กระต่ายบนดวงจันทร์


เรื่องของลูกสาว :

กระต่ายบนดวงจันทร์





ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต




          “คุณพ่อขา! ทำไมกระต่ายถึงขึ้นไปอยู่บนดวงจันทร์ได้ละค่ะ?  หนูอยากทราบจังเลยค่ะ ”  น้องเพียงพอลูกสาวคนโตของผมถามขึ้นในค่ำคืนหนึ่ง ในขณะที่ผม ภรรยา และลูกสาวทั้ง 2 คน กำลังพากันนอนอยู่บนเตียงนอน

          “หนูอยากฟังที่มาของเรื่องนี้ไหมละลูก?”  

          “อยากฟังสิค่ะ หนูถึงได้ถามคุณพ่อไง”  เธอยืนยัน

          “เปิ้นก็อยากฟังโตยเน้อ อีป้อ”  น้องแพรวพราว ลูกสาวคนเล็กสนับสนุนอีกหนึ่งเสียง

          “ถ้าอยากฟัง พ่อก็จะเล่าให้ฟัง แต่ต้องพากันตั้งใจฟังดีๆ น่ะ”  ผมบอก

          “ค่ะ!  หนูจะตั้งใจฟังค่ะ”  เด็กๆ พากันรับปาก

          “เรื่องนี้มีที่มาในชาดก ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก”

          “ชาดก คืออะไร?  พระไตรปิฎก คืออะไรค่ะ?”  นอกเพียงพอถามขึ้นด้วยความอยากรู้

          “ชาดก คือ นิทานทางพระพุทธศาสนาจ๊ะ  ส่วนพระไตรปิฎกก็คือคัมภีร์ที่รวบรวมหลังคำสอนของพระพุทธศาสนาเอาไว้”  ผมตอบเธอเพียงสั้นๆ เพราะไม่อยากให้เธองงและถามมากไปกว่านี้  (คิคิคิ)

          “อ๋อ! เข้าใจแล้วค่ะ”  เธอบอก

          “เรื่องนี้มาใน สะสะบัณฑิตชาดก จะตุกะนิบาต  อังคุตตระนิกาย สุตตันตะปิฎก...”  เมื่อเล่าถึงตรงนี้ผมก็อยู่พูดสักครู่ เพื่อสังเกตดูว่าน้องเพียงพอจะถามอะไรเพิ่มเติมอีกไหม  แต่ก็ต้องรู้สึกแปลกใจที่เธอไม่ได้ถามอะไรอีกเลย ผมเลยถือโอกาสเล่าเรื่องราวต่อไปเรื่อยๆ


          “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีสัตว์ 4 สหาย คือ กระต่าย ลิง สุนัขจิ้งจอก และนาก เป็นเพื่อนรักกัน  โดยสหายทั้งหมดอาศัยอยู่ในป่าใหญ่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ โดยมีกระต่ายเป็นหัวหน้า

          วันหนึ่งกระต่ายแหงนมองดูดวงจันทร์บนท้องฟ้า เห็นพระจันทร์เกือบเต็มดวงแล้ว ก็รู้ได้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันพระใหญ่ เป็นวันรักษาอุโบสถศีล หรือศีล 8  ดังนั้นกระต่ายจึงบอกให้เพื่อนๆ อีก 3 ชีวิตพากันรักษาศีล 8 อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ชาติต่อๆ ไปจะได้อยู่ดีมีความสุขและได้ไปเกิดในภพที่ดีกว่า  จากนั้นสหายทั้งหมดก็พากันแยกย้ายไปหาอาหารเพื่อมาเก็บเอาไว้ทำทานให้กับผู้อื่น

           สุนัขจิ้งจอกหาอาหารไปเรื่อยๆ จนไปพบไก่ย่าง 1 ตัว เหี้ย 1 ตัว นมส้ม 1 หม้อ ที่กระท่อมหลังหนึ่ง จึงร้องขึ้น 3 ครั้ง เมื่อไม่เห็นเจ้าของร้องตอบรับออกมา จึงนำของทั้งหมดไปไว้ยังที่พักของตนและนอนรักษาศีลต่อไป

          ส่วนลิงเข้าไปหาอาหารในป่าได้มะม่วงมาเป็นจำนวนมาก แล้วก็กลับที่อยู่ของตน และนอนรักษาศีลอยู่

          เจ้านากออกหาอาหารไปเรื่อยๆ ไปพบปลาตะเพียน 7 ตัว ที่พรานเบ็ดฝังทรายกลบไว้ นากร้องขึ้น ๓ ครั้ง รู้ว่าไม่มีเจ้าของแล้วจึงคาบเอาปลาทั้ง 7 ตัวไปยังที่อยู่ของตน แล้วนอนรักษาศีลอยู่

          ฝ่ายเจ้ากระต่ายรักษาศีลอยู่ในที่อยู่ของตนและไม่ได้ออกไปหาอาหารมาไว้ให้ทาน คิดที่จะสละชีวิตให้ทานว่า " เราไม่มีสิ่งของจะให้ใคร  อาหารการกินของเราก็ไม่มี หากใครอยากได้อาหาร ก็จงกินเนื้อเราแทนเถิด"  คิดแล้วก็นอนรักษาศีลอยู่อย่างมีความสุขและไม่หวั่นไหว

          ด้วยอานุภาพแห่งศีลของกระต่ายทำให้บรรลังก์ของพระอินทร์เกิดความเร่าร้อน พระองค์จึงแปลงกายเป็นพราหมณ์ลงมาพิสูจน์ศีลของสหายทั้ง 4

          เริ่มด้วยการไปยังที่อยู่ของนากก่อน แล้วก็ร้องขออาหารกับนาก นากจึงกล่าวว่า "พ่อพราหมณ์เอ๋ย! เรามีปลาตะเพียนอยู่ 7 ตัว ขอเชิญท่านบริโภคเถิด" พราหมณ์รับปลาทั้งหมดไว้

          แล้วก็ไปยังที่อยู่ของสุนัขจิ้งจอก เอ่ยปากขออาหารจากสุนัขจิ้งจอกอีก สุนัขจิ้งจอกก็มอบอาหารให้พร้อมกับพูดว่า "ท่านพราหมณ์! ข้าพเจ้ามีเนื้อย่าง 1 ไม้ เหี้ย 1 ตัว นมส้ม 1 หม้อ ขอเชิญท่านบริโภคตามสบายเถิด"  พราหมณ์รับไว้อีกเช่นกัน

          จากนั้น พราหมณ์ก็ไปยังที่อยู่ของลิง และเอ่ยปากขออาหารเช่นเคย ลิงก็มอบอาหารให้พร้อมกับพูดว่า "ท่านพราหมณ์ผู้เจริญ! มะม่วงสุก น้ำดื่ม ร่มเงาไม้อันร่มรื่นข้าพเจ้าเตรียมไว้พร้อมแล้ว ขอเชิญท่านบริโภคและพักผ่อนตามสบายเถิด"

          พราหมณ์รับไว้ทั้งหมด แล้วก็ไปยังที่อยู่ของกระต่ายซึ่งเป็นหัวหน้าทีม พร้อมทั้งร้องขออาหารเช่นเดิม กระต่ายดีใจจึงพูดว่า " ท่านผู้เจริญ!  เราไม่มีงา ไม่มีถั่ว ไม่มีข้าวสาร ท่านจงก่อไฟขึ้นเถิด เราจะกระโดดเข้ากองไฟ จากนั้นก็ขอให้ท่านจงบริโภคเราผู้สุกด้วยไฟนี้ แล้วเจริญสมณธรรมอยู่ในป่าเถิด"

          พระอินทร์ในร่างของพราหมณ์จึงเนรมิตกองไฟขึ้น เมื่อเห็นดังนั้นกระต่ายลุกขึ้นจากหญ้าแพรกสลัดขนไล่สัตว์อื่น ๆ 3 ครั้ง มีความดีใจ ไม่หวั่นไหว ไม่กลัวต่อความตาย และกระโดดเข้ากองไฟไป แต่ก็ต้องแปลกใจว่าทำไมไฟถึงเย็นยิ่งนัก จึงถามพราหมณ์ดู 

          พระอินทร์ในร่างพราหมณ์จึงกล่าวว่า "ท่านบัณฑิต! เรามิใช่พราหมณ์ดอก เราเป็นพระอินทร์ เรามาเพื่อทดลองศีลของท่านเท่านั้นเอง"
           กระต่ายกล่าวขึ้นว่า  "ท่านเทวราช  ท่านหวังจะทดลองข้าพเจ้าเท่านั้นเองหรือ แล้วชาวโลกจะรู้ว่าข้าพเจ้าปรารถนาให้ชีวิตเป็นทานได้อย่างไรกันเล่า"

          พระอินทร์ตรัสว่า "การเสียสละชีวิตเป็นทานของท่านครั้งนี้จะปรากฏต่อชาวโลกตลอดไป"

          เมื่อตรัสดังนี้แล้ว ก็ทรงเขียนรูปกระต่ายไว้บนดวงจันทร์เป็นสัญลักษณ์ให้ชาวโลกได้เห็นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แล้วก็เสด็จกลับขึ้นไปบนสวรรค์  ส่วนสหายทั้ง 4 ก็พากันรักษาศีลและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจนตราบสิ้นชีวิต

          ด้วยเหตุนี้ ในยามที่เรามองขึ้นไปที่ดวงจันทร์เราจึงมองเห็นรูปกระต่ายอยู่บนนั้นทุกๆ ครั้ง”


         

          ชะรอยว่านิทานเรื่องนี้คงจะยาวมากเกินไปสักหน่อย  เมื่อผมเล่าจบ  จึงไม่มีใครพูดหรือถามอะไรขึ้นเลยสักคำ ได้ยินแต่เสียงกรนเล็กๆ ของ 3 แม่+ลูกที่หลับใหลไปก่อนตั้งนานแล้ว

          คร๊อกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ฟี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ








หมายเลขบันทึก: 533836เขียนเมื่อ 25 เมษายน 2013 12:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน 2013 11:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (26)

เข้ามาฟังนิทาน ให้หวน ย้อนไปในวัยเด็ก

ดีใจแทนน้องเพียงพอและน้องแพรวพราว จัง ที่คุณพ่อขยันหานิทานมาเล่าให้ฟังเนอะ...

ขอบคุณนิทานธรรมะค่ะท่าน สนุกค่ะ

เสียทรัพย์สิ่งของ....รู้สึกสูญเสีย      เสียผู้เป็นที่รัก....รู้สึกสูญเสีย

แต่เสียสละนั้นไม่สูญเสีย  กลับซาบซึ้ง น่า....สรรเสริญ

           แวะมาเยือนครับ

ขอบคุณเจ้า ที่เล่านิทานให้อ่าน  ก็เพิ่งได้อ่านนี้แหละ น่าสรรเสริญกระต่าย แต่ ถ้าไม่เสียชีพ ก็อย่าเสียสัตย์ นะคะ 

สวัสดีครับ  พี่ พ.แจ่มจำรัส


ผมบวชนาน นิทานเลยมีมากตามไปด้วยนะครับ   555

สวัสดีครับ  คุณ tuknarak


นิทานเรื่องนี้นอกจากทำให้รู้ที่มาของ "กระต่ายบนดวงจันทร์" แล้ว  ก็ยังมีข้อคิดแฝงอยู่อีกหลายอย่างด้วยนะครับ

ขอบคุณมากๆ ครับ ที่กรุณาแวะเข้ามาอ่าน

สวัสดีครับ  คุณรพี  กวีข้างถนน


การให้...ยิ่งเสีย ยิ่งได้(ความสุข) นะครับ

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ กับความเห็นข้างต้นของคุณรพี

สวัสดีครับ  พี่ krutoom


เสียชีพ  อย่าเสียสัตย์

เสียเข็มขัด  อย่าเสียกางเกง   555

ยายธี..ยังไม่หลับ..จ้า..มีต่อ..อีกไหม..จันทร์เจ้าขา..ขอช้าวขอแกง..ขอแหวน..ทองแดง..อิอิ....

มาฟังนิทานด้วยคนค่ะ

สวัสดีครับ  คุณยายธี

 

นิทานชาดกในพระไตรปิฎกมีอยู่หลายร้อยเรื่องเลยนะครับ

เอาไว้ผมจะค่อยๆ "ย่อย" มาเล่าให้คุณยายฟังอีกนะครับ  คิคิคิ

นิทานดี...แฝงความรู้ ขอบคุณครับอ้าย 

สวัสดีครับ พี่อร-Bright Lily


ขอบคุณมากๆ ครับ ที่กรุณาแวะเข้ามาอ่านและให้กำลังใจเสมอมา


สวัสดีครับ  คุณลูกหมูเต้นระบำ


ขอบคุณมากๆ ครับ ที่กรุณาแวะเข้ามาอ่านนิทานและร่วมให้กำลังใจ

-สวัสดีครับอ้าย...

-เพิ่งเคยได้ฟังนิทานเรื่องนี้ครั้งแรก...

-แต๊ ๆ นะครับท่าน..

-ต้องขอนำไปเล่าฮื้อคนใกล้ตั๋วฟังพ่องละ...55

-นิทานเรื่องนี้..ฟังแล้ว"หลับม่วน" 55

-สบายดีนะครับ..

-เก็บ"บะหนัด พันธุ์ใหม่"มาฝากคร๊าบ!!!


เพิ่งได้ฟังเรื่องนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน ขอบคุณค่ะ 

สวัสดีครับ  คุณเพชรน้ำหนึ่ง


นิทานเรื่องนี้มีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกกว่า 2000 ปีแล้วนะครับ 

 เพียงแต่ไม่มีใครนำมาเล่ามากนักเท่านั้นเอง  ทั้งที่เนื้อหาสุดยอดมากๆ เลย

สัปรดตา-ยาย ท่าทางคงจะหวานดีนะครับ  มีโอกาสผ่านไปทางพรานกระต่าย จะแวะเข้าไปซื้อสักตันครับ  555

สวัสดีครับ คุณ kunrapee


นิทานเรื่องนี้มีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกกว่า 2000 ปีแล้วนะครับ 

และในพระไตรปิฎกก็มีนิทานสนุกๆ และมีสาระดีๆ อยู่หลายร้อยเรื่อง

ว่างๆ จะพยายาม "ย่อย" และนำมาเขียนให้อ่านอีกนะครับ

สมเป็นพ่อตัวอย่าง

ชื่นชมครับคุณอักขนิช

สวัสดีครับ  คุณแสงแห่งความดี


แม้ว่ายุคนี้จะเป็นยุคของการ์ตูนและเอนิเมชั่น

แต่ "นิทาน" ก็ยังคงมีมนต์เสน่ห์อยู่เสมอ และยังคลาสสิคอยู่เช่นเดิมนะครับ

นิทานช่วยให้เด็ก ๆ มีสมาธิและเกิดจินตนาการที่ดีมาก ๆ จ้ะคุณอักขณิช

สวัสดีครับ  คุณมะเดื่อ


ใช่แล้วครับ  เห็นด้วยกับคุณมะเดื่ออย่างยิ่งเลยครับผม

ตามรอยความสุขคุณพ่ออารมณ์ดีมาค่ะ อ๋อ นี่เองคือพื้นที่ความสุขของน้องเพลิน

สวัสดีครับ  พี่กิ่ง Sila Phu-Chaya


พื้นที่ความสุขของผมมีอยู่รอบๆ บ้านนะครับ ทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่เว้นแม้กระทั่งตอนเข้านอนด้วยนะครับ  555

นิทานสร้างสรรค์ พ่อลูกผูกพัน ครับ

เป็นนิทานที่จับสรรพสัตว์กับศาสนามารวมกันได้ห่วยมาก (กระต่ายเห็นพระจันทร์เต็มดวงเลยรู้ว่าเป็นวันพระใหญ่) คือ ? อย่าฝืนครับถ้ามันไม่ได้จริง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท