แม้ว่าเช้านี้จะต้องรีบไปสนามบินขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางไปสนามบินดอนเมือง ... แต่ข้าพเจ้าก็ตื่นนอนตามเวลาปกติ คือ ประมาณตีสี่ พอได้จัดสมดุลร่างกายและเล่นโยคะบ้างเล็กน้อยพร้อมดีท๊อก...
ภารกิจ ...ที่ รพ.สุราษฎร์ธานีเสร็จสิ้นในระยะที่ ๑ เป็นความเต็มอิ่มในหัวใจทุกครั้งเมื่อได้ทำงาน ไม่ว่างานนั้นจะเป็นงานอะไร หากเรามองหาคุณค่าเจอ เราจะตั้งใจทำงานนั้นอย่างมีสติพร้อมได้ฝึกเจริญปัญญาไปด้วยเมื่อเจอปัญหาและอุปสรรค (นี่คือเสน่ห์ของการฝึกฝนตนเองจาก R2R)
น้องโช...เป็นผู้อาสามารับไปส่งที่สนามบิน ประทับใจและซาบซึ้งใจน้องมากต้องตื่นแต่เช้าแล้วขับมอเตอร์ไซต์มาที่โรงพยาบาลและนั่งรถโรงพยาบาลมารับทีมวิทยากรที่โรงแรม
เรามีเรื่องเล่าคุยกันมากมาย โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพและการทำสมาธิเยียวยา
ฝนที่จังหวัดสุราษฏร์ฯ ดีมาก ตกตลอดทางจนถึงสนามบิน รอไม่นานก็เตรียมตัวขึ้นเครื่อง
การเดินทางครั้งนี้เครื่องไม่ดีเลย์ เมื่อรอบที่แล้วดีเลย์ตลอด และเมื่อนึกถึงการถอดบทเรียนในกระบวนการเมื่อวานนี้ (๑๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๖) เสียงสะท้อนจาก นักวิจัยมือใหม่ R2R สุราษฏร์ธานี รุ่น3 ครั้งที่ 1 ก็นั่งยิ้มน้อยๆ อย่างอุ่นใจ เป็นเรื่องเล็กๆ ที่เติมเต็มให้กันและกัน
ระหว่างการเดินทาง...
รอต่อเครื่องที่สนามบินดอนเมือง ข้าพเจ้าตัดสินใจเข้าไปทานอาหารร้านหนึ่ง ซึ่งเคยไปทานนานมาก แล้วไม่ประทับใจ เพราะอาหารเย็น คุณภาพไม่ดี แต่นั่นเวลาก็ผ่านมาพอสมควร ก็เลยลองตัดสินใจเข้าไปใหม่ ปรากฏว่าได้เห็นการเปลี่ยนแปลงแม้ว่า หน้าตาอาหารจะคล้ายๆ เดิม ... แต่การบริการดูดีขึ้น มีการอุ่นอาหารให้น่าทานไม่เย็นชืดเหมือนเมื่อก่อน วัตถุดิบที่เลือกมาประกอบอาหารก็ดีเหมาะสมกับราคาของสนามบิน
ทานได้เยอะ...
ระหว่างรอ ก็พอทำให้ได้เขียนนั่นนี่ อ่านนั่นนี่ แต่ wify ที่สายการบินให้บริการอืดมาก คล้ายรถกระตุกเลยทำให้นึกถึงบันทึกของ อ. Wasawat Deemarn เรื่อง เน็ตกาก ... (บล็อกเฮียเฮีย กระแดะแลนด์) ... ฮามาก ๆ ก็ขำๆ...
ไม่ว่าจะโปรโมทสัญญาณว่าเร็วแค่ไหน...แต่พอใช้จริงก็เร็วอยู่เท่านั้นแหละค่ะ เร็วพอให้เราได้ฝึกฝนทำใจเย็นๆ...
ประมาณสิบเอ็ดโมงเรียกขึ้นเครื่อง ขึ้นปั๊บก็หลับปุ๊บ...
มาลืมตาตื่นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเด็กลูกครึ่งฝรั่งร้องไห้จ๊าก...คงจะมีทุกข์อะไรในใจนั่นแหละ เบื้องต้นก็คงจะมาจากความไม่สุขสบายของการนั่งเครื่อง ขนาดเราโตๆ บางครั้งก็มีปวดหู หูอื้อ เวียนศีรษะ
การเดินทางครั้งนี้พอที่จะได้ถ่ายภาพมาบ้าง เมฆเยอะ อาศัยกล้องของ ใบไม้ร้องเพลง ก็ทำให้คิดถึงกล้องที่ขายไปเมื่อหลายปีก่อน แต่ก็นั่นน่ะนะ "เส้นทางการดัดตน"
ข้าพเจ้าถึงสนามบินอุบลราชธานี...ประมาณเที่ยงครึ่ง
ขับรถต่อมาที่ยโสธรแบบไม่เร่งรีบ แบบเรื่อยๆ... ใช้เวลานานพอสมควร หนึ่งชั่วโมง +- สิบห้านาที
เมื่อมาถึง...ที่อำเภอใกล้บ้าน โดนตำรวจโบกรถให้จอด "คุณขับรถเร็ว..." แล้วก็อึ้งไปพักหนึ่ง "คุณขับเร็ว ๑๑๒ กิโลเมตร เชิญไปเสียค่าปรับที่โต๊ะ..."
ใบไม้ร้องเพลง ก็เดินลงไป ไม่พูดจา จ่ายก็จ่าย
พอขึ้นรถ ข้าพเจ้าก็พูดขำขำว่า "เขามาให้เราบริจาคทาน...อ่ะ ทานทุกผู้ทุกนาม ทานไปเท่าไรล่ะ
ใบไม้ร้องเพลง ตอบว่า "สองร้อย..."
คิดบวกๆ...
แล้วเราก็เลี้ยวรถมาทางลัดเพื่อเดินทางต่อมาที่วัดป่าหนองไคร้ ...มองถนน แล้วก็ขำ เป็นหลุมบ่ออย่างมาก
และคิดถึงทานที่ ใบไม้ร้องเพลง ได้ทำไป ก็ได้แต่อนุโมทนา...สาธุ ขอแบบดื้อ แล้วเราก็รู้สึกแบบมึนๆ พอได้สติก็ขำ และรู้สึกสงสารตำรวจ ร้อนก็ร้อน เหนื่อยก็เหนื่อย...แกก็คงยืนอึ้งนานเหมือนกันเพื่อจะหาเหตุให้เราได้บริจาคทาน
...
๑๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๖
เป็นมุมคิดที่ทำให้ผมเย็นไปด้วยครับ....ขอบคุณครับอาจารย์
ขออนุโมทนากับกุศลทานในครั้งนี้ด้วยจ้ะ....สาธุ !
112 กม/ชม. คะน้องกะปุ๋ม
;))