ดิฉันจะขอเล่าเรื่องเกี่ยวกับลักษณะการทำงานของ Leonardo เพื่อเป็นแง่คิดนะคะ.......
ในครั้งที่ Leonardo วาดภาพ The Last Supper ที่วิหารนั้น Leonardo ใช้เวลาหลายวันในการวาดภาพ โดยเค้าจะทำงานตั้งแต่เช้าจนเย็น แต่เค้าจะหยุดวาดภาพเองโดยไม่ต้องรอให้ระฆังดังหรือมีคนมาเตือนว่าให้หยุด ในบางวัน Leonardo ไม่ทำอะไรเลยเอานั่งครุ่นคิดอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยเป็นเวลาครึ่งวัน......พฤติกรรมการทำงานดังกล่าวของ Leonardo ทำให้ผู้ดูแล Leonardo ไม่พอใจคิดว่าทำไมนะเค้าจึงไม่ทุ่มเทกับการทำงานเลย......ไม่จับพู่กันวาดภาพตลอดเวลาเหมือนคนสวนที่จับจอบเสียมทำงานตลอดทั้งวัน.....จึงได้นำเรื่องนี้ไปรายงานท่าน Duke ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้าง Leonardo ให้มาวาดภาพ....แต่เมื่อท่าน Duke ได้พูดคุยกับ Leonardo แล้ว.....ก็ได้ข้อคิดว่า
"อัจฉริยะที่แท้จริงนั้นในบางครั้งสามารถทำงานให้สำเร็จได้มากขึ้น....โดยการทำงานที่น้อยลง"
สำหรับการฝึกของหลัก Sfumato เป็นการให้ฝึกคิด จินตนาการ หาเวลาในการผ่อนคลาย และเชื่อมั่นในลางสังหรณ์หรือจิตใต้สำนึกของเรา ได้แก่ ยอมรับกับความคลุมเครือ / ความไม่ชัดเจน, เชื่อในลางสังหรณ์, พัฒนาตนเองจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น, มีอารมณ์ขันในการดำรงชีวิตในแต่ละวัน, อย่าด่วนสรุป, ฝึกไขปริศนาต่างๆ, มีเวลาอยู่กับตัวเองตามลำพัง, เชื่อมั่นในความอดทน / ความกล้า ของตนเอง, ยอมรับ “ความคิดที่ขัดแย้งหรือความสับสน” ของตนเอง, ยอมรับสิ่งที่ขัดแย้งกัน และให้เห็นคุณค่าว่าความขัดแย้งซึ่งจะเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดความคิดสร้างสรรค์
ความคลุมเครือ และความไม่แน่นอน ทำให้เราเกิดความคิดสร้างสรรค์หรือเป็นการทำให้เราคิดเดาและจินตนาการเหตุการณ์ไว้ล่วงหน้าว่า อะไรจะเกิดขึ้นได้ต่างๆ นาๆ เช่น ถ้าต้องการกระตุ้นให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ พ่อแม่อาจเล่านิทานเรื่องเดิมที่มีเหตุการณ์เดิมให้เด็กๆ ฟังก่อนนอน แต่ให้ตอนจบแตกต่างกันทุกวัน สิ่งนี้จะกระตุ้นให้เด็กคิดจินตนาการว่าวันนี้ตอนจบจะเป็นอย่างไร สำหรับในการทำงานนั้นมีการสรุปว่า นักการจัดการที่มีชื่อเสียง มักจะมีความอดทนต่อความไม่แน่นอน และมีความกล้าในการตัดสินจากลางสังหรณ์ของตนเองสูง ซึ่งลางสังหรณ์ของคนเรามีความสำคัญต่อการตัดสินใจให้การทำงานประสบผลสำเร็จ
ไม่มีความเห็น