบิกต้องใช้ใบเสร็จในการเบิกจ่ายซึ่งครูนกมักจะตัดใจเพราะมองว่า น้ำแข็ง น้ำตาล แป้ง ถ้วยกระดาษ กระดาษวาดเขียน สารทำสบู่ ฯลฯ ไม่ใช่เรื่องเกินความสามารถที่ครูจะดูแลให้เด็กๆ เพราะความสุขที่จะเกิดขึ้นในห้องเรียนมีมูลค่ามากกว่านั้น

ส่วนเรื่องการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ จากประสบการณ์ที่สอนจะมีเด็กบางกลุ่มที่คิดประดิษฐ์ที่อาศัยความรู้เกินวัยทำให้ต้องอาศัยความร่วมมือจากรุ่นพี่ หรือผู้ปกครอง แต่ครูนกอยากให้มองผลที่จะเกิดกับเด็กที่สนับสนุนฝันหรือจินตนาการเขาให้เป็นจริง และถ้าสิ่งเหล่านี้จะทำให้ผู้ปกครองเดือดร้อน คุณอิศลองพูดคุยปรึกษากับคุณครู ครูนกเชื่อค่ะว่าจะต้องมีวิธีการอย่างอื่นมารองรับหรือปรับเปลี่ยนวิธีการได้

ขอบคุณคุณอิศที่นำเรื่องนี้มาแลกเปลี่ยนทำให้ครูนกได้พูดในเรื่องต่างๆ ในบทบาทของครูลึกๆ ที่ไม่เคยอยากนำมาพูดเพราะมองว่า เรายังทำได้อย่างมีความสุข และเต็มใจที่จะทำ เพื่อให้เด็กไทยกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพนำชาติไทยของเราไปได้อย่างงดงามค่ะ พร้อมกับนำภาพเย็นๆมาฝากค่ะ เป็นภาพล่าสุดที่ครูนกและเด็กๆ ไปทานไอศครีมกันหลังจากที่เด็กๆ ไปช่วยครูนกซื้อของเตรียมงานของโรงเรียน


เป็นความจริงที่เกิดขึ้นมาแล้วหลายปีในสังคมไทย...
สังคมของ การศึกษาคุณค่าเทียม ครับ

เป็นกำลังใจให้นะครับ ขอบคุณครับ

No Comment มีแต่กำลังใจที่จะส่งไปให้เลยครับ

เยี่ยม ;)...

Sorry to bust in. I am not teaching. I don't have school-aged children -- anymore ;-)

Is it not the time we have "real" school-parents talks (I mean "not" perfunctionary pep-and-useless talks but real person-to-person talks) so that the tasks of those who suppose to look after children's learning are better understood?

Roles and duties would be much clearer and less overlapping if teachers and parents are working together for the sake of children. Children's learning is both a product and a responsibility of both parents and teachers. The success of children reflects the quality of care of both parents and teachers. What more important that we can all agree is that the future will be in our children's hands. When we are old and less able to look after our lives, our society and our country, our children will have the tasks and the responsibilities as our legacy of a proud nation.

I urge parents to form an organization and talk to school. I urge schools to reach out to parents. I urge Ministry of Education to provide funds for collaboration processes. Let's work together for children.

กราบขอบพระคุณทุกท่านที่ชี้แจงข้อเท็จจริง น้าอิศเข้าใจในความจริงใจและตั้งใจทำงาน บางท่านอาจจะไม่พอใจกับบันทึกของน้าอิศต้องกราบขออภัยมานะที่นี้ด้วยครับ เรื่องนี้มันเกิดขึ้นมานานมากแล้ว และบ่อยครั้งมากจน น้าอิศจำได้ดีตั้งแต่ลูกเรียนประถม มัธยม บางครั้งมีมาตอนใกล้สอบ กรรมแท้ๆ หนังสือก็ต้องอ่านสอบ แล้วจะให้น้าอิศทำไง ทางเดียวบอกลูกอ่านหนังสือไป พ่อทำเอง น้าอิศเคยถามลูกว่า แล้วคนอื่นที่สอบได้ เกรด 4 มีตั้งหลายคนทำไม คุณครูไม่เลือก ลูกบอกว่า เพื่อนเขาบอกครูว่า แม่ไม่ให้รับกิจกรรมเดี๋ยวเกรดตกห้ามรับงาน เฮ้อ..นึกแล้วก็ยังใจหาย เราผ่านช่วงชีวิตนั้นมาได้ยังไง ตอนนี้ลูกคนเล็กก็เข้า มหาวิทยาลัยแล้ว คงไม่มีกิจกรรมแบบนี้มาให้พ่อทำอีกแล้ว คนโตกำลังจะทำโปรเจคจบโท เดือนตุลานี้ ตอนนี้น้าอิศก็เลยพอมีเวลานั่งวาดรูปอย่างที่ใจเรียกร้องมานาน ไม่กินข้าวเช้าถึงเย็นก็เป็นมาแล้วสุขบั้นปลาย

ขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้งด้วยความจริงใจและเข้าใจ

น้าอิศ

ตามครูอิงมาอ่านค่ะ

  • อ่านแล้วค่ะ น่าตกใจมาก แลเห็นบรรยากาศที่ "พ่อแม่เรียนแทนลูก" แล้วเครียดกันทั้งบ้าน
  • ดิฉันว่านี่เป็นปัญหาของทั้งระบบ จะโทษโรงเรียนฝ่ายเดียวไม่ได้ ครอบครัวต้องเข้ามาคิดทางออกด้วย และต้องคุยกันทั้งระบบ ...
  • ปัญหาอีกอย่างที่เพิ่มความเครียดได้มาก คือ ขาดการสื่อสารที่ดีระหว่างบ้านกับโรงเรียน
  • คนในสังคมปัจจุบันเครียดกันไปหมด เพราะต่างแข่่งขัน และ เป็นการแข่งขันที่ไม่เห็นเส้่นชัย
  • บันทึกนี้มีประโยชน์ที่ทำให้ครูได้เห็นอีกมุม

ประทานโทษครับ ผมไม่ได้เรียนแทนลูกนะครับ เด็กก็เรียนไปตามระบบครับอันใหนที่เด็กเรียนไม่เข้าใจแม่ก็อธิบายให้กระจ่าง ถ้าเข้าใจแล้วก็ไม่มาขอให้อธิบายเพิ่ม แต่งานนอกนี่สิครับ มัน Over Load ครับ ที่ช่วยทำก็ งานนอกนี่ครับ แค่การบ้านนี่ก็ปาเข้าไป 5 ทุ่มเผลอๆเที่ยงคืน อย่าลืมครับ เด็กกลับมาก็ช่วยกันทำงานบ้านก่อนกว่าจะได้ทำการบ้านก็ 3 ทุ่มโน่น เหตุที่พ่อต้องช่วยทำงานนอก ผมก็ไม่สนับสนุนพ่อแม่เรียนแทนลูกครับ เพราะจะกลายเป็บ "พ่อแม่รังแกฉัน" ผมก็ยังเคยเรียนสมัยเด็กๆครับ

ขอขอบพระคุณคุณครู Nui ที่ให้ความเห็นมา การแข่งขันก็มีส่วนดี ผมว่าความพอดีน่าจะจัดให้พอเหมาะได้ครับ ไม่ใช่ว่าหมายหัวเด็กคนนี้ซะทุกเรื่องทุกภาควิชาก็จ้องเด็กคนเดียว แล้วเด็กจะเอาเวลาที่ใหนเรียน ใหนเด็กจะมีโครงการพิเศษของเด็กเองอีก เด็กพวกนี้ไม่มีปิดเทอมนะครับ แต่ก็แลกกับสิทธิ์พิเศษบางกรณี เช่นเลือกมหาวิทยาลัยที่จะเข้า เรียกว่าหนักตอนแรกแต่สบายตอนปลาย

ขอเทิดทูลคุณครูอยู่ตลอด

น้าอิศเบาปานขนนกเมื่อผ่านอุปสรรคได้

คุณมะเดื่ออาจจะมาช้าไปสำหรับบันทึกนี้ ....อ่านจบแล้ว...ถึงบาง...ออ...อ่อ....อ้อ..! มันเป็นเช่นนี้แล...

ขอรับว่า เรื่องราวที่คุณคนทำแบบบันทึกมานี้ เป็นเรื่อง " จริง " แต่ ไม่ใช่ว่า การส่งนักเรียนเข้า

ประกวด จะออกมาในรูปแบบ 90/10 ทั้งหมดนะจ๊ะ อย่างน้อย ๆ คุณมะเดื่อที่ส่งนักเรียนเข้าประกวด

โครงงานจนเข้าถึงระดับภาค ก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ .... เพราะ ผู้ปกครองมีหน้าที่ " อนุญาต" ให้ลูก

หลาน มาฝึกซ้อมกับคุณมะเดื่อในวันหยุด เท่านั้น (รวมทั้ง การส่งผลงาน หรือ ตัวนักเีรียนเข้าประกวด

ในระดับต่าง ๆ ด้วย ก็ใช้วิธีนี้จ้ะ ) ไม่ใช้เวลาเรียนปกติเป็นอันขาด ... อีกทั้งยังเลือกเด็กที่สมัตรใจ

รวมทั้งผู้ปกครองอนุญาตด้วย....อุปกรณ์การฝึกซ้อม ควักกระเป๋าเอง โดยไม่เคยจดบันทึกเลยว่ากี่บาท

เรียกกว่า หลักร้อยคงไม่ใช่.....หากนักเรียนชนะ ได้รางวัลมา ไม่ว่าจะเป็นเงิน หรืออะไรก็ตาม ก็ให้

นักเรียนไปจนหมด ไม่เก็บไว้เลย

แต่ที่คุณมะเดื่อว่า " จริง " ก็เพราะเพื่อนครูที่โรงเรียนคุณมะเดื่อเองก็เจอเหตุการณ์แบบที่คุณ

เจอนี่แหละ ต้องฝึกซ้อม ต้องซื้ออุปกรณ์ แถมยังต้องขับรถพาลูกไปประกวดเองด้วย....

มันก็น่าเหนื่อยนะคุณคนทำแบบ คุณมะเดื่อเข้าใจดีจ้ะ

ขอบคุณ ครูมะเดือครับ น้าอิศอาจโชคไม่ดีเจอแต่คนเอาเปรียบ ในโรงเรียนก็พอจะมีนะครับที่คุณครูเห็นใจตอนไปปรับทุกข์ด้วย ก็อย่างที่ว่า ครูที่ดีๆก็อยู่กันคนละระดับ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็แค่รับปรับทุกข์มองตาปริบๆ ขอให้กำลังใจคุณครูที่ดีๆ ทำต่อไปอย่าย่อท้อนะครับ จะได้ชนะส่วนที่ไม่ดี น้ออิศก็เข้าใจทุกองค์กรมีดีและไม่ดีปะปน ขอให้กำลังใจครับ ตอนนี้น้าอิศ ลอยลำแล้ว ลูกๆ เป็นนิสิตแล้ว ตอนนี้หาตังให้พอเท่านั้น ลูกๆตั้งใจเรียนดีทั้งคู่

ด้วยความเคารพอย่างสูง

น้าอิศ คนทำแบบน่ารักอยู่ในน่าเกลียด

เห็นใจและเป็นกำลังใจให้ทุกฝ่ายค่ะ

ผมอ่านซ้ำหลายรอบ

เพราะเป็นปัญหาที่มีอยู่จริง

เคยเจอะเคยเจอมาเหมือนกัน

แต่ผมพ้นสภาพ "พ่อกลับบ้านด่วน" มาแล้ว

ปัญหานี้ก็ยังมีอยู่

คงต้องแก้กันต่อไป

ขอบพระคุณครูแหม่เสนา,ลุงชาติ รวมถึงดอกไม้ทุกดอก ความเห็นทุกท่าน สังคมจะอยู่ได้มีผู้เสียสละและอดทน

เรื่องดีของคนดีดี อ่านแล้วชอบครับ

ขอบพระคุณมากครับ ดร.จูล

ขอบคุณอาจารย์คนทำแบบมากนะครับ

หากมีความจำเป็น คงต้องขอความเมตตาจากอาจารย์ ช่วยเป้นธุระให้อย่างแน่นอน

 

กราบขอบพระคุณ อาจารย์แทนคนพม่ากลุ่มนี้ด้วยนะครับ

 

ด้วยความเคารพ

แวะมาสวัสดีปีใหม่กับอาจารย์นะครับ

ด้วยความระลึกถึงครับ

ด้วยความยินดีอย่างยิ่งครับ..แสงแห่งความดี...แต่อย่าเรียกอาจารย์เลยครับ

ผมแค่คนทำแบบคนหนึ่งเท่านั้นเอง...

สุขสันต์วันครอบครัว นะครับ

ด้วยความระลึกถึง ครับ

อีกไม่กี่วันก็ปีใหม่อีกแล้ว...ทำไมเร็วจัง...ตอนเด็โซ 1 ปีมันนานมาก..อย่างไรก็แล้วแต่..ขอให้ทุกท่านที่เคยมาโพส์ความเห็น..และความไม่เห็น..จงมีแต่ความสุขความเจริญ..ตลอดไป...เทอญ..สาธุ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท