เวลา 09.00 น.พวกเราออกเดินทางไปเก็บข้อมูลหมู่บ้านในเขตตำบลหนองบัว
อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งครั้งนี้ถือไปครั้งที่ 2 ด้วยรถโดยสาร แต่ด้วยเหตุที่ผมมีนัดกับหมอเพื่อตรวจหัวเข่าที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์
จึงเดินทางล่วงหน้าไปก่อน
หลังตรวจหัวเข่าเสร็จก็รีบเดินทางโดยรถมอเตอร์ไซด์มาหาเพื่อน ๆ
ในกลุ่มของผมที่ได้ลงพื้นที่เก็บภาพและหาข้อมูลเพิ่มเติมที่บ้านคุยเชือก
หมู่ที่ 3 ซึ่งเราได้พ่อผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้นำพาไปสู่การเก็บข้อมูลต่างๆ
พ่อผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ทำหน้าที่พาพวกเขาเดินเก็บภาพภายในหมู่บ้านคุยเชือก พร้อมทั้งอธิบายในสถานที่หรือเรื่องราวที่สำคัญเกี่ยวกับบ้านคุยเชือกให้ฟังอย่างละเอียดลออ บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นสนุกสนาน
เหมือนพ่อกำลังพาลูกๆ เดินเที่ยวท่องอยู่ในหมู่บ้านของตนเอง
ครั้นเวลา 12.00 น. เราทุกคนจึงได้นั่งรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้านอาหารเล็ก
ๆ ในบ้าน พร้อมๆ กับพูดคุยถึงการเดินเก็บภาพและหาข้อมูลที่ได้ในช่วงเช้า เสมือนการประเมินผลการทำงานไปในตัวว่าบรรลุเป้ามายมากน้อยแค่ไหน จากนั้นก็วางแผนการดำเนินงานของช่วงบ่ายว่าขาดเหลืออะไร หรือเราต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกบ้าง
หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จสิ้นลง เราทุกคนก็ไม่รีรอที่จะตะลุยงานต่อในช่วงบ่าย กระทั่งเวลาประมาณ 14.30 น. การเก็บข้อมูลต่างๆ ก็เสร็จสมบรูณ์ สมาชิกในกลุ่มของพวกเราต่างก็ได้เดินทางกลับมายังที่พัก
ณ อบต.หนองบัว ซึ่งถือเป็นกลุ่มแรกที่เดินทางกลับถึงที่พัก
หลังจากที่เหนื่อยจากการลงพื้นที่มาค่อนครึ่งวัน ด้วยความเหนื่อยล้า ต่างคนต่างเลือกที่จะนอนพักผ่อนด้วยการนอนรอเพื่อนกลุ่มอื่น ๆ ครั้นพอทุกกลุ่มมาถึงแล้ว เราก็ได้นำรูปภาพและข้อมูลทั้งหมดมาจัดเก็บลงไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ร่วมกัน
พอตอนเย็น-เมื่อรับประทานอาหารเย็นเสร็จสิ้น นิสิตและอาจารย์ก็จัดวงสะท้อนข้อมูลต่างๆ
ร่วมกัน
ทำให้แต่ละกลุ่มเกิดการเรียนรู้ในภาพรวมร่วมกัน เห็นวิธีการและเรื่องราวทั้งเหมือนและต่างกัน
เสมือนการทบทวนการเรียนรู้ร่มกันดีๆ นั่นเอง จากนั้นจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน
ภายหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เราต่างไม่รีรอที่จะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อจัดกิจกรรม “เปิดใจ” โดยเน้นการ “บอกเล่าประสบการณ์” สู่กันฟัง ซึ่งกิจกรรมนี้ช่วยให้ผมได้เรียนรู้และรับรู้อะไรหลาย ๆ อย่างจากอาจารย์ พี่ที่ดูแลและเพื่อน ๆ อย่างมหาศาล โดยต่างคนต่างได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันและกัน แบ่งปันทั้งข้อคิดในการเรียนและการใช้ชีวิตเหมือนพี่เหมือนน้อง
กระทั่งกิจกรรมเปิดใจปิดตัวลง พวกเราก็จับกลุ่มย่างเนื้อรอบดึกกับเพื่อน ๆ สรวลเสเฮฮากันอย่างสนุกสนาน กระชับความสัมพันธ์กันและกันให้สนิทแน่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งมันทำให้ผมมีความสุขมากอย่างมหัศจรรย์
รุ่งเช้าของวันใหม่-ผมตื่นขึ้นมารับอากาศบริสุทธิ์หลังจากที่ได้นอนอย่างเต็มอิ่ม เมื่อทุกคนเสร็จจากกิจธุระส่วนตัวแล้วเราก็ได้รับประทานอาหารเช้ากัน จากนั้นผู้ชายก็มาจัดเตรียมพื้นที่รับรองงานที่จะเกิดขึ้นในช่วงสายผู้หญิงก็เก็บกวาดสถานที่ล้างจาน เราได้ประชุมกันคณะกรรมการศูนย์การเรียนรู้ชุมชนตำบลหนองบัว ไว้หลายเรื่อง เช่น การประชาสัมพันธ์เพื่อให้มีผู้คนเข้ามาใช้งาน การมีส่วนร่วมของชุมชน บัตรสมาชิก กฎระเบียบการใช้ กิจกรรมห้องสมุดเคลื่อนที่ และการยืนยันตัวตนเข้าใช้อินเตอร์เน็ต เป็นต้น เมื่อเสร็จแล้วพวกเราก็หยิบจับกระเป๋าของใครของมันเดินขึ้นรถกลับมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
เหนือสิ่งอื่นใด การมาลงพื้นที่ในครั้งนี้ ผมได้ฝึกฝนประสบการณ์ที่ทรงคุณค่า
เป็นประสบการณ์ที่ไม่มีขายที่ไหน แม้แต่ในห้องเรียนของมหาวิทยาลัยก็ยากยิ่งที่จะหาได้ เพราะครั้งนี้ผมได้ฝึกการเข้าหาผู้คนคน ฝึกการประสานงาน ฝึกการอยู่ร่วมกับคนอื่น ฝึกการพูด
ฝึกการซักถามเพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบที่มีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของตนเอง รวมถึงประโยชน์ที่จะเกิดกับการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ของชุมชน อันเป็นการตอบสนองความต้องการของชาวบ้านในชุมชนต่อศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้
นอกจากนี้แล้ว การการลงพื้นที่สำรวจความต้องการ พร้อมทั้งถ่ายภาพต่าง ๆ นอกจากความสำเร็จและความสุขที่ได้เรียนรู้แล้ว ยังพบเห็นปัญหาและอุปสรรค์ต่างๆ ของการเรียนรู้ที่น่าสนใจอยู่หลายประเด็น ดังเช่น
1. สภาพอากาศตอนกลางวันร้อนมาก ๆ ไม่เอื้ออำนวยต่อการลงพื้นที่ในครั้ง
2. ปราชญ์ชาวบ้านไม่ค่อยอยู่บ้าน เหตุก็เพราะว่าช่วงที่เราลงไปยังอยู่ในช่วงของการเกี่ยวข้าว
3. ชาวบ้านและคณะกรรมการไม่ค่อยที่จะออกความคิดเห็น อาจเป็นเพราะไม่รู้ปัญหา หรืออาจเป็นเพราะไม่กล้าที่จะแสดงความคิดออกมา
แต่อย่างไรก็ดี การออกพื้นที่ในครั้งนี้
สอนอะไรหลายอย่างให้รู้น้ำใจเพื่อน
การทำงานเป็นทีม ความสามัคคี ความช่วยเหลือของผู้นำและคนในชุมชนในทุก ๆ เรื่อง สิ่งเหล่านี้ทำให้กระผมประทับใจในมิตรภาพของเพื่อนและชาวบ้านที่มีต่อเรา
ดร.ฉันทนา เวชโอสถศักดา
สุดท้ายนี้อยากจะกล่าวถึง “อาจารย์เป็ด” (ดร.ฉันทนา เวชโอสถศักดา) ของพวกเรา ซึ่งผมมีความเคารพนับถือมาโดยตลอด โดยส่วนตัวแล้ว ในสาขาเราผมจะกลัวอาจารย์มากที่สุด อาจจะด้วยบุคลิกภาพของอาจารย์ก็เถอะ แต่ผมก็ประทับใจอาจารย์เป็นอย่างมาก
- เพราะอาจารย์ได้เสียสละเวลาอันมีค่าและความสุขสบายส่วนตัวของท่านมากินนอนค้างคืนร่วมกับนิสิตอย่างไม่อิดออด
- ท่านมานั่งกินข้าวร่วมกันโดยที่อาจารย์ไม่ถือตัวเลยแม้แต่นิด
- อาจารย์เป็นกันเองกับนิสิตมาก คอยให้คำปรึกษา ชี้แนะแนวทางการทำงานและการใช้ชีวิตร่วมกันอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ถ้าไม่มีอาจารย์เป็ด ผมเชื่อว่าคงยากไม่ใช่น้อยกับการจะได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ เช่นนี้ -
....
หมายเหตุ :
เรื่องเล่าดังกล่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งของการประเมินผลการเรียนรู้ของนิสิตสาขาสารสนเทศศาสตร์
ที่เข้าร่วมขับเคลื่อนโครงการ 1 หลักสูตร 1 ชุมชน ปีงบประมาณ 2555
เรื่อง : ขจรศักดิ์
สิงห์โคตร
ภาพ : คณะวิทยาการสารสนเทศ
อีกแบบอย่างหนึ่งดีๆของการลงพื้นที่สัมผัสความเป็นจริงเพิ่มพูนประสบการณ์ที่น่าสนใจ...ขอบคุณค่ะ
ตอนนี้ทุกมหาวิทยาลัยน่าจะมีวิชาเสริมหลักสูตรที่เน้นการทำโครงการเพื่อสังคมแล้วนะคะ ตอนนี้ อ. ก็เป็นที่ปรึกษาให้นักศึกษาอยู่ 2 กลุ่มค่ะ ตอนช่วงท้ายสุด อ. คงจัดกระบวนการให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากกิจกรรมที่เขาทำค่ะ เพราะได้แรงบันดาลใจจากบันทึกของ อ.พนัสนะคะนี่ :)