เถ้าแก่น้อย....(กลยุทธ์เด็กช่างฝัน กล้า บ้าทำจริง)


" อาจารย์ที่สอนชื่อประสบการณ์และมีเพื่อนมากมายคือหยาดเหงื่อ ผมเสียโอกาสที่จะได้ใบปริญญาจากมหาวิทยาลัย แต่ที่ได้กลับมาคือประสบการณ์ชีวิต ที่เหนือกว่าเด็กรุ่นเดียวกันหลายเท่าตัว"

        

          สวัสดีครับ ผมกลับตอนนี้ใกล้เที่ยงคืนเป็นเวลาที่ผมเขียนเรื่องนี้ แรงบันดาลใจในการเขียนบันทึกนี้คือเพื่อเตือนตัวผมเอง และเตือนให้เกิดพลังในตัวผมและถ้ามันเป็นประโยชน์คนอื่นๆผมยินดี เรื่องที่เป็นแรงบันดาจใจเป็นหนังครับที่ผมเอามาบอกเล่าครั้งนี้ "เรื่องเถ้าแก่น้อยร้อยล้าน"  หลายคนอาจคนดูมาแล้วเรื่องนี้คงประมาณ 2-3 ปี แต่ผมพึ่งได้มาดูจริงเมื่อวันที่ คืนวันที่ 4 พฤกษภาคม 56 นี้เองครับ ในช่วงฺ Big Cinema ของทางช่อง 7 ผมเองไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะอยากพักเหลือเกินเพราะประชุมมา 2-3 วันเลยขอดูอะไรที่มันบันเทิงเริงใจของผมเสียทีเถิด แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นครับ  เพราะดูไปเรื่อยๆ หลายมันปิ๊งเข้ามาเรื่อย และวิธีการเล่าเรื่องของหนัง การเลือกทั้งการคิดและการตัดสินใจเด็กอายุเท่านี้ ......



เถ้าแก่น้อย...เป้าหมายมีไว้พุ่งชน


         หลายคนอาจจะได้ดูตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง "TOP SECRET วัยรุ่นพันล้าน" กันมาแล้ว ด้วยตัวอย่างที่น่าติดตามต่างจากภาพยนตร์วัยใสทั่วไป เพราะภาพยนตร์ดังกล่าวนั้นมีแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง!! ของเด็กหนุ่มที่ติดเกมออนไลน์... เรียนหนังสือไม่เก่ง แถมถูกประณามว่าเป็นเด็กไม่เอาไหน แต่ใครจะรู้ว่าเขาคนนั้นจะกลายมาเป็นเศรษฐีร้อยล้านเพียง อายุแค่ 23 ปีเท่านั้น (เขาร้อยล้านตอนอายุ 23 แต่ตอนนี้ 26 แล้วอ่า) ! 

        เด็กติดเกมส์ที่พ่อแม่ผิดหวัง พร้อมทั้งแสนปวดหัว  แม้กระทั่งการเรียนที่พ่อแม่คาดหวังให้เข้ามหาวิทยาลัย เพื่อให้เป็นเหมือนเด็กปกติทั่วไป แต่เขาเองยังชอบการลงทุนการค้าขายและการทำธุรกิจ จากเด็กล้มเหลวชอบค้าขาย กลายเป็น  "ต๊อบ อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์" เจ้าของธุรกิจสาหร่ายทอดกรอบแบรนด์"เถ้าแก่น้อย" 



        ต๊อบ อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ เศรษฐีร้อยล้านคนนี้ ก่อนหน้านี้เขาถูกตราหน้าว่าเป็นคนไม่เอาถ่าน ไม่สนใจเรียน ชีวิตของ ต๊อบ มีแต่คำว่า "เกม" เท่านั้น โดยต๊อบเริ่มเล่นเกมออนไลน์ Everquest มาตั้งแต่ ม.4 ถึงขนาดสะสมแต้มจนรวยที่สุดในเซิร์ฟเวอร์ และกลายเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเกมดังกล่าว จนมีฝรั่งมาขอซื้อไอเท็มเด็ด ๆ ไอเท็มเจ๋ง ๆ ที่หายากในเกมจากเขา และนั่นก็เป็นการเริ่มต้นสร้างรายได้ของต๊อบ ซึ่งการซื้อขายไอเท็มเกมดังกล่าว บวกกับการที่เป็นผู้ทดสอบระบบเกมในฐานะคนเล่น ก็สร้างรายได้ให้เขาเป็นกอบเป็นกำ จนมีเงินเก็บเป็นหลักแสนบาทเลยทีเดียว

        ด้วยความที่เป็นเด็กติดเกม ต๊อบ อิทธิพัทธ์ จึงเรียนจบชั้นระดับมัธยมมาได้อย่างยากลำบาก และเรียนต่อระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งตอนนั้นนั่นเองเขาก็เริ่มก้าวเข้าสู่ถนนแห่งเส้นทางธุรกิจ พร้อมตั้งใจจะทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงด้วยการมีธุรกิจเป็นของตัว และก็นั่นเองพ่อและม่เขาเองก็ไม่พอใจในการเอาเวลาเรียนมาทำแบบนี้  เขาเลือกในการเดินและวิถีชีวิตดังกล่าว ภาพในหนักพ่อแม่ทะเลาะกันเรื่องดังกล่าว และแม้กระทั่งจ้างต๊อบเพื่อไปเรียน ....ต๊อบบอกว่า "ไม่ใช่ลูกจ้างพ่อนะแต่เป็นลูกพ่อ"  

        และในช่วงจังหวะที่เกมออนไลน์เริ่มไม่เป็นที่นิยมเหมือนเคย เขาก็หารายได้จากช่องทางอื่น ทั้งขายเครื่องเล่นวีซีดี ดูทำเลเปิดร้านกาแฟหน้ามหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่เป็นที่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งเขาได้ไปเดินงานแฟร์ช่องทางธุรกิจ ซึ่งในงานนั้นมีเฟรนไชส์จากประเทศญี่ปุ่นมาออกบู๊ท ด้วยความที่เขาเป็นคนชอบกินเกาลัดอยู่แล้ว เลยสนใจธุรกิจนี้เป็นพิเศษ จึงเข้าไปสอบถามค่าเฟรนไชส์เกาลัดดังกล่าว แต่ทว่าราคาสูงเกินกำลังที่เขามี เลยขอแค่เช่าตู้คั่วเกาลัดเท่านั้น แล้วมาสร้างเฟรนไชส์เป็นของตัวเอง และเมื่อวันที่เขาต้องไปเซ็นสัญญาซื้อขายเกาลัดที่ห้างแห่งหนึ่ง ก่อนออกจากบ้านเขาได้ยินคุณพ่อพูดกับเพื่อนว่า "ลูกอั้วกำลังจะเป็นเถ้าแก่น้อยแล้ว" คำว่าเถ้าแก่น้อยที่ได้ยินตอนนั้นนั่นเอง ที่เป็นที่มาของชื่อ "เถ้าแก่น้อย" สาหร่ายทอดกรอบในปัจจุบัน

       

              เศรษฐีร้อยล้าน ได้ใช้เวลาเพียงแค่ปีกว่า ๆ ขยายเฟรนไชส์เกาลัดเถ้าแก่น้อย ได้กว่า 30 สาขา และเมื่อเขาเห็นว่า เฟรนไชส์ของเขาขายได้หลายแห่งแล้ว เขาจึงคิดจะทำสินค้าอื่นเพิ่มเติม จึงลองนำอย่างอื่นมาวางขายในร้าน ไม่ว่าจะเป็น เกาลัด ลูกท้อ ลำไยอบแห้ง และสาหร่าย ปัยหาเองก็ไม่หมดเพราะว่า เตาคั่วเกาลัดทำให้เพดานห้างเดา แต่สินค้าว่าที่ขายดีที่สุดในตอนนั้นกลับไม่ใช่เกาลัด แต่กลายเป็นสาหร่ายทอดกรอบ ซึ่งนั่นเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาอยากต่อยอดธุรกิจในการทำสาหร่ายทอดตรา "เถ้าแก่น้อย" อย่างจริงจัง ณ ช่วงเวลาดังกล่าวนั้นครอบครัวต๊อบประสบปัญหาล้มละลายสิ้นเนื้อประดาตัว...ไม่เหลืออะไรเลย พ่อและแม่ต้องไปอยู่เมืองจีนกับพี่สาว หนีหนี้กว่า 40 ล้านบาท และต๊อบเองในตอนแรกจะไปด้วย "แต่บอกว่าพ่อจ้างต๊อบเรียนใช่ไหมต๊อบจะเรียน" ด้วยเงินก้อนดังกล่าวเขาพยายามหาเทคนิคการทำงานต่างๆ เข้ามาโดยมีเพื่อนคู่คิดเป็นลุง "ลุงที่ช่วยให้ต๊อกในการดำเนินการและสู้ชีวิต"  พร้อมกับการแบ่งบทบาทหน้าที่กับต๊อบเพื่อสู้ปัญหาการทำงานจากเล็กๆเป็นทีม 2 คนเล็กที่รักและทรงพลัง ในตอนแรกต๊อกต้องทนต่อการล้มละลายทั้งที่ป้ายปิดประกาศขายบ้านที่เขาอยู่ การยึดทรัพย์ต่างๆ ต๊อกก็ยังอึดและฮึดที่จะสู้ 

        จากการลองผิดลองถูก หลังจากนั้นเขาก็พยายามศึกษา หาความรู้เกี่ยวกับสาหร่าย และได้ลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้ง โดยเริ่มจากบรรจุซองพลาสติกไปฝากตามร้านค้าต่าง ๆ แต่ก็มีอุปสรรคมากมาย ทั้งสินค้าหมดอายุไว รูปแบบแพ็กเกจจำหน่ายไม่สวย จึงทำให้เขากลับมานั่งคิดอีกครั้งว่า จะทำอย่างไรให้สินค้าเก็บไว้ได้นาน มีแพ็คเกจที่น่าสนใจ และสามารถขายในร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 ได้


  เขากลับมานั่งคิดสมัยเรียนวิธีการหนึ่งที่เขาคิดว่ามีประโยชน์และทำได้เลยคือการทำป่าล้อมเมือง (กลยุทธทางการตลาด)  แต่ป่าล้อมเมืองนั้นแนวคิดคือการที่ทำให้สินค้าสามารถดำเนินการและกระจายได้ไว ณ ช่วงแรกของการนำสินค้าไปเสนอ ต๊อบพังไม่เป็นท่า เพราะรูปแบบแพ๊กเกต สินค้า อายุ และอื่นๆ แต่เขาก็ไม่หมดความพยายาม ยังคงสู้ต่อไป จนกระทั่งผลผลิตของเขานั้นสามารถเป็นที่ต้องการของ 7-11 ได้   แต่อุปสรรคก็คือว่าเขาต้องสร้างโรงงานพร้อมทั้งสามารถผลิตสินค้าให้ทันความต้องการ และสามารถมีโรงงานที่ได้มาตราฐาน นั่นหมายถึงความพยายามของเขาในการทำ...เขาลองทำและลองปรับ พร้อมทั้งพยายามหาแนวทางใหม่ๆตลอด 



        แต่พรสวรรค์ทางการตลาดของเขาก็ได้จุดประกายความคิดอีกครั้ง เขาได้นำกระแสเกาหลี กระแสญี่ปุ่น เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ โดยอยากให้ผู้บริโภคจดจำสินค้าของ เขาได้ทันทีที่แรกเห็น เขาจึงทำโลโก้เป็นเด็กน่ายิ้ม ดูน่ารัก มีความสุข อีกทั้งถือธงเพื่อให้รู้ว่า ถึงจะเป็นของกินเล่นแต่มีคุณค่าทางอาหารสูง รวมไปถึงเพิ่มรสชาติต่าง ๆ ให้หลากหลาย ตอบรับความต้องการของแต่ละคนและเมื่อเขาได้ปรับปรุงสินค้าเรียบร้อยแล้ว เขาจึงนำสาหร่ายเถ้าแก่น้อยไปเสนอแก่ 7-11 อีกครั้ง และจากนั้นก็ได้รับการติดต่อกลับมาในทันทีว่า "ภายใน 3 เดือน สินค้าคุณพร้อมจะวางขายในร้าน 7-11 จำนวน 3,000 สาขาทั่วประเทศ หรือไม่" เมื่อได้ยินดังนั้น คำถามก็ประดังประเดเข้ามาในหัวของเขาว่า เขาต้องทอดสาหร่ายกี่แผ่น ใช้คนทอดกี่คน และจะทำทันหรือไม่ ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นมีคำถามอยู่เต็มหัวไปหมด แต่เขาก็ตอบกลับ 7-11 ไปเกือบจะทันทีว่า พร้อมครับ!!!


        หลังจากที่ ต๊อบ อิทธิพัทธ์ ตอบตกลงไปแล้ว เขาก็ต้องกับมานั่งกุมขมับ กับปัญหา และสิ่งที่ตามมาทั้งการสร้างโรงงาน เงินทุน แหล่งวัตถุดิบ การนำเข้าเครื่องจักรต่าง ๆ เพื่อผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐาน พร้อมส่งขายแก่ 7-11 กว่า 3,000 สาขา ในระยะเวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้น...  เขาจึงเดินหน้าด้วยการเริ่มต้นหาทุนสร้างโรงงาน โดยการไปขอกู้ยืมจากธนาคารแห่งหนึ่ง แต่ก็ได้รับการปฏิเสธกลับมา นั่นเป็นเพราะว่า ในตอนนั้นเขามีอายุเพียง 20 ปี เท่านั้น และเมื่อเขากู้เงินไม่ผ่าน เขาจึงยอมตัดใจขายธุรกิจเฟรนไชส์เกาลัดทิ้ง ซึ่งเฟรนไชน์กว่า 30 สาขาดังกล่าว สร้างรายได้ให้เขาเดือนละกว่าล้านบาทเลยทีเดียว แต่กว่าที่เขาจะตัดสินใจขายเฟรนไชส์แรกที่เขาปลุกปั้นมากับมือ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและสำคัญต่อจิตใจของเขามาก แต่เขาก็ต้องขายด้วยความเสี่ยง เพราะเขาไม่รู้เลยว่า ธุรกิจสาหร่ายนั้น จะดีเท่ากับธุรกิจเกาลัดหรือไม่



         ในขณะที่ธุรกิจกำลังก้าวหน้า ต๊อบ อิทธิพัทธ์ ได้ตัดสินใจดร๊อปเรียนไว้ตอนปี 1 เพื่อนำเวลามาทำธุรกิจส่วนตัวอย่างเต็มตัว ส่วนทางด้านเงินที่ขายเฟรนไชส์เกาลัด ก็นำมาลงทุนกับสาหร่ายทั้งหมด โดยการสร้างโรงงานผลิตสาหร่ายทอด ซึ่งมีพนักงานก็คือครอบครัวของเขาทุกคน และคนงานอีกเพียงแค่ 6-7 คนเท่านั้น ทุกคนทำงานอย่างหนัก ยิ่งช่วงใกล้ส่งสินค้าให้กับทาง 7-11 ครอบครัวและคนงานของเขา แทบไม่ได้หลับได้นอน ทอดสาหร่าย และบรรจุภัณฑ์ แต่ก็สำเร็จ เขาสามารถบรรทุกสาหร่ายเถ้าแก่น้อยเต็มคัน ขับไปส่งศูนย์จำหน่าย  7-11 ได้สำเร็จ (และทีมของเขาแม้เพียงคนน้อยแต่ประเด็นที่น่าสนใจทุกคนทำไมถึงทุ่มเทและยืนหยัด ร่วมกัน ด้วยอะไร ด้วยเป้าหมายและความเชื่อพลังร่วมกัน จากจุดนี้ทีมเล็กๆเหมือนมดตะนอย จึงมีความสำคัญสามารถพิชิตการส่งยักษ์ให้เซเว่นขายได้ หากวันนั้นต๊อบไม่ทีม ไม่ลุง และไม่มีเพื่อนร่วมงานในการทอด กลุ่มต๊อบก้ไม่มีวันนี้...)

       จากนั้นเป็นต้นมา สาหร่าย "เถ้าแก่น้อย" ก็ทะยานสู่ตลาดวัยรุ่น และผู้บริโภคที่ชื่นชอบสาหร่ายทอดกรอบได้สำเร็จ ส่วน ต๊อบ ก็กลายเป็นนักธุรกิจหนุ่มใหม่ไฟแรง เปลี่ยนสถานะจากเศรษฐีร้อยล้าน กลายเป็นเศรษฐีพันล้านได้อย่างสำเร็จ  และตอนท้ายของเรื่อง "เสี้ยววินาทีที่เขาส่งของล๊อดแรก บอกว่า ป๊ากะม๊ากลับบ้านได้แล้วนะ  ประโยคหนึ่งที่พูดมานั่นเหนื่อยไหม ป๊าเป็นคนพูดกับต๊อก" 

        


ปิ๊งแวบ (จากเถ้าแก่น้อย) 


         สำหรับผมแล้ว ผมบอกกับตัวเองว่าทำไมผมดูหนังเรื่องนี้ช้าไป เพราะผมอาจจะได้ข้อคิดมากมายหลายๆอย่างจากหนังเรื่องนี้ก็ได้ครับ เพราะพลังมันมากมายเหลือเกินหลายตอนเอาผมซึมและซึ่งไปพร้อมกันเลย แต่หลายข้อที่เป็นความคิดแวบแรกเข้ามา

ข้อที่ 1 ทำไมเด็กคนนี้เชื่อเรื่องการทำธุรกิจอะไรมากมายขนาดนี้ ทำไมเขายังคงเชื่อเรื่องการทำธุรกิจพลังใดสามมรถบอกให้เขาทำ หากผมดูเรื่องหนึ่งที่น่าคิดเขาคิดตลอดคือกกำไร ขาดทุน ลงทุนไปเท่าไหร่ และการมองหาทำเลลู่ทางการค้าขายตลอด และด้วยอาชีพของเขาเองอีกด้วยทำให้เขาอยู่และเรียนรู้ได้ และสิ่งที่เขาทำได้คือการมีความเชื่อของเขานั่นเอง 

ข้อที่ 2 ทำไมในภาวะกดดันครอบครัวล้มละลายหนี้สิน 40 ล้าน เขายังอยู่ได้ ที่อยู่ได้ เพราะเขาต้องการครอบครัวที่หลบหนีหนี้กลับมา และเขาเชื่อว่าเขาเองเท่านั้นกำหนดชะตาชีวิตของเขาได้ สิ่งหนึ่งคือการลงมือทำมีค่ามากกว่าการที่เรียนรู้จากตำราเพียงอย่างเดียว แม้การทำบางอย่างมีทั้งความเหนื่อย น้ำตา แต่เมื่อตั้งเป้าหมายไว้นั่นคือการตั้งใจและทำให้ได้ และมีการลองและปรับตลอดเวลา

ข้อที่ 3 เขาคิดดลยุทธ์แบบป่าล้อมเมืองเข้ามาได้อย่างไร และทำอย่างจึงคิดเซเว่นจะเป็นจุดกระจายสินค้าได้ การที่เขามองลูทางการกระจายสินค้า และความคิดของคนที่มองแวบแรกพร้อมทั้งการใฝ่หาความรู้ไม่สิ้นสุด การที่จะทำป่าล้อมเมืองเราได้เห็นมาเยอะทั้งกลยุทธ MK หรือ HOTPOT  อาทิ HOTPOT ที่มุ่งสร้าง Brand ในต่างจังหวัดและขยายแบรนด์เข้ามา กทม. แต่เถ้าแก่น่อยมองเรื่องการใช้ช่องทางการกระจายสินค้าที่กระจายทั่วถึงและปริมาณ และราคาที่ลูกค้ารับได้ "มีตอนหนึ่งคุณจะขายเท่าไหร่ คุณปูจากเซเว่นถามเถ้าแก้ย้อยบอกว่า 80 บาทต่อถุงครับ คุณปูบอกว่า แพงค่ะ ร้านเราเป็นร้านสะดวกซื้อ หากขาย 80 บาทเกรงว่าลูกค้าไม่สะดวก และอีกอย่างซองสินค้าคุณใหญ่ไปวางที่วางสินค้าเราไม่ได้ " กระบวนการต่างๆที่คุณปูแนะนำนำมาสู่การปรับปรุงและลงมือทำ พร้อมทั้งการเรียนรู้แลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน หรืออีกนัยคือ กลยุทธ์ที่คุณต๊อบมองเห็นในการเข้าตลาดผ่านทาง 7-eleven และจะทำให้เถ้าแก่น้อยบรรลุวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้ก็คือ กลยุทธ์ “ป่าล้อมเมือง” โดยเปรียบผู้บริโภคเป็น “เมือง” ส่วน 7-eleven เป็น “ป่า” ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าได้ง่ายอีกทั้ง เสียเงินแค่ 500,000 บาท สำหรับกลยุทธ์ในการทำให้ผู้บริโภครู้จัก โดยมีการทำแพคเกจที่ราคา 10  บาท เน้นราคาถูกไว้ก่อน เพราะ ใครๆก็ซื้อได้ และเป็นการได้ลองทาน นอกจากนี้คุณต๊อบยัง ตั้งชื่อกลยุทธ์ด้วยตนเองอีกกลยุท์ก็คือ “Give Marketing” โดยในระยะเวลา 3 เดือน โดยมีสโลแกน “ขาดทุนคือกำไร” โดยแบ่งตามอัตราส่วน  40% แจกฟรี และ 60% ไว้ขาย เป็นกลยุทธ์ที่ให้สินค้าฟรีกับทางลูกค้าได้ลองทานในสิ่งที่ดี ที่ผ่านคัดสรรแล้ว โดยแจกผ่านตาม โรงเรียน มหาวิทยาลัย และสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นการใด้ใจผู้บริโภค แต่มีการแอบแฝง เพื่อที่ต้องการจะบอกให้ลูกค้ารู้ว่า ตอนนี้สินค้าเถ้าแก่น้อยมีวางจำหน่ายใน 7-Eleven ซึ่งเมื่อลูกค้าชอบสินค้า ก็สามารถไปหาซื้อได้ที่นี่ได้ สำหรับหลักการผลิตนั้นเถ้าแก่น้อยจะเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง และผลิตสินค้าออกมาให้ดีที่สุดแก่ผู้บริโภค นี่ก็คือหลักของการให้ ที่ทางเถ้าแก่น้อยกำลังสื่อสารต่อผู้บริโภคนั่นเอง

ข้อที่ 4 ทำอย่างไรระบบบริหารไหนที่สอนเด็กติดเกมส์ไม่ได้จบปริญญาจนเป็นมหาเศรษฐีมากมายขนาดนี้  บอกได้คำเดียวและตรงที่สุดคงต้องมาจากเจ้าตัวที่พูดว่า " อาจารย์ที่สอนชื่อประสบการณ์และมีเพื่อนมากมายคือหยาดเหงื่อ ผมเสียโอกาสที่จะได้ใบปริญญาจากมหาวิทยาลัย แต่ที่ได้กลับมาคือประสบการณ์ชีวิต ที่เหนือกว่าเด็กรุ่นเดียวกันหลายเท่าตัว"  ผมว่าสิ่งหนึ่งที่อาจหาไม่ได้กับทุกคนคือความมุ่งมั่นพร้อมทั้งความเชื่อมั่น และการทำของเขาทุกครั้งนำมาปรับสร้างการเรียนรู้และแผนการตลาดของเขาอย่างต่อเนื่อง....


จากหนังสู่...เถ้าแก่น้อยชีวิตจริง 

         ส่วนเรื่องการเรียนของ ต๊อบ อิทธิพัทธ์ นั้น ตอนนี้เขามีวุฒิการศึกษาสูงสุดเพียงแค่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เท่านั้น ซึ่งตอนนี้เขาก็ได้ลงเรียนอีกครั้งที่ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช แต่ปัจจุบันสำเร็จการศึกษาแล้ว ซึ่งแม้ว่าเขาจะเชื่อว่า ประสบการณ์ไม่ได้มาจากทฤษฎีในห้องเรียน แต่มันมาจากการลงมือปฏิบัติก็ตาม แต่ที่เขาเรียนนั่นก็เพื่ออยากจะให้พ่อแม่ได้ภูมิใจ และอยากถ่ายรูปรับปริญญาร่วมกับครอบครัวเพียงเท่านั้น...

  

ประวัติ ต๊อบ อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์
ชื่อ อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์
ชื่อเดิม ต่อพงศ์ กุลพงษ์วาณิชย์
ชื่อเล่น ต๊อบ
อายุ 26 ปี
การศึกษา
อนุบาล-ประถมศึกษา โรงเรียนปานะพันธ์วิทยา
มัธยมศึกษาตอนต้น เซนต์ฟรังซีสเซเวียร์ เมืองทองธานี
มัธยมศึกษาตอนปลาย สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี
ระดับอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยหอการค้า คณะบริหาร 


     เป็นเจ้าของกิจการสาหร่ายเถ้าแก่น้อย“การลงทุนครั้งนี้จะแบ่งออกเป็น 2 เฟส โดยขณะนี้ได้ใช้พื้นที่ไปแล้ว 12 ไร่ จากนั้นภายใน 7 ปีจึงจะขยายการลงทุนทางด้านเครื่องจักรและพัฒนาโรงงานเพิ่มขึ้นอีก 32 ไร่ รวมเป็น 44 ไร่ โดยคาดว่าต้องใช้งบประมาณลงทุนเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 400 ล้านบาท ส่วนการผลิตในปัจจุบันได้ขยายเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านแผ่นต่อวัน จากนั้นจึงจะขยายกำลังการผลิตตลอด 24 ชั่วโมงเป็น 2.5 ล้านแผ่นต่อวัน”
 
      บริษัทยังมีแผนการลงทุนในต่างประเทศ โดยตั้งเป้าหมายว่าภายใน 3 ปี หรือเมื่อบริษัทมียอดขายได้ประมาณ 3.5 ล้านแผ่นต่อวันจะเริ่มดำเนินการขยายฐานการผลิตในประเทศจีน หรือหากสามารถทำยอดจำหน่ายในประเทศเมียนมาร์ได้ปีละ 200 ล้านบาทก็อาจจะเปลี่ยนเป้าหมายไปยังประเทศเมียนมาร์
 
      นอกจากนี้ยังจะเริ่มทำตลาดสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และยุโรปภายใน 7 ปีก่อนที่จะทำตลาดครอบคลุมทั่วโลกได้ภายใน 10 ปี ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ถึง 1 หมื่นล้านบาท
 
        สำหรับตลาดผลิตภัณฑ์สาหร่ายทะเลแปรรูปในปี 2555 เติบโตขึ้นประมาณ 40% โดยในส่วนของ “เถ้าแก่น้อย” มียอดจำหน่ายรวมประมาณ 2.4 พันล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 27% หรือคิดเป็น 60% ของตลาดรวม แบ่งเป็นยอดจำหน่ายในประเทศประมาณ 1.6 พันล้านบาท และต่างประเทศ 800 ล้านบาท โดยปัจจุบันทำการส่งออกประมาณ 30 ประเทศ ทั้งยังสามารถทำยอดจำหน่ายเป็นอันดับ 1 ใน 9 ประเทศ คือ ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน เมียนมาร์ กัมพูชา และลาว
 
      ในปี 2556 บริษัทตั้งเป้าการจำหน่ายประมาณ 3 พันล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 2 พันล้านบาท และต่างประเทศ 1 พันล้านบาท โดยได้จัดงบประมาณการตลาดในปี 2556 เป็นจำนวนเงิน 200 ล้านบาท โดยเน้นการทำตลาดด้วยการใช้กลยุทธ์ Idol Marketing
       



ท้ายสุดผมขอมอบเพลงประกอบหนังเรื่องนี้ให้เถ้าแก่น้อยและทุกท่าน เมื่อท่านหมดหวังยังมีแสงสุดท้ายครับ  เพลงนี้เพลงแสงสุดท้าย 



ข้อมูลประกอบการเขียน 

http://blog.eduzones.com/poonpreecha/79267

http://hilight.kapook.com/view/63170

http://www.manager.co.th/iBizchannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000012474

หมายเลขบันทึก: 534868เขียนเมื่อ 6 พฤษภาคม 2013 03:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม 2013 11:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)

การเรียนมิใช่หนทางเดียวแห่งการประสบความสำเร็จ   

ประสบการณ์...และความมุ่งมั่น.....ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่อาจจะพาเราไปสู่เส้นชัย

  คุณมะเดื่อ  ขอบคุณมากครับพี่ที่เข้ามาเยี่ยมชม  ผมเห็นด้วยประสบการณ์คือครูที่สำคัญมากๆและความพยายามครับ  ดังที่ต๊อบพูดว่า 

" อาจารย์ที่สอนชื่อประสบการณ์และมีเพื่อนมากมายคือหยาดเหงื่อ ผมเสียโอกาสที่จะได้ใบปริญญาจากมหาวิทยาลัย แต่ที่ได้กลับมาคือประสบการณ์ชีวิต ที่เหนือกว่าเด็กรุ่นเดียวกันหลายเท่าตัว"

สร้างแรงบันดาลใจเอามากทีเดียวครับ 


 ขจิต ฝอยทอง
 นาง นงนาท สนธิสุวรรณ
  ขอบคุณสำหรับดอกไม้ครับ และการเข้ามาเยี่ยมชม ทั้งอาจารย์ขจิตและพี่นงนาทครับ 



เป็นการรวบรวมตัวอย่างชีวิตเถ้าแก่น้อยได้อย่างสมบูรณ์ ขอบคุณมากครับ

  Dr. Pop    ขอบคุณครับพี่ ดร.ป๊อบที่เข้ามาเยี่ยมชมและเข้ามาอ่านครับพี่..... 

หลายปีมาแล้ว วู้ดดี้ได้นำ "ต๊อบ (เถ้าแก่น้อย)" ไปสนทนาในรายการ TV และนำเสนอเป็น 2 ตอน เป็นการสัมภาษณ์พูดคุย เกี่ยวกับแรงบันดาลใจและการพัฒนาสู่การเป็นเถ้าแก่น้อย ก่อนที่จะมีสื่อใดๆ นำเสนอ 

ช่วงนั้น "ไอดิน-กลิ่นไม้" กำลังรับผิดชอบสอนระดับปริญญาตรีในรายวิชา "พฤติกรรมมนุษย์กับการพัฒนาตน" เห็นโฆษณารายการดังกล่าวก่อนวันออกอากาศ พอถึงวันออกอากาศจริง จึงได้บันทึกรายการดังกล่าวทั้งสองตอน แล้วนำไปใช้เป็นสื่อประกอบการสอน ในหัวเรื่องการพัฒนาตน (ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จ) โดยให้นักศึกษาดูแล้วตอบคำถามเชิงวิเคราะห์ นับเป็นสื่อที่นักศึกษาสนใจมาก และหลายๆ คนบอกจะนำไปเป็นตัวแบบในการพัฒนาตน ค่ะ 

ความสำเร็จ..ความมุ่งหวัง...ชีวิต..ไม่ได้..มีฐาน..ที่อำนาจ..เงินตรา..อย่างเดียวมันอาจจะ..เหมือน..มีด..สองคม....อ้ะะ..(ยายธี)

มาเยี่ยมค่ะ พี่ก็ชอบหนังสือประเภทอ่านแล้วเกิดแรงบันดาลใจ

เรื่องที่อ่านตอนนี้ คือ The Magic พี่พิสูจน์แล้ว เราได้ทุกสิ่งเหมือน  the magic ลองอ่านดูนะคะ

พี่แก้ว

  ไอดิน-กลิ่นไม้  ขอบคุณมากครับพี่ที่เข้ามาเยี่ยมชม จากการศึกษาพฤติกรรมน่าสนแรงผลักอันใดให้เขาสามมารถเป็นถึงได้ขนาดนี้ เอาจุดดีมาใช้คือทน มุ่งมั่นพร้อมทั้งการพยายาม ...

   ยายธี   ยายธีขอบคุณมากครับที่เข้ามาเยี่ยมชมและกระตุกต่อมความคิดบางครั้งความสุขของคนแม้ไม่ได้รวยก็มีความสุขเหมือนกัน...

  แก้ว..อุบล  พี่แก้วขอบคุณมากนะครับ ผมจะลองอ่านครับผมยังติดตามบันทึกหรืองานพี่แก้วเสมอเพราะผมอ่านแล้วได้ความรู้เอามาปรับการทำงานได้เยอะมากครับ 

ขอบคุณเรื่องราว ที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลาย ๆ คนเลยนะครับคุณลูกหมู

..

ยาว...แต่ทุกบรรทัดเต็มคุณภาพเลยนะครับ

เป็นกำลังใจในการเขียนบันทึกดี ดี เช่นนี้อีกนะครับ

  พี่แสงขอบคุณมากครับที่เข้ามาเยี่ยมชมยังติดตามผลงานของพี่แสงอย่างสม่ำเสมอครับ ในการถ่ายทอดเรื่องราว การถ่ายภาพและเสียงเพลงที่สร้างพลังมากมายครับพี่ 

สวัสดีค่ะลูกหมูเต้นระบำ..แวะมาชื่นชมบันทึก...เถ้าแก่น้อย...ค่ะ

ชอบค่ะ ได้แรงใจดี ดูตั้งหลายรอบเลยค่ะ

  ดร. พจนา แย้มนัยนา  ขอบคุณมากครับอาจารย์ที่เข้ามาเยี่ยมชมครับ


  tuknarak ขอบคุณนะครับที่เข้ามาอ่านและเป็นกำลังในนะครับพี่ ..


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท