เรารู้จักกันเริ่มแรกก็ตอนที่ป้าต้องมาขอรับคำปรึกษาและตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีก่อนที่จะทำการรักษา(ผ่าตัด)เกี่ยวกับโสตสอนาสิกเมื่อสามปีก่อน...หมอสงสัยว่าป้าอาจจะเป็นมะเร็งในหลอดอาหาร(แต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีDxที่แน่ชัด)
.ป้าสมปองของน้องๆชาวหอผู้ป่วยหญิงเป็นคนไข้ที่มีความอดทนสูงมากเพราะนอกจากจะรับรู้ว่าตนเองติดเชื้อแล้วยังมีอาการทางกายอื่นๆที่ป้าต้องเผชิญพร้อมกัน..ที่หนักหนาที่สุดก็คือปัญหาของการไม่สามารถกินหรือกลืนน้ำและอาหารทางปากได้..ต้องปั่นอาหารให้ละเอียดก่อนที่จะใช้หลอดกรอกลงเข้าสู่หลอดอาหารทางสาย..สลับกับบางทีทีป้าจะต้องโดนตัดชิ้นเนื้อในปากหลายๆตำแหน่งไปตรวจทางแล็บซึ่งป้าบอกว่าเจ็บมากแต่ก็ยังน่าเบื่อน้อยกว่าการที่ถูกนำเอาไปร่วมประชุมเป็นเคสคอนเฟอเร็นท์ที่ยังอีกโรงพยาบาลหนึ่งเพื่อขอความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญในการวางแผนการรักษาให้กับป้า..เพราะว่าจะต้องเดินทางไปตั้งแต่เช้าอยู่ที่นั้นเกือบตลอดวันป้าเหนื่อยและรู้สึกท้อว่าไม่มีคำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับโรคหรืออาการป่วยที่ป้าเผชิญอยู่ว่ามันคืออะไรกันแน่.!!ป้าระบายว่าหมอเขาสนใจอาการที่พบมากกว่าตัวป้า...ป้าเลยเบื่อไม่อยากไปเพราะรู้สึกว่าไม่มีประโยชน์...
ฉันจะขึ้นไปเยี่ยมและคุยกับป้าสมปองเสมอๆแต่แต่ละครั้งจะไม่ค่อยได้คุยนานนักเพราะร่างกายของป้าค่อนข้างอ่อนแอ..แม้ป้าอยากจะพูดหรือเล่าอะไรมากกว่านี้แต่ไม่นานก็จะเริ่มหายใจถี่ๆและบางทีก็มีไอมีเสมหะหรือน้ำลายปนเลือดมาแทรก.
..ครั้งล่าสุดที่มานอนรพ.เจอกันต่อเนื่องนานหลายเดือนเลยได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้นส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องธรรมะบ้าง(ป้าชอบอ่านหนังสือและฟังรายการธรรมะทางวิทยุมาก..ป้าบอกใจสู้เต็มร้อยนะหมอแต่สังขารไม่ให้เสียแล้ว)..กะเรื่องลูกๆทั้งสองคนของป้าบ้าง.
..ตอนนี้ที่ป้ามาป่วยมีลุง(แฟนใหม่)ซึ่งอายุเลยวัยเกษียณมาเฝ้าอยู่ประจำแต่ไม่ค่อยเห็นลูกแต่ป้าบอกว่าลูกสาวดีมาก เขาจะมาช่วยดูแลในช่วงวันหยุดและช่วยเหลือติดต่องานต่างๆให้ป้าทางด้านนอกแต่สำหรับลูกชายป้าจะทำตาแดงๆแล้วก็ตัดบทพูดว่า"ช่างเขาเถอะ"...
สองสามสัปดาห์ก่อนป้ากระสับกระส่ายและดูซึมลง.
.พยาบาลตึกบอกว่าป้าเครียดเกี่ยวกับเรื่องลูกชาย.
.เข้าไปคุยไม่ทันถามป้าก็รีบถามเราก่อนว่า"ถ้าเราทำประกันไว้แล้วฆ่าตัวตาย,ลูกจะยังได้เงินไหม.".
.ฟังแล้วตกใจมีอะไรเกิดขึ้น
....ป้าบ่นน้อยใจลูกชายที่เพิ่งมาเยี่ยมและพูดจาไม่ดีกับป้าเป็นทำนองว่าอยู่ไปก็ทรมานและขวางทางเจริญก้าวหน้าของคนอื่นเขา
เราได้ฟังก็แอบนึกตำหนิลูกชายป้าในใจแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาให้ป้าต้องมาช้ำใจเพิ่มเติมไปอีก
ได้แต่บอกกะป้าว่าให้อภัยเขาได้ไหมล่ะ..
ป้าก็มีน้ำตาไหล..ไม่พูดอะไร
ฉันเงียบ..ตั้งใจรับฟังว่าจะป้าพูดอะไรต่อหรือเปล่าแต่ป้าก็ถามซ้ำเรื่องกรรมธรรม์จึงสอบถามรายละเอียดและให้ข้อมูลเท่าที่รู้เกี่ยวกับการรับผลประโยชน์จากกรรมธรรม์ประกันชีวิต
กรณีของป้าเมื่อวิเคราะข้อมูลตอบได้เลยว่ากรรมธรรม์หนึ่งในสามฉบับที่ป้าทำไว้จะเป็นโมฆะอย่างทันทีและแน่นอนถ้าป้าตัดสินใจที่จะฆ่าตัวตาย..อีกหนึ่งฉบับล่อแหลมกับการถูกยกเลิกหรือคืนเงินที่จ่ายเพราะอายุการทำประกันอยู่ในช่วงหลังจากที่ป้ารับรู้ผลเลือดไปแล้วอีกฉบับมีสิทธ์สมบูรณ์เพราะป้าทำมานานกว่าสิบปีมาแล้ว.
..ป้าฟังแล้วก็บอกว่าถ้าหมอฟังผลชิ้นเนื้อครั้งล่าสุดของป้าแล้วป้าอยากกลับบ้าน.
.ฉันแกล้งดักคอว่ากลับบ้านไปทำร้ายตัวเองไม่เอานะ
ป้ายิ้มๆบอกว่าไม่แน่หรอกถ้าจะทำจริงๆถึงอยู่รพ.ก็ทำได้..แต่อยากกลับบ้านไปจัดการเคลียร์เรื่องเงินเรื่องผลประโยชน์ให้กับลูกชายลูกสาวจริงๆ..หากฉันไม่ทำอะไรให้ชัดเจนตอนนี้ลูกชายอาจจะทำร้ายลูกสาวเพราะคิดว่าแม่คงจะยกสมบัติให้แต่ลูกสาวคนเดียวไม่ได้นึกถึงเขา..เขาเป็นคนที่อารมณ์ร้ายใจร้อนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว.
มาถึงตรงนี้ฉันเริ่มเข้าใจภาพบางอย่างในบ้านป้าชัดมากขึ้น..จริงๆแล้วคนที่ป้าให้ความสนใจน้อยที่สุดก็คือ"ลุง"(แฟนใหม่)เพราะป้าเปิดเผยมาตลอดและไม่ได้บังคับให้ลุงต้องมาอยู่เฝ้าดูแลอะไรแบบนี้แต่ลุงก็เลือกที่จะมาอยู่เฝ้าไม่ไปไหนและเพราะป้ามองว่าตัวลุงเองก็พอจะมีเงินบำนาญพร้อมทั้งมีลูกหลานของตัวช่วยเหลือดีอยู่แล้ว ป้าจึงไม่คิดที่จะยกเงินหรือกรรมธรรม์อะไรให้ลุงแต่จะยกให้ลูกสองคนแต่ป้าขอแบ่งให้ลูกสาวเยอะกว่าลูกชายหน่อยเพราะถ้าไม่มีเงินลูกชายก็คงจะมาไถเงินพี่สาวอยู่ดี.
.สรุปกันตรงที่ฉันได้แต่เพียงสร้างความหวัง(ซึ่งตอนนั้นดูริบหรี่มากๆว่าจะทำได้หรือป้าสมปองอาจจะต้องอยู่รพ.จนวาระสุดท้ายเสียมากกว่า)ให้ป้าสมปองว่า"จะกลับบ้านได้..ต้องให้น้ำหนักเพิ่มกว่านี้อีกนิดและพยายามพลิกตัวเหยียดแข้งเหยียดขาฝึกรับน้ำหนักก่อนกลับบ้านให้ได้ดีกว่านี้สิแล้วจะช่วยพูดกับหมอให้"
ป้าก็พยายามทำและเริ่มทวงสัญญาว่าเมื่อไหร่จะได้กลับบ้านล่ะ เห็นความพยายามที่จะเพิ่มการกินและการพยายามยกตัวและเคลื่อนไหวของป้าแล้วเราก็เริ่มคุยกันในทีมผู้ดูแล..ผลแล็ปไม่ดีเลยนะอาการอย่างนี้กลับบ้านไปเดี๋ยวก็ทรุดหรอก..จะกลับไปไหวหรือแผลในปากยังไม่ดีเลย...ฉันขอความเห็นหมอว่าแต่ถ้าผู้ป่วยยืนกรานที่จะกลับล่ะเราควรจะเตรียมให้ญาติดูแลเขาเหมือนกับที่โรงพยาบาลได้อย่างไร..หมอก็คิดและตอบว่า"ที่จริงก็เป็นเคสN/Aแล้วแหละแต่หมอก็อยากที่จะพยายามรักษาโน่นรักษานี่ให้กับผู้ป่วยเท่าที่คิดว่าจะเป็นไปได้แต่หากทำให้คนไข้ไม่มีความสุขบางทีหมออาจจะให้คนไข้กลับไปบ้านสักระยะหนึ่งไปจัดการทำธุระอะไรให้เรียบร้อยก็ได้"แต่ช่วงนี้หมอยังคิดว่าร่างกายคนไข้ยังไม่พร้อมที่จะออกจากร.พ.รอดูผลอีกสักสัปดาห์ไหวไหม หมออยากรอดูผลชิ้นเนื้อรอบสุดท้ายก่อน.
.เมื่อไปถ่ายทอดให้ป้ารับรู้ป้าก็ดีใจและยอมอยู่ต่อ.
พรุ่งนี้ป้าจะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว...
ช่วงตั้งแต่ที่ตัดสินใจยอมให้ป้ากลับบ้านได้พยาบาลก็ได้ช่วยสอนและฝึกหัดญาติ(ลุงกับลูกจ้างที่ป้าจ้างมาดูแล)ให้รู้จักวิธีการทำแผล เปลี่ยนและใส่สายยางอาหารฯลฯสิ่งที่จำเป็นต้องไปทำต่อที่บ้าน
ลุงเองก็ดีไม่ว่าอะไรแต่มีงอนนิดหน่อยที่ป้าขอกลับบ้านเองก่อนที่หมอจะอนุญาต..
..เจอกันเย็นที่ผ่านมาวันนี้ป้าอารมณ์ดีกว่าทุกๆครั้งบอกว่า"จะได้กลับบ้านแล้วนะพรุ่งนี้ลูกสาวจะจ้างรถมารับ...ป้าอยากจะขออยู่จนถึงวันจันทร์หน้าจะได้ไหม..เพราะราชการจะทำงาน.
.ฉันแกล้งแหย่ว่า"ถ้าอยู่ได้เลยไปถึงเดือนหน้าล่ะจะโกรธกันไหม
ป้าก็ยิ้มกว้างชมฉันว่าปากหวานชอบให้คนแก่หลง
...แล้วป้าก็พูดเบาๆแต่จริงจังว่า"ฉันรู้ว่าคงอยู่ได้ไม่นานหรอกแต่ก่อนตายไม่อยากให้ลูกต้องมาทะเลาะกันและคิดว่าแม่ไม่รักเขา"..
ป้าอยากให้ฉันมาเยี่ยมครั้งสุดท้ายก่อนกลับบ้านฉันรับปากว่าจะพยายามมาให้ได้
ก่อนฉันจะลงจากตึกป้าสมปองพยายามยกตัวลุกขึ้นนั่ง..ยกมือไหว้กล่าวขอบคุณฉัน..ส่วนคุณลุงรีบหลบไปที่ที่นั่งด้านหน้าตึก..
ปล.นางแบบในภาพไม่ใช่ป้าสมปองแต่เป็นแม่ของSeangjaเองจ๊ะ
ขอบคุณนะคะพี่ขวัญ
ขณะที่อ่านไปนั้นเหมือนได้ยินทั้งเสียงและมองเห้นหน้าพี่ขวัญไปด้วย...ความหวังและการทำมรณสติ..คือ สิ่งสำคัญสำหรับป้าสมปอง..แม้ว่าผลจะออกมาอย่างไร..แต่การเตรียมความพร้อมในการเผชิญ...นั้น คือ สิ่งสำคัญ..
Reality approach counseling...เป็นเหมือนไฟฉายที่จะส่องให้เราจูงมือกันเดินไปหาสิ่งที่ค้นพบในตนเองำสำหรับผู้บำบัดและผู้มารับการบำบัด...
ป้าสมปองดูเหมือนจะเป็นตัวอย่างสำหรับ case ที่มีการเตรียมความพร้อมต่อการเผชิญ...ความไปที่จะเกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การที่เราสามารถช่วยเหลือให้ case สามารถ...มีอยู่ ณ ปัจจุบันอย่างนิ่งและสงบในอารมณ์ได้นั้น จัดว่าเป็นสิ่งที่สุดยอดและท้าทายยิ่งนัก...สำหรับการช่วยเหลือ case แต่ละราย...
เรื่องเล่าอย่างนี้...กะปุ๋มก็ยังรู้สึกชอบอยู่เฉกเช่นเดิม..เพราะช่วยให้ใครหลายๆ คน..ได้มองเห็นกระบวนการแห่งการช่วยเหลือ และบางครั้งกะปุ๋มก็นำไปเป็นกรณีตัวอย่างให้ใครอีกหลายๆ คนได้เห็นถึงภาพแห่งการช่วยเหลือ...
ขอบคุณอีกครั้งนะคะ
*^__^*
กะปุ๋ม
kapoom
ขอบคุณสำหรับการต่อยอดความรู้และความคิดให้มากเลยจ๊ะ....พี่เองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ป้าเป็นอย่างไรบ้างแต่ตอนไปเยี่ยมก่อนกลับบ้านป้าสีหน้ามีความสุขมากแม้จะไม่แข็งแรงนัก...กำลังใจเป็นเหมือนดั่งยาชูกำลังจริงๆสำหรับคนเรา
คุณปวีณา
ขอบคุณที่ร่วมแลกเปลี่ยนกันค่ะ ใช่เลยค่ะที่เลือกเขียนเรื่องป้าก็เพราะทำให้รู้สึกนึกถึงและรักแม่มากขึ้นเมื่อเราได้รู้จักและรับรู้เรื่องราวต่างๆของป้ามากขึ้น..แต่ถึงอย่างไรการรักษาใจให้เป็นกลางไม่เข้าข้างใครจนสุดโต่งก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้บำบัดและทำงานการให้คำปรึกษาครอบครัวพึงมีสติ ระลึกรู้ให้ทันอารมณ์ของตนเองอยู่เสมอ..แฮะแฮะ..สุดท้ายก็ขอขอบคุณมากค่ะสำหรับกำลังใจที่ส่งมาให้ค่ะ.
ได้รับรู้จากการแบ่งปันแล้วก็รู้สึกดีใจแทนผู้ป่วยที่มีบุคลากรที่เป็นห่วงเป็นใยนะ ภูมิใจแทนขวัญจริง ๆ
ขอบคุณมากค่ะพี่เล็กสำหรับกำลังใจและการเข้ามาต่อเติมให้กับน้องคนนี้อยู่เสมอ...