สุขหรือทุกข์อยู่ที่วิธีคิด (คำนึง๗)
ห่างหาย GotoKnow ไปนานพอสมควร เนื่องจากติดภารกิจการงานและติดการดูแลพี่ชาย(คนเคยสนิท)ซึ่งป่วย(ไม่เจ็บ)แต่หนักหนาเอาการ
เหตุการณ์พาให้เราเข้าไปเกี่ยวเนื่อง เพราะเป็นผู้ให้คำแนะนำตั้งแต่เริ่มรับรู้อาการเจ็บป่วยให้การรักษาเบื้องต้น เมื่อไม่ดีขึ้นจำต้องบังคับให้ตรวจเพิ่มเติมจนทราบสาเหตุ พบก้อนเนื้อในช่องท้อง ขนาดใหญ่ถึง 11X10X10 เซ็นติเมตร จนมีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลว่า การรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบันคือ การผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อออกมาตรวจ ต้องทราบผลของการตรวจก่อนจึงจะวางแผนการรักษาต่อไปได้
เกิดความหนักใจมาก
เพราะทำงาน เห็นโรค เห็นคนไข้ที่ป่วยด้วยโรคมีก้อนเนื้อ ชนิดธรรมดาจนกระทั่งชนิดร้ายหรือมะเร็งอยู่ทุกทุกวัน
เหมือนมี six sense รู้สึกว่ารายนี้ไม่ปกติแน่นอน ประมวลจากประวัติ อาการของโรค และการตรวจร่างกายร่วมด้วยค่ะ
เมื่อผ่าตัดเสร็จ ต้องให้การวินิจฉัยการตรวจชิ้นเนื้อ และตัดสินว่า เป็นเนื้อธรรมดาหรือมะเร็ง
...
เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว จึงรับรู้ว่า
เราได้แนวความคิดที่มีประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต จากประสบการณ์ เหตุการณ์นี้
เหตุการณ์ที่ผ่านมานี้หมาด ๆ เหมือนเป็นข้อสอบชีวิตอีกครั้งให้เราทำ
ผลการสอบ รู้สึกว่าตัวเองสอบผ่าน (น่าจะ pass)
เราเริ่มรู้สุข รู้ทุกข์ โดยไม่ไขว่คว้า ไม่เรียกร้อง ไม่รบกวน ไม่ยื้อแย่ง ไม่พยายามพร่ำเพรียก ไม่ขอ ไม่อยากได้ในสิ่งที่ตนไม่มี
ไม่กระเสือกกระสนค้นหาสุขจากภายนอกตน
มีความสุขอยู่กับสิ่งที่ตนมี พอกับสุขที่ตนมี พอกับตัวตนของตน
เริ่มรู้วิธีที่จะคิด เลือกวิธีคิดที่จะรู้สุขหรือรู้ทุกข์
สุขหรือทุกข์อยู่ที่วิธีคิดจริง ๆ
จากนั้น สติ สมาธิ และปัญญา จึงมีตามมายามมอง ดูแล เก็บรายละเอียด และครุ่นคิดหาวิธีเยียวยาจิตใจคนไข้
มีอีกหลายข้อคิดที่อยากบันทึกไว้ เพื่อคนไข้ท่านอื่น นำไปใช้เป็นแนวคิด ข้อพึงปฎิบัติ
ถ้าเกิดประโยชน์จักยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ
หมายเหตุ คนไข้เป็นผู้เสนอความคิดเห็นว่า ให้นำมาเขียนเป็นเรื่องเล่า เพื่อประโยชน์หรือวิทยาทานแก่คนไข้อื่น ๆ ต่อไป
ขอบคุณที่แวะเวียนมาอ่านบันทึกนี้ค่ะ
(มีต่อค่ะ)
คนไข้น่ารักจังค่ะ บุญรักษานะคะ คุณหมอเล็ก (ฝากไปถึงคนไข้ผู้เสนอให้คุณหมอเล็กเขียนเล่าด้วยค่ะ)
คนไข้แข็งแรง ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเพียงหนึ่งวันหลังผ่าตัดลุกเดินได้ สิบวันหลังผ่ากลับบ้าน แล้วจะติดตามนำความคิดและชีวิตที่เจ้าตัวพูดไว้ว่า คงต้องเปลี่ยนชีวิตเป็นแบบใหม่มาเล่าสู่กันฟังค่ะคุณโอ๋